ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 181 ฮูหยินชราฮึดสู้
หวางซื่อรู้ว่าท่านฮูหยินรองคิดสิ่งใดอยู่ ฮูหยินชราไม่ได้ดูแลจัดการธุระต่างๆมานานแล้ว คนในจวนก็หาได้ฟังคำสั่งของฮูหยินชราไม่ เพราะถึงอย่างไร คนที่ป่วยหนักมาเป็นเวลานานและไม่รู้ว่าเมื่อใดจะจากโลกนี้ไปนั้น แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะรับใช้นาง แต่ถ้าหากฮูหยินชราให้การช่วยเหลือนายท่าน ก็จะทำให้เรื่องราวแตกต่างออกไปได้
ท่านฮูหยินรองกลัวว่าจะสูญเสียอำนาจการบริหารจัดการภายในจวนไปนั่นเอง
แต่ว่า จิ้งโหวหยวนปาหลงกลับพูดว่า "ใช่แล้ว ให้ท่านแม่ไปจะดีกว่า ได้ยินว่าสาวใช้คนนี้กลับมาดูแลฮูหยินที่ชราภาพหลายครั้ง และนางจะต้องเข้าพบฮูหยินชราให้ได้ทุกครั้งด้วย"
ท่านฮูหยินรองอึ้งไปสักพัก นางรู้ดีว่าหากจิ้งโหวตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็จะไม่มีทางถอดใจง่ายๆ จะต้องทำให้ได้นั่นเอง
จิ้งโหวรีบไปที่ห้องของฮูหยินชรา
แน่นอนว่า การสนทนากับฮูหยินชรานั้น เขารู้จักใช้คำพูดอย่างเหมาะสมเป็นอย่างดี
เขาพูดด้วยความกังวลใจ "จวนอ๋องได้ให้คนมาส่งข่าว บอกว่าชิงเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว แต่สภาวะครรภ์ยังไม่แน่ไม่นอนสักเท่าไร ตอนนี้นางได้แต่นอนเพื่อดูอาการ ลูกเป็นกังวลยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนวู่วาม หากเกิดอะไรขึ้นจะต้องแย่แน่ๆ อาการป่วยของท่านแม่ดีขึ้นบ้างแล้วใช่หรือไม่? สามารถไปที่จวนอ๋องสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ?"
ฮูหยินชรารู้สึกผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้เป็นอย่างมาก นางล้มหมอนนอนเสื่อมานาน เขามาเยี่ยมนางแค่เพียงไม่กี่ครั้ง หาได้กตัญญูอย่างสุดซึ้งไม่ แต่แน่นอนว่า ผู้เป็นแม่ย่อมรู้จักลูกของตนดีที่สุด จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของลูกชายนั้นนางย่อมรู้ดี
ฉู่อ๋องชังน้ำหน้าคนตระกูลโหวเป็นที่สุด ในช่วงที่สภาวะครรภ์ของชิงเอ๋อร์ยังไม่แน่ไม่นอน เขาเองคงจะไม่ค่อยเต็มใจพบหน้าพวกนางเท่าไรนัก แต่นางก็รู้ดีว่าชิงเอ๋อร์รักและเคารพผู้เป็นย่า ในที่สุดนางก็ตัดสินใจออกมาได้สำเร็จ
ฮูหยินชรารู้ทั้งรู้ แต่เมื่อได้ฟังว่าสุขภาพครรภ์ของหลานสาวไม่ปกติก็รู้สึกร้อนใจ นางแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมาว่า "ไปสั่งคนให้เตรียมรถม้า ข้าจะไปดูนางเสียหน่อย"
จิ้งโหวดีใจยิ่งนัก เขารีบยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของฮูหยินชรา "ท่านแม่ ถ้าหากได้พบกับท่านอ๋อง ลองพูดเรื่องจวนโหวของเราให้เขาได้ยินด้วยนะ"
ฮูหยินชราแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด นางสั่งซุนมามาให้ไปเตรียมตัว จิ้งโหวรู้ดีว่าฮูหยินชราจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ในอนาคตของเขาอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นจะต้องพูดซ้ำ จึงกล่าวลาและเดินออกไป
จิ้งโหวคาดการณ์ได้แม่นยำจริงๆ
มีคนจากจวนจิ้งโหวมาขอเข้าพบ อวี่เหวินฮ่าวไม่ให้นางเข้าพบ แต่เขารู้ว่านางห่วงใยฮูหยินชรา ครั้งนี้ฮูหยินชราเดินทางมาด้วยตนเอง และยังมาทั้งๆที่สุขภาพไม่ค่อยสู้ดี จะไม่ให้เข้าพบก็คงจะไม่ได้
เขาออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง เขาน้อมตัวคารวะนางอย่างนอบน้อม และยังเรียกนางว่าท่านย่าอีกด้วย
