ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 178 เข้าวังไปกราบทูล
อวี่เหวินฮ่าวพลันรีบลุกขึ้นไปปิดปากหยวนชิงหลิงในทันใด "เจ้าอย่าได้พูดจาไร้สาระเช่นนี้ แม้แต่บุตรที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเจ้าก็ยังตระหนี่เช่นนี้ หากเขาเก็บไปจำฝังใจแล้วมาทำตัวดื้อกับเจ้าในภายภาคหน้าเล่า"
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของอวี่เหวินฮ่าวแล้ว หยวนชิงหลิงจึงดึงมือของอวี่เหวินฮ่าวออกมา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า " ทว่าครรภ์ของข้าไม่ค่อยมั่นคงนัก หาก ถ้าหากข้ารักษาเขาไว้ไม่ได้เล่าจะทำเช่นไร? ท่านจะผิดหวังหรือเสียใจหรือไม่ ?"
"ข้าไม่ผิดหวัง" อวี่เหวินฮ่าวพลันดึงมือของหยวนชิงหลิงขึ้นมาจุมพิต พลางลูบหัวนางอย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งจ้องมองมาที่นางด้วยแววตาที่อ่อนโยน "แต่ข้าจะปวดใจเพราะเจ้า เพราว่าเจ้า ย่อมเป็นผู้ที่เสียใจในเรื่องมากกว่าข้า"
หยวนชิงหลิงพลันกระพริบตาไปมา ทว่าหยาดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆ นางมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีกเลย เพราะเกรงว่า หากตนเองเผลอพูดอันใดออกมาแล้วจะอดไม่ได้ที่จะต้องร้องให้ออกมาอย่างแน่นอน
หยวนชิงหลิงนอนอยู่ในอ้อมกอดของอวี่เหวินฮ่าว พร้อมทั้งฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาไปพลางๆ นางจึงค่อยๆหลับตาลง เรื่องราวที่อวี่เหวินฮ่าวออกไปกินดื่มและเล่นการพนัน พร้อมทั้งไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทด้านนอกนั้น เมื่อยามเช้าตรู่ พลันถูกฝ่ายตรวจการมาเรียกตัวไปเข้าวัง พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเฉกเช่นกู้ซือ
ทั้งสองถูกเรียกตัวไปคุกเข่าอยู่ที่ด้านนอกห้องอักษรขององค์จักรพรรดิ อีกทั้งจักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันมีรับสั่งให้พวกเขานั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกเพื่อไตร่ตรองความผิดของตนเอง
ขุนนางผู้ใหญ่ที่เดิมเข้าออกห้องอักษรขององค์จักรพรรดินั้น ต่างพากันส่ายหน้า พวกเขามิคิดมาก่อนเลยว่า ฉู่อ๋องที่สงบเสงี่ยมเงียบขรึมเช่นนี้จะก่อความวุ่นวายได้
จี้อ๋องก็เดินทางมาที่ห้องอักษรขององค์จักรพรรดิเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวที่คุกเขาอยู่ด้านนอกนั้น เขาจึงกล่าวติดตลกออกมาว่า "เจ้าห้า เจ้าไปทำอันใดที่ไม่ดีมากัน ? เป็นถึงตำแหน่งเจ้ากรมดูแลเมืองหลวง ทว่าตนเองกับไปกินดื่มเล่นการพนันรวมถึงก่อเรื่องทะเลาะวิวาทได้อย่างไรกัน ? ครั้งนี้พี่ใหญ่ย่อมไม่วิงวอนขอพระราชทานอภัยโทษให้เจ้าแล้ว เจ้าก็นั่งคุกเข่าต่อไปเสียเถอะ"
อวี่เหวินฮ่าวก้มหน้าด้วยความรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ทว่าก็ทำเป็นไม่สนใจอันใด ผู้ที่พี่พระชายารองของตนเพิ่งตายไป ย่อมเป็นคนเช่นไร
หลังจากที่จี้อ๋องเดินเข้าไปในห้องอักษรแล้ว กู้ซือจึงกล่าวขึ้นมาว่า "ย่อมต้องเป็นเขาที่ไปบอกฝ่ายตรวจการพวกนั้น ตาแก่ฝ่ายตรวจการพวกนั้น ล้วนแต่เป็นพรรคพวกของจี้อ๋องทั้งหมด"
อวี่เหวินฮ่าวกำลังไตร่ตรองความผิดพลาดของตนอย่างถี่ถ้วน ทว่าเรื่องของเมื่อคืนนั้น จริงๆมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เหตุใดในยามนั้นเขาถึงเกิดอาการคลั่งไคล้ขึ้นมาได้กัน? เจ้าพวกลูกผู้ดีมีเงินพวกนั้นช่างจัดการยากจัดการเย็นจริงเชียว ในตอนนั้นเป็นเพราะโมโหจนเกินไป แต่เดิมเขาต้องการเพียงแค่หาสามีให้น้องสะใภ้เขาเท่านั้น เขาเพียงแค่เกิดความผิดหวังภายในใจ เมื่อเกิดความผิดหวังก็เลยหุนหันพลันแล่นขึ้นมา
เป็นผลพวงจากการดื่มสุราอย่างแท้จริง
"หลังจากนี้ไปเปิ่นหวางจะไม่แตะต้องสุราอีกเป็นอันขาด!" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวคำสาบานออกมา
กู้ซือมองมาที่อวี่เหวินฮ่าว อะไรกับอันใดกัน ?
"เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม เมื่อครู่ข้าบอกว่าเรื่องราวของเมื่อคืนวานย่อมเป็นจี้อ๋องที่วิ่งโล่ไปฟ้อง"
"กู้ซือ เจ้าต้องทำตัวใจกว้างเสียหน่อย ให้อภัยให้คนพวกนั้นเสีย เพื่อสะสมความดีมีคุณธรรมให้บุตรชายบุครสาวของเจ้า หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวออกมาได้ ?" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวออกมาโดยความสุภาพ
กู้ซือตัวสั่นปากสั่น "ปากของเจ้าเคลือบยาพิษไว้เสียจริง"
"พิษ? เกลียดปากของข้าที่พูดเช่นนี้ทำไมกัน ? พวกเขาจ้องจะเอาชีวิตข้าเชียว" อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่เย็นชา
"เช่นนั้นเจ้าก็ให้อภัยพวกเขาเสีย อย่างไรเขาก็ไม่สามารถมีบุตรได้ แต่เจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว" กู้ซือพลันตัดสินใจออกมาด้วยความมีเมตตา
"ได้ยินมาว่าพระชายารองหลิวของเขามิใช่เพิ่งตายไปหรือ? อีกทั้งก่อนตายยังตั้งครรภ์อีกด้วย เหตุใดเขาดูมิได้โศกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย " จู่ๆกู้ซือพลันถามขึ้นมา
อวี่เหวิรฮ่าวจึงเอ่ยออกมาด้วยความเฉยเมยว่า "ทุกอย่างล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย หากเขาต้องการก็ต้องยอมเสียสละมันไป เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงยินยอมที่จะแบกรับผลที่ตามมา"
ที่จริงแล้วพระชายาจี้อ๋องนั้นเป็นสตรีที่ขี้หึงเป็นอย่างมาก ทว่า กับชอบทำตัวใจกว้างอยู่ตลอดเวลา ภายในสิบปีที่ผ่านมานั้น มีพระชายารองแต่งเข้าไปถึงสองนาง สุดท้ายพระชายารองทั้งสองนางนั้นล้วนแต่ตายจากไปทั้งหมด. อนุตัวเล็กๆในจวนนั้น ไม่มีผู้ใดตั้งครรภ์เลยสักนาง คงเป็นเพราะพระชายาจี้อ๋องคอยระมักระวังเป็นอย่างดีกระมัง
เมื่อกำลังคิดถึงเรื่องราวอยู่นั้น พลันเห็นมู่หยูกงกงเดินเข้ามาบอกว่า "เชิญฉู่อ๋องเข้าตำหนักพะยะค่ะ"
ทั้งอวี่เหวินฮ่าวและกู้ซือรีบร้อนลุกขึ้นมาในทันใด
มู่หยูกงกงพลันหันไปมองกู้ซือ "ท่านกู้ยังต้องนั่งคุกเข่าต่อไปพะยะค่ะ ยังไม่มีรับสั่งให้ท่านเข้าไปด้านใน"
กู้ซือพลันชะงักไปชั่วครู่ ยังเป็นองค์จักรพรรดิที่ห่วงใยบุตรชายของตนอยู่ บุตรชายบ้านอื่นไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือยังไงกัน! กู้ซือทำได้เพียงนั่งคุกเข่าต่อไปเท่านั้น พร้อมกับนั่งคุกเข่าไตร่ตรองความผิดของตนต่อไป
อวี่เหวินฮ่าวพลางเดินเข้าไปด้านใน พลันเห็นทั้งจี้อ๋องและขุนนางฝ่ายในซุนถิงฟางก็อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ซุนถิงฟางเป็นขุนนางผู้ตรวจการฝ่ายอักษรขององค์จักรพรรดิ ฉะนั้นเขาจึงมักเข้าออกห้องอักษรขององค์จักรพรรดิเป็นประจำ จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เข้มงวดต่อเขาเป็นอย่างมาก
อวี่เหวินฮ่าวพลันก้าวเข้าไปด้านหน้าเพื่อโค้งคำนับ "ลูกขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อพะยะค่ะ!"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันปลายตามองอวี่เหวินฮ่าวด้วยความเย็นชา รอยตีนกาที่อยู่หางตานั้นพลันถูกยกขึ้น พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระทบกระทั้งว่า "ได้เรื่องจริงๆ ฉู่อ๋อง ดูสิเจ้าก่อเรื่องอันใดลงไปกัน ?"
