หยวนชิงหลิงยอมจำนนและไปหาพระชายาซุนอ๋องทันที นางต้องการคนที่มีสมิงเพื่อคุยกับนาง
"ทำไมหรือ? หาพระชายารองที่ชอบได้หรือยัง?" พระชายาซุนอ๋องแซวนาง
หยวนชิงหลิงมองบน " งานชมบุปผานี่จัดขึ้นเพื่อให้เหล่าท่านอ๋องดูตัวพระชายารองจริงหรือ?"
"ใช่แล้ว" พระชายาซุนอ๋องกล่าวเบาๆ
"นี่มันก็…" หยวนชิงหลิงรู้สึกหนักใจและอ่อนแรง ต้องทำถึงขั้นนี้เลยหรือ? นางไม่รู้จะกล่าวเช่นไรแล้ว
พระชายาซุนอ๋องอธิบายว่า "เดิมทีเรื่องพระชายารองมิใช่เรื่องด่วนกระไรนัก ที่ผ่านมาเรื่องนี้ก็มิได้สำคัญเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ฝ่าบาททรงกำลังจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้ว แต่เหล่าท่านอ๋องก็ยังไม่มีใครมีข่าวดีเรื่องบุตร อีกทั้งพระชายาฉีอ๋องยังแสร้งว่าตนตั้งครรภ์ ไทเฮาจึงได้รีบร้อนยังไงล่ะ ฉะนั้นจึงจัดงานชมบุปผาเอาเสียเลย เพื่อให้เหล่าท่านอ๋องได้มีพระชายารองทุกคน แล้วดูว่าใครโชคดี มีบุตรชายเป็นคนแรก"
"ดังนั้น ที่จริงแล้วงานเลี้ยงชมบุปผาไทเฮาเป็นคนจัดขึ้นหรือ?" หยวนชิงหลิงตกตะลึงและประหลาดใจ
"ใช่แล้ว แต่คาดว่าฮองเฮาก็คงอยากจัดเช่นกัน" พระชายาซุนอ๋องหันข้างไป สีหน้าของนางดูเยาะเย้ยเล็กน้อย "พระชายาฉีแสร้งเรื่องตั้งครรภ์ ฮองเฮาคงเสียหน้าอย่างมาก ฉะนั้น วันนี้พระชายารองของฉีอ๋องคงจะเป็นหนึ่งในเหล่าคุณหญิงที่มาในวันนี้ ส่วนท่านอ๋องคนอื่นๆ อาจจะมิได้เลือกคนที่ถูกใจได้ในทันที"
ดังนั้นในคืนนี้ พระชายารองก็ฉีอ๋องจะบังเกิด หยวนชิงหลิงมองไปที่ฉู่หมิงฉุ่ย นางยืนอยู่ข้างๆ ฉู่หมิงหยาง สวมชุดพระราชวังสีแดง แสดงถึงตัวตนของนางในฐานะพระชายาเอก สีหน้าท่าทีของนางดูเย่อหยิ่งและโดดเดี่ยว มิได้มีท่าทีเศร้าใจหรือว่าเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนนักล่าที่พยายามหาผู้ช่วยงานที่ดี ดวงตาของนางมองไปรอบ ๆ เฉียบคมและว่องไว และทั้งสองก็สบตากัน ฉู่หมิงฉุ่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาออกไป
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าบรรยากาศในค่ำคืนนี้ช่างแปลกเสียจริง พระชายาเอกแต่ละคนกำลังมองหานางสนมให้สามีของตน
อวี่เหวินหลิงดึงหยวนหย่งอี้มาอีกครั้ง หยวนหย่งอี้ก็ยังคงมองหยวนชิงหลิงด้วยแววตาที่ชื่นชมอย่างมาก นางยืนอยู่ข้างๆ อวี่เหวินฮ่าวอย่างเขินอาย
พระชายาซุนอ๋องมองดูหยวนหย่งอี้แล้วกล่าวว่า "เด็กผู้หญิงคนนี้ใช้ได้เลยนะ หากว่าเป็นพระชายารองของฉีอ๋องจะเหมาะสมอย่างมาก พระชายาฉู่อ๋องเจ้าคิดว่าอย่างไร?"
หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย "ใช่!"