ฮูหยินชราเกิดในตระกูลของชนชั้นสูง เข้าใจเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติเป็นอย่างดี นางแตะมืออวี่เหวินฮ่าวเบาๆและกล่าวว่า "ท่านอ๋องรีบลุกขึ้นเถิดเพคะ"
เสด็จย่าของฉู่อ๋องคือไทเฮาองค์ปัจจุบัน หากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ คงมิต้องเป็นเช่นนี้ คงต้องว่าไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เหมาะสม และหามีผู้ใดมาตำหนิเขาได้ คำว่าท่านย่านั้น อวี่เหวินฮ่าวได้พูดออกจากปากไปแล้ว นางเองก็ว่าอะไรไม่ได้ มิเช่นนั้น ก็จะดูเป็นการเสียมารยาท
อวี่เหวินฮ่าวเชิญนางเข้าไปในจวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อหยวนชิงหลิงรู้ว่าฮูหยินชราได้มาที่นี่ ก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นนั่ง
อวี่เหวินฮ่าวรีบเข้าไปห้าม "ห้ามลุกขึ้นนะ นอนอยู่เช่นนั้นน่ะดีแล้ว ท่านฮูหยินหาใช่คนอื่นคนไกล"
หยวนชิงหลิงจึงบ่นว่า "ข้าเอาแต่นอนจนเอวจะเคล็ดอยู่แล้ว"
"เดี๋ยวข้าค่อยนวดให้เจ้า เจ้าคุยกับท่านฮูหยินไปก่อนนะ ข้าจะไปที่กรม"
หากจะพูดถึงบุคคลเพียงคนเดียวในจวนจิ้งโหวที่เขาไม่ชังน้ำหน้าแล้วล่ะก็ ก็มีเพียงฮูหยินชราผู้นี้นี่เอง ดังนั้น เมื่อฮูหยินชราเดินทางมา เขาจึงวางใจ ย่าหลานจะพูดคุยกัน หากเขาอยู่ด้วยคงจะไม่เหมาะ แต่ถ้าหากอยู่จวนแต่ไม่อยู่พูดคุยด้วย ก็ไม่ดีเช่นกัน เขาจึงใช้โอกาสนี้ไปที่กรมการปริมณฑล
หยวนชิงหลิงรอคอยช่วงเวลาที่เขาจะออกไปข้างนอกมานานแล้ว ได้แต่นอนมา 2 วันโดยที่มีเขาคอยจับตาดูอย่างเคร่งครัด นางแทบจะคลุ้มคลั่งอยู่แล้ว
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเดินออกไปแล้ว ฮูหยินชราก็ได้นั่งลงที่ข้างๆเตียง นางพูดด้วยน้ำเสียงที่พึงพอใจว่า "เขาดีกับเจ้ามากเลยนะ"
หยวนชิงหลิงมองดูฮูหยินชรา นางหาได้ตอบกลับคำพูดของฮูหยินชราไม่ นางเพียงขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า "ท่านยังไม่หายดี จะเดินทางมาไกลขนาดนี้ไม่ได้นะคะ"
ฮูหยินชราเอื้อมมือไปจัดระเบียบเส้นผมของนางพลางกล่าวว่า "ข้าเดินมาเองเสียเมื่อไร ข้านั่งรถม้ามาต่างหาก"
หยวนชิงหลิงตอบกลับ "รถม้าโคลงเคลง ท่านคงจะลำบากแย่?"
ฮูหยินชรากล่าวด้วยน้ำเสียงสะบัดสะบิ้ง "ทำไมล่ะ? ข้ามาแล้วเจ้าไม่ดีใจงั้นหรือ?"
หยวนชิงหลิงยิ้ม "จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะคะ? ท่านมาทั้งทีข้าก็ต้องดีใจอยู่แล้ว เพียงแต่ข้าเป็นห่วงท่านเท่านั้นเอง"
"เอาล่ะ ไม่ต้องมาทำเป็นพูด เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? แสดงอาการชัดเจนมากไหม?" ฮูหยินชราขมวดคิ้วพลางมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง
"อาเจียน วิงเวียน!" หยวนชิงหลิงพูดอย่างอมทุกข์ "แล้วอีกอย่าง หมอหลวงก็คอยจับตาดูไม่ให้ข้าลงจากเตียง นอกเสียจากจะไปห้องน้ำ ตอนนี้ข้าไปไหนไม่ได้เลยค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้าก็นอนต่อไปแต่โดยดี เป็นแม่คนมันง่ายเสียที่ไหนล่ะ? ก็ลำบากเช่นนี้กันทุกคนนี่นา?" ฮูหยินชราเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แต่แววตาของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใยและความเห็นอกเห็นใจ
หยวนชิงหลิงกุมมือนางเอาไว้ "ท่านพ่อบอกให้ท่านมาหรือคะ?"
