หยวนชิงผิงนำข่าวคราวในจวนโหวมาบอก
ระยะนี้ท่านฮูหยินใหญ่รับประทานอาหารได้มากและยังยอมดื่มยาด้วยตนเอง ทุกวันยังออกไปเดินเล่นที่ลานบ้านอีกด้วย พี่ชายหยวนหลุนเหวินถูกย้ายไปที่กรมคลัง ท่านฮูหยินรองสั่งสอนพ่อบ้านในวันนั้นกลับถูกท่านฮูหยินใหญ่พูดแทรกช่วยพ่อบ้านไป
หยวนชิงผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ท่านไม่ได้เห็นว่าสีหน้าของนางดูแย่ขนาดไหน ตาของนางเบิกกว้างมาก ท่าทางจะตกใจมาก"
"นางตกใจอะไรหรือ?" หยวนชิงหลิงถามพลางกินบ๊วยแห้ง
"ก็ตกใจที่ท่านย่ายื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในจวนน่ะสิ เมื่อท่านย่าเห็นนางตาโตอ้าปากค้างเข้าก็บอกให้นางไปนำสมุดบัญชีมาตรวจสอบ นี่ทำให้นางตกใจจนอึ้งไปเลยเชียวล่ะ"
หยวนชิงหลิงอึ้งไป "จริงหรือ?"
เรื่องสมุดบัญชีนั้นเดิมเป็นเรื่องที่นายหญิงใหญ่ของจวนและฝ่ายบัญชีควรจัดการ ท่านฮูหยินใหญ่เริ่มจะเข้ามาดูแลเรื่องในจวนแล้วหรือ? หลายปีมานี้ท่านฮูหยินรองคงยักยอกเงินส่วนรวมไปไม่น้อย หากตรวจสอบบัญชีจริงนางต้องแย่แน่ ท่านฮูหยินใหญ่ช่างชาญฉลาดนัก หากนางต้องการจะจัดการจริงๆ ท่านฮูหยินรองก็คงปิดบังนางไม่ได้ หยวนชิงหลิงดีใจมาก ท่านฮูหยินใหญ่เป็นเช่นนี้แสดงว่านางเริ่มดีขึ้นแล้ว
จิ้งโหวและหวงซื่อส่งหมูทองมา ปีหน้าคือปีหมู หากราบรื่นลูกของนางจะคลอดในปีหมู ดังนั้นสั่งทำหมูทองก็นับได้ว่าลงทุนไปอยู่มาก พี่ใหญ่หยวนหลุนเหวินส่งป๋องแป๋งมาให้
"ท่านพี่ทำเองกับมือเลย"
หยวนชิงผิงส่งมาให้ ป๋องแป๋งอันนี้ใช้หนังวัวทำ ลูกตุ้มกลมๆ สองข้างเป็นไม้ หยวนชิงหลิงขยับเล็กน้อยก็เกิดเสียงดัง "ตุ้งๆ" คล้ายเสียงหัวใจเต้น ผู้ส่งของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความคิดละเอียดรอบคอบนัก ตอนที่ลูกอยู่ในท้องของมารดา เสียงที่เพราะที่สุดก็คือเสียงเต้นของหัวใจมารดา และกลองป๋องแป๋งนี้จะทำให้เด็กน้อยคุ้นเคยและสงบลงได้
"ท่านพี่อยากจะซื้อของที่ดีกว่านี้ให้ แต่เขาไม่มีเงิน เงินเดือนก็ถูกนำเข้าจวนหมด เงินเดือนที่ได้รับจากจวน ท่านพี่ก็รู้ ท่านฮูหยินรองขี้เหนียวนัก เงินเดือนของเขาจึงได้ไม่เท่าไหร่" หยวนชิงหลิงเบ้ปาก
"รู้แล้ว" หยวนชิงหลิงส่งป๋องแป๋งให้ซีมามา "เก็บไว้ให้ดี"
หยวนชิงผิงยังหยิบเสื้อผ้าชิ้นน้อยๆ ออกมาอีกสองชุด สีน้ำเงินลายเมฆ ไม่มีรอยปัก สัมผัสนุ่มนิ่มสบาย นางกล่าวด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ "อันนี้ข้าทำเอง"
หยวนชิงหลิงรับมาและใช้มือลูบดูก็หัวเราะ "เจ้าทำหรือ? สวยจังเลย"
ฉีมามายิ้ม "คุณหนูรองช่างใส่ใจนักเจ้าค่ะ ชุดนี้ทำออกมาได้งดงามอย่างยิ่ง ทำให้ใจของผู้อื่นอ่อนลงทันที"
หยวนชิงผิงเหงื่อตก "ข้าเป็นน้า แต่ก็ไม่มีอะไรจะให้เขา จึงได้ทำเสื้อผ้าชิ้นน้อยๆ ให้สองชิ้น พอคลอดออกมาแล้วข้าจะทำให้อีก"
ยามปกติหยวนชิงผิงเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจอะไรนัก หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าฝีมือตัดเย็บของนางจะประณีตถึงเพียงนี้ หากกู้ซือได้แต่งงานกับนางคงจะโชคดีมาก เมื่อพูดถึงกู้ซือแล้ว หยวนชิงหลิงก็ไล่คนในห้องให้ออกไปเหลือเพียงพี่น้องสองคนคุยกัน
"เรื่องแต่งงานของเจ้ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?" หยวนชิงหลิงถาม
หยวนชิงผิงพ่นลมหายใจออกมา "คุยกันอยู่ดีๆ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้หรือ? ทำลายอารมณ์ดีๆ ของข้าเสียหมด"
"ก่อนหน้านี้ข้าบอกให้พี่เขยของเจ้าช่วยเป็นธุระให้หน่อย" หยวนชิงหลิงกล่าว
หยวนชิงผิงตกใจแล้วจึงหัวเราะเยาะ "ไม่เอาน่ะ อย่างท่านอ๋องน่ะหรือจะสนใจจัดการเรื่องนี้? ท่านอย่าได้ปลอบใจข้าเลย อย่างไรแค่ข้ามีชีวิตรอด คนผู้นั้นไม่ได้ชราขนาดนั้นหรือไม่ได้ขี้เหร่จนดูไม่ได้ ข้าก็ช่างมันไปเสียแล้วล่ะ"
"เจ้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไร? จะท้อแท้เกินไปแล้ว" หยวนชิงหลิงมักจะรู้สึกว่านางอายุยังน้อย แต่กลับมองโลกในแง่ร้ายนัก อะไรๆ ก็คิดไปในทางร้ายเสียหมด
หยวนชิงผิงเอ่ยอย่างราบเรียบ "ไม่ได้ท้อแท้ ท่านยังจำเสี่ยวหลานได้ไหม? นางจะแต่งงานแล้ว แต่งให้กับท่านบัณฑิตอู๋เป็นภรรยาคนที่สอง ตอนนี้ท่านบัณฑิตอู๋ก็อายุหกสิบสองแล้ว เสี่ยวหลานยังอายุไม่ถึงสิบหกเลย"
เสี่ยวหลาน? ใบหน้ากลมมนไร้เดียงสาผุดขึ้นในสมองของหยวนชิงหลิง ยามเด็กสาวผู้นั้นยิ้มขึ้นจะมีลักยิ้มสวยงามสองข้างปรากฏอยู่ที่แก้ม นางชอบเตะลูกขนไก่ จับผีเสื้อ อีกทั้งยังมีฝีมือเย็บปักอันเลิศล้ำ ดูเหมือนว่าบิดาของนางจะทำงานอยู่ที่กรมการพระนคร
หยวนชิงหลิงจินตนาการว่าสาวน้อยน่ารักถึงเพียงนั้นต้องแต่งงานให้กับตาแก่ที่ใกล้จะลงโรงแล้วก็ให้รู้สึกพะอืดพะอม จู่ๆ นางรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัวทันที นี่เป็นประเพณีเช่นนั้นหรือ?
"แต่งงานเมื่อไร่?" หยวนชิงหลิงถามพลางกุมหน้าอกราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปทั้งตัว
"เพิ่งจะแลกวันเกิดกัน รอส่งของกำนัลอยู่" หยวนชิงผิงท่าทางราวกับกำลังอดทนอดกลั้นต่อกลิ่นเหม็นอยู่ นางกล่าวว่า "ก่อนข้าจะมาที่นี่นางมาหาข้า บอกว่าอยากอยู่คุยเป็นเพื่อนข้า แต่ข้ารีบมาที่นี่จึงบอกให้นางค่อยมาหาข้าอีกที"
หยวนชิงหลิงมองนาง "หือ?"
หยวนชิงผิงยิ้มอย่างขมขื่น "อย่ามองข้าเช่นนี้เลย ข้าต้องการคนหัวอกเดียวกันไว้พูดคุยและมอบความกล้าให้ข้า ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไม่พานางเข้ามาข้างใน จะคุยอยู่ด้านนอกเท่านั้น"
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "นางจะมาก็ได้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้จักนางเสียหน่อย"
"อืม" หยวนชิงผิงเก็บของ "ท่านต้องพักผ่อนแล้ว ข้าขอตัวก่อนดีกว่า"
หยวนชิงหลิงดึงนางให้นั่งลง "ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าจำกู้ซือได้หรือไม่?"