ดวงตาของหยวนหย่งอี้เป็นประกายมากขึ้นกว่าเดิม ต่อมา ไม่ว่าหยวนชิงหลิงจะไปที่ไหน หยวนหย่งอี้ก็จะตามนางไปอย่างเงียบๆ นางมิได้เข้าไปพูดคุยกับหยวนชิงหลิง เพียงแต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ
หยวนชิงหลิงมิได้มีกะจิตกะใจชมบุปผาหาหญิงสาวที่เหมาะสมเท่าไหร่ นางหาที่เงียบๆ แล้วนั่งพูดคุยกับพระชายาซุนอ๋อง
หยวนหย่งอี้ตามนางไป นางดึงอวี่เหวินหลิงไว้ไม่ให้นางไปไหน ฉะนั้นอวี่เหวินหลิงจึงได้นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเบื่อ แต่ก็ไปไหนมิได้
ก่อนที่งานเลี้ยงชมบุปผาจะสิ้นสุดลง ฮองเฮาได้เรียกตัวหยวนชิงหลิงและพระชายาซุนอ๋องไปตามคาด และถามพวกนางว่าชอบคุณหญิงตระกูลไหนเป็นพิเศษหรือไม่
พระชายาซุนอ๋องบอกชื่อไปสองสามคน ส่วนหยวนชิงหลิงกลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า "ไม่มีเพคะ"
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฮองเฮาและเหล่าพระสนมหันมามอง ทุกคนต่างก็คิดในใจว่า เขาว่ากันว่าพระชายาฉู่อ๋องหวงสามีตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระสนมเซียนแล้ว ไม่มีใครกล่าวกระไรทั้งสิ้น
ฮองเฮายิ้มอย่างฝืนใจ "ในเมื่อไม่พบคนที่ถูกใจ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด"
พระสนมเซียนมองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยสายตาที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เมื่อออกจากวัง ซีมามากล่าวว่า "พระชายาควรบอกชื่อไปสักสองสามคนเพคะ"
"สองสามคน?" หยวนชิงหลิงรู้สึกมึนงง "ข้าไม่อยากเสนอแม้แต่ชื่อเดียว แล้วจะให้เสนอสักสองสามคนอีกหรือ?"
ซีมามากล่าวว่า "ก็แค่กล่าวเพื่อตบตา เพราะถึงอย่างไรแล้วก็ไม่สามารถมีพระชายารองหลายคนได้เพคะ งานเลี้ยงชมบุปผานี้ฮองเฮาเป็นคนจัดตั้งขึ้น หากว่ากล่าวไปว่ามีสองสามคนที่ประทับใจ ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติฮองเฮาเช่นกันเพคะ พระชายาคิดว่าพระชายาซุนอ๋องประทับใจคนที่เสนอชื่อไปจริงหรือ? อันที่จริงนั่นก็เป็นแค่การกล่าวโดยผิวเผิน เป็นการตบตาท่านเพียงเท่านั้น เพื่อไม่เป็นการทำให้ฮองเฮาเสียหน้าและไม่เสียชื่อเสียงของตนด้วยเพคะ แต่วันนี้พระชายาคงได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนหวงของเสียจริงแล้วเพคะ"
หยวนชิงหลิงพูดไม่ออก ใครจะไปรู้?
เมื่อกลับไปที่จวน อวี่เหวินฮ่าวแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินวนๆ รอบหยวนชิงหลิง แต่เขาก็มิกล้าถามกระไร เพราะกลัวว่าจะถามผิดเรื่องแล้วทำให้ใครบางคนโกรธเคือง
หยวนชิงหลิงพูดอย่างโกรธเคือง "นั่งลงสิ อย่ามาเดินขวางหน้าขวาตาข้า"
อวี่เหวินฮ่าวนั่งข้างๆ นางอย่างเกียจคร้านและถามขึ้นมาอย่างมิได้ตั้งใจว่า "งานเลี้ยงชมบุปผาคืนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
"ชมจนหน้ามืดตาลายหมดแล้ว" หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย "ท่านอ๋องทุกคนต้องมีพระชายารองใช่หรือไม่?"