"ถึงเขาไม่บอก ข้าก็ต้องมา จะได้คอยดูแลตักเตือนเจ้า เผื่อว่าเจ้าจะหัวรั้นไม่ฟังใคร" ฮูหยินชรากล่าว
หยวนชิงหลิงจึงตอบกลับไปว่า "ไม่ต้องดูแลตักเตือนข้าหรอกค่ะ ตอนนี้คนทั้งจวนต่างพากันจับตาดูข้า จะให้ข้าดื้อรั้นก็คงจะไม่ไหว"
"ก็เพราะว่าท่านอ๋องหวังดีกับเจ้า เจ้าก็อย่าดื้อนักเลย" ฮูหยินชราพิจารณาจากสิ่งที่ได้ฟัง หลานเขยคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ
ไม่ว่าเขาจะเป็นห่วงนางเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือเพราะสาเหตุอื่นก็ตาม ก็ถือว่าเขาใส่ใจ
"ข้ารู้ว่าเขาหวังดีกับข้า ดังนั้นข้าจึงเชื่อฟังเขาทุกอย่างเลยค่ะ" หยวนชิงหลิงยิ้ม "ท่านย่ามีอะไรจะบอกข้าหรือ? เชิญพูดมาเถอะ ข้าจะทำตามที่ท่านบอก"
ฮูหยินชราถอนหายใจเบาๆแล้วจ้องมองนาง "ก็ไม่มีอะไรหรอก"
ความจริงแล้วเป็นเพราะนางไม่วางใจ นางอยากจะมาดูว่าหลานสาวเป็นอย่างไรบ้าง อวี่เหวินฮ่าวดีกับนางหรือไม่ ตอนนี้ก็ได้เห็นหมดแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องพูดอีก หมอหลวงอยู่ในจวน หากมีสิ่งใดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็มีหมอหลวงคอยดูแลจัดการอยู่แล้ว
หลังจากที่เงียบไปสักพัก นางก็พูดขึ้นมาอีกว่า "มีอยู่เรื่องหนึ่ง ย่าคงต้องพูดกับเจ้าเสียหน่อย ผู้หญิงเรานั้น เมื่อมีลูกแล้วก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดก็ถือว่าคุ้มค่า ขอให้เจ้าจงอดทนเอาไว้"
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางยังคงไม่วางใจ จึงรู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยของนางเป็นอย่างมาก
ย่าหลานทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก ฮูหยินชราก็กำลังจะกลับ
หยวนชิงหลิงพยายามชักชวนนางให้อยู่รับประทานอาหารด้วยกัน แต่นางยืนกรานที่จะรีบกลับไป โดยอ้างว่าอาการป่วยของนางยังคงอยู่ ออกมาข้างนอกนานมากเกินไปไม่ได้
ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับใจฮูหยินชราได้ หยวนชิงหลิงจึงให้ซีมามาออกไปส่งนาง
เมื่อออกมานอกประตูแล้ว ฮูหยินชราก็ได้คำนับซีมามา "หลานสาวคนนี้ของข้าไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ไม่เป็นการเป็นงาน ขอให้ท่านกูกูช่วยดูแลอบรมนางด้วย"
ซีมามาตกใจ นางรีบพยุงฮูหยินชราให้ลุกขึ้นในทันที "อย่าเกรงใจไปเลย ข้าน้อยมิบังอาจรับการคำนับนี้ได้ ขอให้ท่านวางใจเถิด พระชายาเป็นผู้มีพระคุณของข้าน้อย ข้าน้อยจะต้องดูแลนางเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านกูกูมาก กูกูเป็นคนจากในวัง มีความรอบรู้ วางตัวหนักแน่น มีท่านคอยอยู่ดูแล ข้าเองก็วางใจแล้ว" ฮูหยินชรากล่าว
ซุนมามาและพนักงานรถม้าต่างช่วยกันพยุงฮูหยินชราขึ้นไปบนรถม้า
เมื่อกลับมาถึงจวนจิ้งโหว จิ้งโหวก็รีบออกมารับและประคองนางเดิน "ท่านแม่ ได้พบนางหรือไม่ขอรับ?"
ฮูหยินชราก้าวเดินอย่างช้าๆและถอนหายใจออกมา "ได้พบแล้ว"
จิ้งโหวดีอกดีใจ "แล้วได้พบกับท่านอ๋องด้วยหรือเปล่า?"
