“ทางที่ดีคือต้องจัดการทั้งหมด จะได้ไม่สร้างปัญหาวุ่นวายให้กับพวกเราอีก” อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการชิงดีชิงเด่นของบรรดาสตรีฝ่ายใน เขาเกรงว่าหยวนชิงหลิงจะถูกพวกนางเล่นงานเข้าสักวัน
หยวนชิงหลิงเองก็คิดไม่ต่างกัน
สองวันผ่านไป พระชายารองหยวนก็ได้ส่งข่าวมา โดยแจ้งว่าจะพามารดามาเยี่ยมที่จวน
หยวนชิงหลิงนึกขึ้นได้ว่าเคยรับปากนางไว้เมื่อก่อนหน้านี้ จึงให้คนส่งข่าวกลับไปว่า ในวันพรุ่งนี้นางจะรอให้การต้อนรับการมาเยือนของหยวนฮูหยินและพระชายารองหยวน
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวทราบข่าวการมาเยือนของหยวนฮูหยินและพระชายารองหยวนแล้วก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “มีนางมาเป็นเพื่อนคุย จะได้คลายความเบื่อหน่ายลงได้บ้าง”
หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาเอ่ยปากชื่นชมหยวนหย่งอี้ นางจึงพูดจาเย้าแหย่ขึ้นมาว่า “เดิมทีพระชายารองนางนี้น่าจะได้มาอภิเษกกับท่านเสียมากกว่านะ”
“ไม่มีทาง!” อวี่เหวินฮ่าวปฏิเสธเสียงแข็ง “กับคนอื่นข้าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ว่า กับแม่นางอี้แล้ว นางคงไม่อยากมาแต่งงานกับข้าหรอก”
หยวนชิงหลิงทำหน้าตากระเซ้าเย้าแหย่ “แน่ใจขนาดนั้นเลยหรือ?”
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า “นางเห็นข้าเหมือนกับหนูเห็นแมว ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่นางจะยอมแต่งงานกับข้าหรอก แค่นางได้เจอข้าข้างนอกจวนก็ถึงกับต้องรีบหลบ แต่ว่า ครั้งนี้นางมาพร้อมกับท่านแม่ของนาง หากนางมาเพียงลำพัง คงจะไม่กล้ามาแน่ๆ”
หยวนชิงหลิงรู้สึกได้ถึงพลังด้านมืด นี่มันส่งผลกระทบต่อคนที่มองโลกในแง่ดีได้จริงๆ นางรู้สึกเศร้ากับการเล่นตลกของอวี่เหวินฮ่าว
ซีมามาทราบข่าวว่าในวันพรุ่งนี้จะมีแขกมาเยือน นางเห็นว่าในจวนยังมีเนื้อสัตว์ที่วังหลวงส่งมาให้เหลืออยู่อีกมาก จึงให้คนไปหาซื้ออย่างอื่นมาสมทบ แล้วทำอาหารที่หลากหลาย เพื่อไม่ให้เป็นการขายหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงก็แต่งตัวอย่างเรียบร้อย นางคาดการณ์ว่าหยวนฮูหยินและพระชายารองหยวนน่าจะมาถึงราวๆเที่ยงวัน จึงให้คนไปนำสำรับมื้อเช้ามาให้ตนรับประทานก่อน
เมื่อเพิ่งจะรับประทานมื้อเช้าเสร็จ ก็ได้ยินสาวใช้เข้ามารายงาน “พระชายา พระชายารองหยวนทรงพาคนของจวนแม่ทัพหยวนมาเข้าเฝ้าเพคะ”
หยวนชิงหลิงตกใจ “มาแต่เช้าเลยหรือ? เช่นนั้นรีบเชิญไปที่ห้องโถงรองเร็วเข้า ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้”
บรรยากาศของห้องโถงใหญ่ค่อนข้างเป็นทางการ ดังนั้น เมื่ออวี่เหวินฮ่าวต้องการพบแขกจึงจะใช้ห้องโถงใหญ่ เมื่อนางจะพบแขกที่เป็นสตรี ส่วนมากจะใช้ห้องโถงรอง การตกแต่งของห้องโถงรองดูจะสบายตาสบายใจกว่ามาก
สาวใช้เอ่ยอย่างลำบากใจ “เกรงว่าห้องโถงรองจะนั่งกันไม่พอน่ะสิเพคะ”
หยวนชิงหลิงตะลึง “นั่งไม่พอ? พวกนางมากันกี่คนล่ะ?”
สาวใช้รายงาน “มองเผินๆก็น่าจะมี 20-30 คนเพคะ หรือไม่ก็ 30-40 คน? หรือไม่ก็มากกว่านั้นเพคะ”
หยวนชิงหลิงถึงกับอึ้ง
พระชายารองหยวนไม่ได้บอกว่าจะพาหยวนฮูหยินมาหรอกหรือ? แล้ว 30-40 คนนี้มันหมายความว่าอย่างไร? คงไม่ได้เชิญมาทั้งตระกูลหรอกกระมัง?
