ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 190 แต่งฉู่หมิงหยางเป็นชายารอง
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า “ไม่ต้องปรึกษาหรอกพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องกราบทูลเสด็จพ่อ ไม่เป็นไรจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“พอได้แล้ว เจ้ากลับจวนไปดูแลนางให้ดีเถอะ หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ไทเฮาพูดเสียงดัง
อวี่เหวินฮ่าวสับสนงุนงงเป็นอย่างมาก เมื่อออกมาจากตำหนักก็ดึงตัวมามาไปที่มุมหนึ่งและถามเรื่องราวอย่างละเอียด
เมื่อเขาได้ฟังก็ตกใจ “เรื่องเป็นแบบนี้ที่ไหนกัน? ใครเป็นคนมาพูดเหลวไหลเช่นนี้?”
ตอนนี้พระชายาจี้อ๋องกำลังป่วย คงไม่ใช่นางที่เป็นคนมาบอกกล่าวเรื่องนี้แก่ไทเฮา
“วันนี้ฮองเฮามาถวายพระพรเพคะ” มามากล่าวเสียงเบา
ฮองเฮาไม่มีทางรู้เรื่องนี้ นอกจากมีใครเข้าวังมาบอกนาง
“วันนี้มีใครเข้าวังมาหาฮองเฮาหรือไม่?” อวี่เหวินฮ่าวถาม
มามายิ้มบางๆ “เรื่องนี้หม่อมฉันไม่รู้แล้วเพคะ หากท่านอ๋องจะถามก็ต้องไปถามใต้เท้ากู้ วันนี้ใต้เท้ากู้เป็นเวรลาดตระเวนที่ประตูวังเพคะ”
อวี่เหวินฮ่าวรีบไปหากู้ซือทันที
กู้ซือกำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูวังก็ถูกอวี่เหวินฮ่าวจับตัวไว้และถามว่า “กู้ซือ เจ้าบอกข้ามาตามตรง วันนี้ผู้ใดเข้าวังมาพบฮองเฮา?”
กู้ซืออึ้งไปเล็กน้อย “พบฮองเฮา? พระชายาฉีอ๋องไง”
ฉู่หมิงฉุ่ย? นางและพระชายาจี้อ๋องไม่ถูกกันมิใช่หรือ
“ทำไมหรือ?” กู้ซือเห็นหน้าอันโกรธเคืองของเขาจึงถาม
อวี่เหวินฮ่าวมองเขา “ไม่ใช่เพราะคู่หมั้นของเจ้าสร้างเรื่องเอาไว้หรือ?”
“คู่หมั้นของข้า?” กู้ซือไม่ชอบใจนัก เขาทำหน้าบึ้งตึง “อย่าพูดซี้ซั้ว ข้าไปมีคู่หมั้นที่ไหน? อย่ามาทำให้ข้าเสื่อมเสียดีกว่า”
“หยวนชิงผิง!” อวี่เหวินฮ่าวกล่าวเสียงเย็น
กู้ซือทำหน้างอ “อ้อ ใช่ นางใช่ นางทำไมหรือ?”
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวด้วยโทสะ “เมื่อวานนางนำแม่นางผู้หนึ่งมาที่จวน แม่นางผู้นี้ช่างบังอาจนัก อาจหาญบุกเข้าไปยั่วข้าถึงสระปีศาจ แต่ถูกข้ามองออก พอคาดคั้นเข้าก็ได้ความว่าพระชายาจี้อ๋องเป็นคนแนะให้นางทำเช่นนี้ เดิมคิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ไทเฮาจะรู้เรื่อง แล้วยังถูกบิดเบือนความจริงอีก บอกว่าข้าบังคับขืนใจสาวใช้ไปที่สระปีศาจแล้วถูกน้องหยวนพบเข้าจึงเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนทำให้นางเกือบแท้งลูก”
“สร้างข่าวลืองั้นหรือ?” พระชายาฉีอ๋องต้องการสร้างข่าวลืองั้นหรือ? แต่ว่าเรื่องนี้พระชายาจี้อ๋องเป็นผู้บงการ ทำไมจึงได้เปลี่ยนเป็นพระชายาฉีอ๋องเข้าวังมาบอกไทเฮาไปได้เล่า?”