อวี่เหวินฮ่าวยกยิ้มขึ้น พลันแสดงรอยยิ้มที่ดูโง่เขลาออกไป "เสด็จพ่อ ท่านอย่าเพิ่งลงโทษลูกเลยพะยะค่ะ ลูกมีเรื่องอะไรบางอย่างจะบอกกับท่าน"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า "เช่นนั้นข้าคงต้องรายงานข่าวร้ายให้เจ้าก่อน เจิ้นเรียกเจ้าเข้ามาในวันนี้ เพราะมีธุระที่ต้องการให้เจ้าไปจัดการ"
"ธุระ ?" อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย "ธุระอะไรงั้นหรือพะยะค่ะ ?"
จักพรรดิหมิงหยวนตี้พลันนำพระราชโองการออกมายื่นให้เข "เจ้าดูเอาเองเสีย "
อวี่เหวินฮ่าวพลันรับพระราชโองการมา พร้อมทั้งเปิดออกมาอ่าน เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมืองถิงเจียงที่กำลังถูกกองโจรในท้องถิ่นออกปล้นระดมในช่วงนี้ อีกทั้งพวกกองโจรยังออกไปฆ่าชาวบ้านและเผาไหม้หมู่บ้านใกล้เคียงเมืองถิงเจียงอีกด้วย มีผู้เสียชีวิตถึงสิบสองคนที่ตกตายอยู่ในมือของพวกโจรเหล่านั้น เมืองภิงเจียงจึงได้ส่งคนมาขอกำพลทหารกับทางราชวังเพื่อให้นำไปปราบพวกโจรเหล่านั้น
อวี่เหวินฮ่าวพลันชะงักไปครู่หนึ่งพร้อมกล่าวว่า "เสด็จพ่อ ในเมื่อจะส่งกองกำลังทหารไปปราบโจรเช่นนั้น ท่านไม่ส่งกองกำลังทหารม้าจากกองกำลังต้าอันที่อยู่ใกล้กับเมืองถิงเจียงไปจะไม่ดีกว่าหรือพะยะค่ะ " ธุระเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปเลยสักนิด
จี้อ๋องพลันกล่าวขึ้นมาว่า "เจ้าห้า เจ้าจำอันใดไม่ได้เลยหรือ ทหารม้าจากกองกำลังทหารต้าอันทั้งหมดล้วนถูกนำไปรวมกับกองกำลังทหารเรือหมดแล้ว อีกทั้งทัพใหญ่ก็โดนถอนกำลังออกมาจากที่นั่นหมดแล้วด้วย"
"เมื่อไหร่กัน ?" อวี่เหวินฮ่าวพลันตกตะลึง เหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้ ?