ซีมามารีบสั่งการในทันที “ให้คนครัวรีบออกไปซื้อวัตถุดิบ ซื้อเนื้อสัตว์มาเพิ่ม เฮ่อ ข้าจะจดรายการไปให้ก็แล้วกัน”
หยวนชิงหลิงเดินนำหน้าเฉียนมามากับลู่หยาและฉีโหลวออกไปต้อนรับ เมื่อเดินมาเกือบถึง นางรู้สึกแปลกใจ คนตั้ง 30-40 คนมารวมตัวกัน จะไม่พูดไม่จากันเลยหรือ? หากพวกนางต่างคนต่างพูด ก็คงจะพาให้ห้องโถงนั้นครึกครื้นยิ่งนัก แต่นี่กลับเงียบเป็นเป่าสาก!
“ท่านพี่หญิง!” ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏขึ้น นางจับมือหยวนชิงหลิงไว้ แก้มของนางแดงระเรื่อ ขนตางอนยาว ดวงตาที่กลมโตสุกสกาวมองมาที่หยวนชิงหลิง บ่งบอกถึงความรู้สึกปิติยินดีจากภายใน
ทุกครั้งที่หยวนชิงหลิงได้พบนาง ก็มักจะรู้สึกว่านางดูเหมือนกับแอปเปิลลูกหนึ่งที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ เป็นแอปเปิลลูกแดงใหญ่ที่มีน้ำค้างอยู่ด้านบน ดูสดใหม่ สวยงาม เนื้อแน่นและอุดมไปด้วยน้ำ ชวนให้ใครต่อใครอดใจไม่ได้ที่จะกัดแก้มแดงๆของนางเข้าสักคำ
“ใช่แล้วเพคะ ท่านย่าบอกว่าการจะมาแวะเยี่ยมคนอื่น ก็ต้องมาแต่เช้า และห้ามอยู่รบกวนนาน เพราะถึงอย่างไรจวนอ๋องก็คงไม่อาจให้คนจำนวนมากเช่นนี้เข้ามาพักได้อยู่แล้ว”
หยวนชิงหลิงไม่ค่อยเข้าใจ เข้ามาพัก? ดังนั้น วันนี้จะพากันมาอยู่ที่นี่ทั้งวันเลยงั้นหรือ? แต่ว่า นางยังประคองสติและถามกลับไปว่า “ท่านย่าของเจ้าก็มาด้วยหรือ?”
“มาแล้วเพคะ นางอยู่ด้านใน” หยวนหย่งอี้กล่าว
หยวนชิงหลิงรีบเดินเข้าไปข้างใน จะให้ผู้อาวุโสรอนานไม่ได้
เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาแล้ว ก็เห็นว่าในห้องโถงใหญ่มีคนกลุ่มหนึ่ง บางคนยืน บางคนนั่ง เก้าอี้รับแขกทั้งสองแถวมีคนนั่งจนเต็ม ส่วนเก้าอี้ตำแหน่งหลักทั้งสองที่ยังไม่มีคนนั่ง ยังคงเว้นว่างไว้เพื่อรอหยวนชิงหลิง
เก้าอี้ตัวแรกทางด้านซ้ายมือ มีหญิงชราผมสีเทาท่านหนึ่งนั่งอยู่ นางสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินปักลายค้างคาว ผมสีเทาถูกมวยเอาไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้ากลม ริ้วรอยยังไม่มากนัก หน้าตาดูสดใส นางยิ้มอย่างชื่นมื่นในขณะที่มองมายังหยวนชิงหลิง จากนั้น นางก็รีบลุกขึ้นยืน
ก่อนหน้าที่นางจะโค้งคำนับ หยวนชิงหลิงก็รีบเข้าไปประคองร่างของนาง “โถ่ ท่านผู้อาวุโส ท่านอย่าเกรงใจไปเลยนะคะ เชิญนั่งลงเถอะค่ะ!” พูดจบ ก็ประคองฮูหยินอาวุโสลงนั่งที่เก้าอี้ตำแหน่งหลักตัวซ้ายมือ
ฮูหยินอาวุโสยิ้มและกล่าวว่า “หม่อมฉันมิบังอาจหรอกเพคะ พระชายา เชิญท่านประทับเถอะ!”
หยวนชิงหลิงจูงมือนางเพื่อให้นั่งที่เก้าอี้ตำแหน่งหลักพร้อมๆกัน “หากท่านไม่นั่ง ข้าผู้น้อยก็ไม่บังอาจนั่งหรอกค่ะ”
ฮูหยินอาวุโสจะปล่อยให้คนท้องเช่นหยวนชิงหลิงยืนอยู่ได้อย่างไร นางจึงไม่บ่ายเบี่ยง และนั่งลงพร้อมกับหยวนชิงหลิง
เมื่อนางนั่งลงแล้ว ผู้คนในห้องโถงก็พากันลุกขึ้นยืนและโน้มตัวทำการคำนับ “คารวะพระชายา!”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนเป็นการตอบรับ “ท่านฮูหยินและคุณหนูทุกท่าน เชิญนั่งลงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
เท่าที่คาดคะเนด้วยสายตา ดูๆแล้วก็ประมาณ 30-40 คนจริงๆด้วย
ฮูหยินท่านหนึ่งลุกขึ้นยืนและทำความเคารพหยวนชิงหลิง “หม่อมฉันขอบพระทัยพระชายาที่ได้ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้เพคะ”
หยวนชิงหลิงจำนางได้ นางก็คือฮูหยินที่ถูกโจ๊กลวกจนมือได้รับบาดเจ็บในวันนั้น นางเป็นคนพันแผลให้
นางยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านฮูหยิน อย่าได้พูดถึงบุญคุณเรื่องการช่วยชีวิตเลย มือของท่านหายดีแล้วใช่หรือไม่?”