อวี่เหวินฮ่าวครุ่นคิดเล็กน้อย “ข้าคิดเป็นร้อยครั้งก็ไม่เข้าใจ”
กู้ซือกล่าวว่า “เรื่องครั้งนี้ต้องทำให้ไทเฮาต้องการหาชายารองให้ท่านแน่ๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาของอวี่เหวินฮ่าวแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที “กู้ซือ หุบปากอัปมงคลของเจ้าไปเถอะ”
กู้ซือกล่าวอย่างหดหู่ใจ “ข้าคนนี้พูดเรื่องดีๆ ไม่ค่อยตรงนัก แต่หากพูดเรื่องอัปมงคลละก็มักจะเป็นจริงไปเสียหมด หากท่านอ๋องแต่งชายารองแล้วก็อย่าลืมเชิญข้าไปดื่มเหล้าด้วย”
“กู้ซือ” อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างจริงจัง “ชาตินี้เจ้าอย่าคิดว่าจะได้แต่งงานกับหยวนชิงผิงเลย” ยิ้มกว้างแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องนี่จริงๆ เลย ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง บรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ไม่ดีเลย เรื่องนี้ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องช่วยท่านสอบถามให้ชัดเจน ท่านเพียงแค่รอข่าวอยู่ในจวนก็พอแล้ว
กู้ซือผู้นี้ หากลงมือทำงานแล้วก็รวดเร็วทันใจ หลังจากที่ออกจากวังมาในคืนนี้ก็ได้ข้อมูลมาเป็นปึกและรีบไปสร้างผลงานที่จวนอ๋องอย่างรวดเร็ว
เขากลับพบหยวนชิงผิงอยู่ที่ลานบ้านหลัก ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองสร้างผลงานได้ทันเวลาพอดีเลย
“แม่นางรอง” กู้ซือสาวเท้าเข้าไปทักทาย หลังจากผ่านเรื่องเมื่อครั้งก่อนมา นางคงจำเขาได้แล้ว
หยวนชิงผิงมองเขาเล็กน้อย กู้ซืออดทนต่อความรู้สึกใจสลายและแนะนำตัวเอง “ข้าชื่อกู้ซือ เป็นเพื่อนสนิทของพี่เขยเจ้า”
หยวนชิงผิงอึ้งงัน แล้วจึงนึกถึงเรื่องเหตุการณ์ที่นอกเมืองที่นางเข้าไปทักทายแต่ไม่รู้ว่าทำไมคนผู้นี้กลับกลับหลังหันเดินจากไปทันที
“ที่แท้เป็นใต้เท้ากู้นี่เอง ข้าเสียมารยาทแล้ว” หยวนชิงผิงมีสีหน้าเคร่งขรึมแฝงแววเคารพ
“เจ้ารู้จักข้าหรือ?” สายตาของกู้ซือจับจ้องที่นางนิ่ง
“พวกเราเคยเจอกันแล้ว แต่ใต้เท้ากู้คงจำไม่ได้แล้ว” หยวนชิงผิงยิ้มบางๆ
จำไม่ได้? แม้ชาติหน้าก็ยังจำได้ กู้ซือทำท่าทางครุ่นคิดจากนั้นก็ทำท่าทางงุนงง “ไม่ทราบว่าพวกเราเจอกันที่ใดหรือ?”
หยวนชิงหลิงจึงเตือนความจำให้แก่เขา “ที่นอกเมือง เป็นตอนที่โรงทานของพระชายาฉีอ๋องถล่มครั้งนั้น”
“อ้อ!” กู้ซือเข้าใจทันที “ใช้ ข้าจำได้แล้ว วันนั้นเจ้าอยู่กับพระชายา ข้ายังเดินไปพูดกับเจ้าด้วย”
หยวนชิงผิงกล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงได้หมุนตัวเดินจากไปเลย”
“ใช่แล้ว วันนั้นสถานการณ์ของคนบาดเจ็บนั่นฉุกเฉินมาก ข้าร้อนใจดังถูกไฟเผาจึงรีบไปช่วยพวกเขา ข้าเสียมารยาทแล้ว” กู้ซือกล่าวขอโทษ
หยวนชิงหลิงยอบกาย “ใต้เท้ารักใคร่ห่วงใยประชาชน ทำให้ข้านับถือยิ่งนัก”
“ที่ไหนกันเล่า อย่าชมข้าเลย” กู้ซือโบกมือพลางยิ้มอย่างถ่อมตัว
บนระเบียง อวี่เหวินฮ่าวและหยวนชิงหลิงยืนอิงแอบแนบชิดกัน
“ทำอย่างไรดี? ข้าอยากจะอัดเขาสักรอบ” อวี่เหวินฮ่าวมองกู้ซือแล้วกล่าวกับหยวนชิงผิง
“เขาชอบน้องรองจริงๆ หรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะต่อยตีข้าทำไม? ไม่ใช่เพราะข้าช่วยหาสามีให้น้องรองหรอกหรือ?” อวี่เหวินฮ่าวกล่าว
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาว่า “แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเจอกับน้องรอง…”