กองกำลังต้าอันล้วนแต่เคยเป็นกองกำลังทหารที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ล้วนแต่เป็นกองกำลังทหารบกที่ออกไปสู้รบสงครามด้วยกัน โยกย้ายพวกเขาไปเข้าสังกัดค่ายทหารเรือเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง กองกำลังทหารต้าอันถือเป็นกองกำลังหลักของแคว้น สามารถนำกำลังเข้าไปช่วยเหลือเมืองหลวงได้ และยังสามารถมาเป็นกองหนุนให้กับกองกำลังทหารเฟิงไท่ได้เช่นกัน
"น้องห้าจำไม่ได้หรือ ?" จี้อ๋องหัวเราะเยาะเล็กน้อย "เรื่องนี้ข้าเคยบอกกับเจ้าไปแล้ว ทว่า เจ้ากำลังยุ่งวุ่นวายกับกองคดีในกรมอยู่ ดังนั้นเจ้าจึงมิได้สนใจเรื่องนี้ "
อวี่เหวินฮ่าวพลันส่ายหน้าไปมาด้วยความจริงจัง "ข้าจำได้ว่าพี่ใหญ่ไม่เคยบอกกับข้าเรื่องนี้เลย"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "จะจำได้หรือจำไม่ได้ก็ช่างมันเสีย ในยามนี้กองโจรพวกนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ไม่มีทหารรักษาการอันใดอยู่ใกล้กับเมืองถิงเจียงเลยในยามนี้ จะไปพึ่งพาเจ้ากรมใดก็ไม่สามารถทำได้ เช่นนั้นค่ายทหารที่อยู่ใกล้กับเมืองถิงเจียงมากที่สุดคือ กองทัพของเมืองหลวง พวกเจ้าทั้งสองล้วนแต่เคยนำทัพมาก่อน ผู้ใดจะเป็นคนไปกัน"
สีหน้าของจี้อ๋องพลันเปลี่ยนไป
อวี่เหวินฮ่าวจึงเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ในทันที
กองโจรนั้น เกรงว่าจี้อ๋องคงจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อครู่คงจะต้องการมามอบหมายภารกิจให้เขาทำ เสด็จพ่อถึงได้เรียกเขาเข้ามา เพื่อให้เขานำกองกำลังออกไปรบกับกองโจร ในเมื่อกระดูกที่ขวางตาออกไปแล้ว เกรงว่าเรื่องราวเมื่อวานภายในจวนของฉู่อ๋องคงจะถูกคนในจวนจี้อ๋องมาสอบถามไปแล้วกระมัง ทว่า เสด็จพ่อก็สามารถไม่ให้เขาไปได้ไม่ใช่หรือ หรือเขาจะคิดคำนวณเรื่องนี้พลาดไปกัน
จี้อ๋องถอนหายใจออกมาในทันที "เสด็จพ่อ ลูกเต็มใจที่จะแบ่งปันเรื่องราวในพระราชวังพะยะค่ะ เพื่อช่วยปลดปล่อยความทุกข์ยากของเหล่าราษฏร ทว่า ลูกเองก็เพิ่งจะสูญเสียพระชายารองหลิวไป ภายในใจยังไม่สามารถคลายความเศร้าโศกได้มากนัก เกรงว่าจะไม่สามารถรับภารกินใหญ่เช่นนี้ได้ เสด็จพ่อให้เจ้าห้าไปจัดการเรื่องนี้เถิดพะยะค่ะ "
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พลันส่งเสียงอื้มออกมาคำเดียว พร้อมเหล่มองมาที่จี้อ๋อง "คนที่ตายไปแล้วย่อมไม่สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้ เจ้าก็อย่าได้ไปผูกมัดตัวเองมากไป ท้ายที่สุดเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง คิดมากไปก็ไม่เกิดอันใดขึ้นมา"
"พะยะค่ะ " จี้อ๋องพลันส่งเสียงถอนหายใจหนักๆออกมา "ทว่า พระเจ้าก็คงมีเมตตากับลูกอยู่บ้าง ความโศกเศร้ายังคงมีอยู่ เสด็จพ่อวางใจเถิดพะยะค่ะ ลูกจะพยายามหายป่วยโดยไว เพื่อมาคอยแบ่งเบาภาระจากเสด็จพ่อ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้พยักหน้าเล็กน้อย พลันหันมามองอวี่เหวินฮ่าว "เช่นนั้นเรื่องนี้"
อวี่เหวินฮ่าวพลันนั่งคุกเข่าลง "กราบทูลเสด็จพ่อ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้รู้อยู่แล้ว ว่าอวี้เหวินฮ่าวมิต้องการไป จึงได้แสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมออกมา "พูด!"
อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวว่า "หากเดินทางไปปราบกองโจรที่เมืองถิงเจียงนั้น จะว่าไกลก็มิไกลจะว่าใกล้ก็มิใกล้พะยะค่ะ อีกทั้งการนำกองกำลังไปปราบกองโจรก็ใช้เวลาไม่แน่นอน อีกทั้งพื้นที่กองกำลังที่โจรซุ่มอยู่ ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด หนึ่งเดือนก็ยังไม่สามารถรู้ได้แน่นอน สามเดือนก็ไม่แน่นอน ในตอนนี้ลูกเข้ารับตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถเดินทางไปได้นาน"
จี้อ๋องมิรอให้อวี่เหวินฮ่าวพูดจบ เขารีบแทรกขึ้นมาว่า "หากว่าเจ้ากังวลเรื่องราวภายในกรมแล้วละก็ น้องห้ามิต้องกังวลไป เฉิงฝู่สามารถเข้ารับตำแหน่งแทนเจ้าได้เป็นการชั่วคราว"
อวี่เหวินฮ่าวแอบยิ้มกับตนเองภายในใจเล็กน้อย ใช่ เกรงว่าเวลาผ่านไปเพียงสามหรือห้าเดือน ตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครคงได้เปลี่ยนคนแล้วกระมัง