“ทูลพระชายา หายดีแล้วเพคะ” หยวนฮูหยินรู้สึกซาบซึ้ง นางกล่าวเสียงดังฟังชัด เหมือนกับนักเรียนที่ลุกตอบคำถาม
หลังจากนั้น แต่ละคนก็ได้แนะนำตัวเอง คนจำนวนมากเช่นนั้นแนะนำตัวเองทีละคนๆ หยวนชิงหลิงได้แต่ยิ้มและพยักหน้า นางยิ้มจนหน้าชา แต่ว่า นางเองก็จำได้เพียงแค่ไม่กี่คน เอาเป็นว่าพวกนางก็คือบรรดาหยวนฮูหยินและบรรดาคุณหนูหยวน หากไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้อง ก็เป็นท่านป้าท่านอา หยวนชิงหลิงสังเกตเห็นว่าพวกนางแต่ละคนดูทะมัดทะแมง การก้าวเท้าของพวกนางดูหนักแน่น ราวกับว่าแต่ละคนล้วนมีวิทยายุทธ
นางถึงกับแอบถามเฉียนมามาที่ยืนอยู่ข้างๆ “สตรีตระกูลหยวนล้วนมีฝีมือเชิงการต่อสู้งั้นหรือ?”
“แต่ละนางล้วนฝีมือดีมากเพคะ!” เฉียนมามากระซิบตอบ หยวนชิงหลิงรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก
นางมองดูเหล่าคุณหนู ผู้ที่อายุน้อยสุดก็คงจะ 7-8 ขวบ อายุมากสุดก็แค่เพียง 15-16 ปี พวกนางดูคล้ายคลึงกับหยวนหย่งอี้ ใบหน้ากลมมนน่าเอ็นดู เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จแล้ว ก็เป็นการมอบของกำนัล
แต่ละคนก็ได้เตรียมของกำนัลมาให้หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงถึงกับพูดไม่ออก
ในห้องโถงใหญ่มีศัสตราวุธวางเรียงรายอยู่มากมาย ทั้งดาบเล่มยาว หอก คันธนูพร้อมลูกศร ง้าว ขวาน กล่องเก็บอาวุธ……
“ดาบเล่มนี้หม่อมฉันสั่งคนทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำมาจากเหล็กบริสุทธิ์ มีความคมเป็นเลิศ พระชายาลองทดสอบดูสิเพคะ!” ฮูหยินอาวุโสกล่าวพลางยกของขึ้นถวาย
“ท่านย่า พระชายากำลังทรงพระครรภ์ ไม่อาจทดลองได้หรอกค่ะ” หยวนหย่งอี้กล่าวเตือน
ฮูหยินอาวุโสจึงนึกขึ้นมาได้ และได้กล่าวคำขอโทษ “หม่อมฉันช่างเสียมารยาทจริงๆ”
หยวนชิงหลิงโบกมือเป็นการปฏิเสธพลางฝืนยิ้ม “ข้าไม่สะดวกจริงๆ เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทดสอบดูนะคะ”
“ข้าเอง!” คุณหนูน้อยแห่งตระกูลหยวนเดินออกมาข้างหน้า นางก็คือคุณหนูวัย 7-8 ขวบนั่นเอง มือข้างหนึ่งถือดาบ เมื่อชักดาบออกมาจากฝักแล้วนางก็ตั้งดาบเอาไว้ตรงหน้า นางยิ้มให้หยวนชิงหลิงอย่างเหนียมอายแล้วถอยหลังไปราวๆ 10 เมตร เมื่อไปถึงประตูแล้ว นางก็ดีดเท้าแล้วทะยานตัวขึ้นมาในอากาศพลางยื่นดาบออกมา ไม่รู้ว่าข้อมือของนางมีการเคลื่อนไหวอย่างไร หยวนชิงหลิงเห็นแสงสะท้อนจากคมดาบสะท้อนไปสะท้อนมาอยู่ท่ามกลางอากาศ แสงสะท้อนจากคมดาบดูราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน คุณหนูตัวน้อยค่อยๆย่อตัวลงสู่พื้น ดาบเล่มยาวถูกฟันลงไปกลางฉากบังลมของห้องโถงใหญ่ มีเสียงแขวกดังขึ้น ฉากบังลมแยกออกเป็น 2 ฝั่ง แล้วล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
MANGA DISCUSSION