"กู้ซือ? ข้ารู้จัก รองหัวหน้าหน่วยองครักษ์" หยวนชิงผิงตอบ
"หากเขาต้องการสู่ขอเจ้า เจ้าจะเต็มใจหรือไม่?" หยวนชิงหลิงถาม
หยวนชิงผิงอึ้งไปเล็กน้อยแล้วจึงหัวเราะเสียงดัง
เมื่อนางหัวเราะเสร็จแล้วก็เช็ดน้ำตาที่หางข้า "ข้าขำจนน้ำตาเล็ดแล้ว ท่านพี่ แม้ว่าท่านจะเป็นพระชายา แต่ท่านก็ไม่อาจไปกะเกณฑ์เรื่องในจวนกู้ได้ ท่านรู้ไหมว่าตระกูลกู้มีอำนาจมากเพียงใดในเมืองหลวง? แม้ว่าเขาอยากจะแต่งงานกับองค์หญิงก็ไม่มีปัญหา ข้าน่ะหรือ? ข้าเป็นเพียงบุตรสาวของจวนโหวที่ตกอับ จะว่ากันตามจริง แม้แต่ตระกูลเช่นท่านบัณฑิตอู๋ก็ไม่เห็นหัว ตำแหน่งรองเจ้ากรมของท่านพ่อของเรานั้น ในหลายปีมานี้ล้วนรักษาไว้ได้ด้วยเงิน หากไม่ใช่เพราะบรรดาศักดิ์โหวแล้ว ตระกูลเราก็คงสลายไม่เป็นท่าไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วใครจะยังเห็นค่าพวกเราอีก?"
เรื่องสถานการณ์อันอิหลักอิเหลื่อของจวนโหวนั้นหยวนชิงหลิงก็รู้เช่นกัน
ในหลายปีมานี้จวนโหวไม่มีผู้มีความสามารถ การรักษาตำแหน่งรองเจ้ากรมของท่านพ่อใช้เงินไปไม่น้อย ทุกครั้งที่กรมขุนนางมีการสอบก็ต้องให้คนใช้เส้นสาย มิฉะนั้นคงถูกปลดไปนานแล้ว ในต้นปีนี้ฝ่าบาทได้ตำหนิขุนนางบางคนว่าครองตำแหน่งเป็นหมาหวงก้างโดยไม่ยอมทำงานแม้แต่น้อย การสอบในปีนี้มีเพื่อจะกำจัดคนเหล่านี้ จิ้งโหวจึงรู้ว่าเขาหมายถึงตนเองด้วย เขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น ใจสูงเทียมฟ้าแต่ความสามารถกลับบางกว่ากระดาษ มักจะถอนใจบอกว่ามีความสามารถแต่ไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ แท้จริงแล้วในใจกระจ่างแจ้งอย่างที่สุดว่าเขานั้นไร้ความสามารถ
แม้แต่ความสามารถให้การเลียแข้งเลียขาก็ไม่มี ได้แต่อาศัยการแต่งงานของลูกสาวผูกสัมพันธ์กับเหล่าขุนนางเพื่อทำให้ตำแหน่งของตนเองมั่นคง เขามักจะเอ่ยว่าเขาอยากขึ้นไปถึงตำแหน่งเจ้ากรม แต่ในใจเขากลับรู้ดีว่าเพียงรักษาตำแหน่งรองเจ้ากรมไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว เขารู้ดี คนในจวนก็รู้ดีเช่นกัน แม้แต่หยวนชิงผิงก็เข้าใจดี ดังนั้นนางจึงได้พูดออกมาว่านางนั้นไม่คู่ควรกับกู้ซือ นี่ไม่ได้เป็นการทอนคุณค่าของตัวเองลง แต่เป็นการรู้เจียมตัวอย่างแท้จริง
หยวนชิงหลิงจิตใจอ่อนแอ นางไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้จึงถอนหายใจเบาๆ "ช่างเถอะ เรื่องนี้รอให้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน"
"ท่านอย่าได้เสียแรงเหนื่อยใจเพื่อข้าเลย ข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว" หยวนชิงผิงหัวเราะเล็กน้อย "ที่จริงแล้วก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างเช่นเสี่ยวหลานก็ยังมีคนมากมายอิจฉานาง เพราะหากดูจากชาติตระกูลของนางแล้ว ได้แต่งงานกับบัณฑิตใหญ่ก็แทบจะเรื่องน่ายินดีอย่างล้นพ้นแล้ว"
ประโยคสุดท้ายของหยวนชิงผิงไม่อาจปกปิดแววเสียดสีไว้ได้
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าของในท้องเริ่มตีขึ้นมาอีกแล้ว นางทนไม่ไหววิ่งไปที่กระโถนและอาเจียนออกมา
หยวนชิงผิงตกใจรีบเปิดประตูเรียกคนเข้ามาแล้วจึงวิ่งไปลูบหลังให้หยวนชิงหลิง
MANGA DISCUSSION