ซุนมามาเป็นผู้ตอบคำถามแทน "เรียนนายท่าน ท่านอ๋องเป็นผู้ออกมาต้อนรับท่านฮูหยินด้วยพระองค์เองเลยเจ้าค่ะ"
จิ้งโหวยิ่งดีอกดีใจหนักขึ้นไปอีก "ยอดเยี่ยมไปเลย ยอดเยี่ยมจริงๆ"
เมื่อท่านฮูหยินรองได้ฟังดังนั้นแล้ว สีหน้าของนางก็ดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าใดนัก นางนิ่งไปสักพัก ก่อนจะยิ้มและพูดขึ้นมาว่า "ที่แท้ ท่านพี่หญิงออกหน้าไปเยี่ยมนางมานี่เอง ฉู่อ๋องจึงทรงให้ความเคารพนบน้อม" คำพูดนี้ฟังดูประชดประชันยิ่งนัก
ฮูหยินชราหาได้ใส่ใจนางไม่
จิ้งโหวเองก็ไม่ได้ใส่ใจ สาวใช้ยกถ้วยน้ำชาเข้ามาให้ นางยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม ในระหว่างที่จิ้งโหวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้น นางก็ได้พูดขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องได้ฝากข้ามาบอกเจ้าว่า อีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว ขอให้เจ้ามุ่งมั่นตั้งใจทำงานในกรม หากเจ้าทำตัวเหมาะสม ท่านอ๋องจึงจะช่วยเจ้าพูด"
เมื่อจิ้งโหวได้ฟังดังนั้นแล้วก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "เหมาะสม? อย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าเหมาะสม?"
ฮูหยินชราจึงกล่าวเสียงเข้ม "อย่าเอากะจิตกะใจไปผูกไว้กับเรื่องอิทธิพลอำนาจ จงมุ่งมั่นตั้งใจทำงานของตนเองจึงจะถือว่าเหมาะสม เจ้าไม่มีความดีความชอบ จะต้องให้ท่านอ๋องเป็นคนช่วยพูด"
จิ้งโหวครุ่นคิด ก็จริงดังว่า คงต้องลงมืออย่างจริงจังเสียแล้ว
สีหน้าของเขาเจื่อนลงเมื่อถูกสั่งสอน "ลูกทราบแล้ว ท่านแม่ไปครั้งหน้า อย่าลืมกราบทูลท่านอ๋องด้วย"
ฮูหยินชราเห็นสีหน้าเช่นนั้นของเขาแล้วก็ไม่อยากพูดอะไรมาก นางถอนหายใจและหันไปพูดกับซุนมามา "พาข้ากลับไปได้แล้ว"
จิ้งโหวรีบเข้าไปประคอง ฮูหยินชราปัดมือเขาทิ้ง "ไปทำธุระของเจ้าเถอะ"
จิ้งโหวจึงกำชับซุนมามาให้ดูแลนางเป็นอย่างดี แล้วเขาก็ได้เดินจากไป
ฮูหยินชราเงียบมาตลอดทาง เมื่อมาถึงประตูห้อง นางก็พูดขึ้นว่า "ดูแลเรื่องการกินยาให้ข้าด้วย"
ซุนมามาตกใจเล็กน้อย "กินยา?"
"วันนี้ยังไม่ได้กินยาเลย" ฮูหยินชรากล่าว
ซุนมามาตอบกลับด้วยความดีใจ "ได้ ได้เจ้าค่ะ"
แต่ไหนแต่ไรฮูหยินชราไม่เคยออกปากเองว่าจะกินยา ที่ผ่านมานางพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเข้ามาในห้อง ฮูหยินชราก็ได้พูดว่า "สังขารของข้านี้ยังต้องประคับประคองมันต่อไป เพื่อชิงเอ๋อร์แล้ว จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสัก 2 ปี"
ซุนมามาตื้นตันจนน้ำตาไหล "หากท่านคิดเช่นนี้จริงๆก็นับว่าเป็นเรื่องที่วิเศษยิ่งนัก"
อันที่จริงแล้ว ฮูหยินชรารู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเวลานี้ คนในจวนโหวที่เป็นห่วงชิงเอ๋อร์จะมีอยู่สักกี่คน? บ้านที่นางถือกำเนิดมาจะช่วยหนุนนำนางได้บ้างหรือไม่? เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หามีผู้ใดเป็นห่วงเป็นใยนาง มีแต่คนคิดที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากการตั้งครรภ์ของนางเท่านั้น
ในเมื่อนางตายไม่ได้ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปอย่างมีเป้าหมาย