“แกล้งทำน่ะ” อวี่เหวินฮ่าวตอบ
หยวนชิงหลิงกล่าวเสียงเย็น “เช่นนั้นก็น่าต่อยจริงๆ แต่เบาหน่อยก็แล้วกัน อย่าทำร้ายน้องเขยในอนาคตของข้า”
อวี่เหวินฮ่าวส่ายศีรษะ “ยากหน่อยนะ หากต้องการแต่งกับน้องรอง บิดามารดาของกู้ซือต้องคัดค้านแน่ มิฉะงั้นกู้ซือก็คงไม่ต้องดื่มเหล้าแก้ทุกข์”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ ผู้ที่มีชาติตระกูลจะแต่งงานกับผู้ที่มีชาติตระกูลเหมือนๆ กัน นี่เป็นสังคมที่แบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน แม้จวนจิ้งโหวจะมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงโหว ฟังดูแล้วก็น่าฟัง แต่ในเมืองหลวงนี้มีใครเห็นจิ้งโหวอยู่ในสายตาบ้าง? เมื่อพูดถึงจวนจิ้งโหวแล้วก็มักจะมาพร้อมแววเสียดสีดูถูกและเหยียดหยามเสมอ
แน่นอนว่าหยวนชิงหลิงคิดว่าเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงนี้เจ้าของร่างเดิมก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ในเมืองหลวงแห่งนี้จะมีใครไม่รู้บ้างว่าตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องของนางได้มาได้อย่างไร? แม้ตอนนี้นางกับอวี่เหวินฮ่าวจะรักกันดี แต่อดีตอันมืดดำก็ถูกคนขุดค้นอยู่ตลอด เรื่องช่วยคนที่นอกเมืองนั้นให้นางสร้างชื่อเสียงอันดีงามกลับมาได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็คงจะยังไม่อาจลบล้างได้จนสะอาดหมดจด
อวี่เหวินฮ่าวตะโกนเสียงดัง “กู้ซือ!”
กู้ซือหันมามองเขา ใบหน้าฉายแววขุ่นเคือง ทำอย่างไรดี? เขาอยากต่อยท่านอ๋องสารเลวนั่นอีกแล้ว
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า “ไปคุยกันในห้องเถอะ”
กู้ซืออดทนอดกลั้นไม่เสียกิริยาต่อหน้าสาวงาม เขายิ้มออกมาเผยให้เห็นฟันสีขาวพลางมองหยวนชิงผิง “แม่นางรอง แล้วเจอกัน”
“แล้วเจอกันเจ้าค่ะ” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่ากู้ซือผู้เป็นถึงราชองครักษ์ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนนัก ไม่มีท่าทีวางอำนาจใดๆ เลย
กู้ซือตามอวี่เหวินฮ่าวและหยวนชิงหลิงเข้าไปในห้อง เขานั่งลงและเหล่มองอวี่เหวินฮ่าว “ทำท่าวางอำนาจท่านอ๋องกับข้าหรือ ไม่ไว้หน้ากันสักนิด รอให้ถึงตาท่านขอร้องข้าบ้างเถอะ”
อวี่เหวินฮ่าวเล่นถ้วยน้ำชาพลางกล่าวอย่างราบเรียบ “ได้ยินมาว่าพ่อตาที่ไร้ความสามารถของข้าบอกว่าเรื่องแต่งงานของน้องรองข้าเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจครึ่งหนึ่ง”
กู้ซือมองเขาอย่างไม่ปิดบัง “ท่านอย่าได้เอาเรื่องนี้มาข่มขู่ข้า”
“ใครข่มขู่เจ้า? เจ้าจะพูดไม่พูด ดูท่าทางขี้โม้ของเจ้านั้น ห่วงใยประเทศรักษาประชาชน รีบร้อนช่วยคน? อายหรือไม่?” อวี่เหวินฮ่าวแค่นเสียง
กู้ซือพูดอย่างหน้าไม่อาย “ข้าพูดเรื่องจริง วันนั้นข้าช่วยคนตั้งหลายคน ท่านก็ไม่ใช่จะไม่รู้”
หยวนชิงหลิงฟังบุรุษทั้งสองเย้าแหย่กันไปมาก็รู้สึกรำคาญ “กู้ซือ ได้ข่าวอะไรมาบ้าง?”
พี่สะใภ้ในอนาคตออกปากพูดย่อมไม่เหมือนกัน เขาเก็บสีหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นพระชายาฉีอ๋องไปกราบทูลจริงๆ จากนั้นฮองเฮาก็ไปบอกเรื่องนี้แก่ไทเฮาและไปหาฝ่าบาทด้วย นางเสนอเรื่องแต่งฉู่หมิงหยางเป็นชายารอง เรื่องนี้แม้แต่ฉู่โส่วฝู่ก็รับอย่างเงียบๆ คาดว่าฝ่าบาทพิจารณาเล็กน้อยก็คงออกราชโองการ”
หยวนชิงหลิงตกใจ “แล้วฉู่หมิงหยางเล่า? ฉู่หมิงหยางนางคิดอย่างไร?”