"ไม่จำเป็น" อวี่เหวินฮ่าวมองที่ท้องของนาง "หากว่าเจ้าเก่งพอ ข้าก็จะมีข้ออ้างที่จะปฏิเสธกับเสด็จพ่อ"
หยวนชิงหลิงรู้สึกเศร้าใจมาก "แบบไหนถึงจะเรียกว่าเก่งมากพอ"
"คลอดสักแปดคนสิบคนกระมั้ง"
หยวนชิงหลิงโกรธเคืองอย่างมาก "ข้ามิใช่สุกรสักหน่อย"
อันที่จริงแล้วภายในใจของอวี่เหวินฮ่าวก็กังวลมากเช่นกัน เขามิได้อยากมีพระชายารอง ตอนนี้เขาได้ใช้ชีวิตเงียบสงบความสุขดี หากว่าแต่งพระชายารองเข้ามา น้องหยวนต้องทะเลาะกับเขาทุกวันแน่ๆ แค่คิดถึงช่วงวันเหล่านั้นก็ปวดหัวแล้ว
แต่ทว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธทุกวิถีทางและยืนยันที่จะไม่เอาพระชายารองแค่ไหน แต่หากว่าเสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการมอบพระชายารองให้เขา เขาก็ไม่สามารถทำกระไรได้ ฉะนั้นคืนนี้เขาจึงบอกกับหยวนชิงหลิงว่า ต้องบอกไปว่านางไม่ชอบใครทั้งนั้น ตอนนี้ไม่สามารถห่วงเรื่องชื่อเสียงหวงสามีแล้ว หวงสามีแล้วอย่างไร? ที่หวงก็เพราะว่ายังสนใจในตัวเขายังไงล่ะ
หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้วจึงพูดว่า "ฮองเฮาถามข้าแล้ว แต่ข้าบอกไปว่าไม่ถูกใจใครเลย แต่ทว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าอยากแต่งงานกับเจ้า"
"ใคร?" อวี่เหวินฮ่าวขมวดคิ้ว เหลวไหล!
จะไปฆ่านางพรุ่งนี้เลย
"ชื่อหยวนหย่งอี้ เหมือนว่าจะเป็นลูกสาวหรือหลานสาวของแม่ทัพหยวนนี่แหละ ข้าจำมิได้แล้ว นางเป็นมิตรคนสนิทของน้องสาวเจ้า"
อวี่เหวินฮ่าวตกใจ "เจ้าหนูอี้หรือ? นางบอกว่าจะแต่งงานกับข้าหรือ? เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน"
เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้?" หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา
อวี่เหวินฮ่าวหัวเรา "ทุกครั้งที่เจ้าหนูอี้เห็นข้า นางจะกลัวจนซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง นางกลัวข้าเช่นนี้ แล้วจะอยากเป็นพระชายารองของข้าได้อย่างไร?"
"แต่นางพูดเช่นนี้จริงๆ นะ" หยวนชิงหลิงกล่าว
นางรู้สึกว่า หากผู้หญิงคนหนึ่งคอยหลบหน้าเขา อาจมิได้เป็นเพราะว่ากลัวเขาเสมอไป บางทีอาจเป็นเพราะชอบ เขินอาย ไม่รู้ว่าควรเข้าหาอย่างไรดี
นางพูดว่า "หรืออาจจะเป็นเพราะว่าชอบเจ้ารึเปล่า จึงได้พยายามหลบหน้าเจ้า? เพราะนางเขินอาย"
"เขินอาย?" อวี่เหวินฮ่าวหัวเราะ "หากว่าบอกว่าเจ้าเขินข้าจะเชื่อ แต่หากบอกว่านางเขินอายข้าไม่เชื่ออย่างแน่นอน เจ้าหนูนี่ไม่กลัวกระไรทั้งนั้น เดิมเป็นตระกูลมั่งคั่งตอนนี้ตกอับแล้ว"
หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา "นี่เรามิได้พูดถึงคนเดียวกันรึเปล่า? คืนนี้ที่ข้าพบนาง นางเขินอายตลอดเวลา แม้ว่านางจะเอาแต่จ้องมองข้า แต่เมื่อข้าสบตานาง นางก็จะหลบสายตาทันที"
อวี่เหวินฮ่าวประหลาดใจและกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นก็คงมิใช่คนเดียวกันแล้วล่ะ เจ้าหนูอี้ไม่มีทางเขินอายอย่างแน่นอน นางใจกล้ายิ่งกว่าลูกผู้ชายเสียอีก"
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่านางกลัวเจ้าล่ะ?"
อวี่เหวินฮ่าวพูดถึงเรื่องราวในอดีตว่า "เมื่อตอนนี้นางเข้าวังครั้งแรก ตอนนั้นนางคงอายุห้าหกขวบกระมั้ง หยวนฮูเหยินพานางเข้าวังเพื่อถวายพระพรต่อเสด็จย่า ตอนนั้นข้าอายุสิบเอ็ดสิบสอง กำลังอยู่ในวัยขี้เล่น พา มีงูตัวเล็กอยู่ในอุทยานหลวงแล้วข้าจับไว้ได้ ข้ารู้สึกว่ามันสนุกดีจึงอยากนำไปมอบให้เสด็จย่า แต่ไม่คาดคิดว่างูนั้นหลุดมือไป แล้วงูนั้นก็มุดเข้าไปด้านใต้กระโปรงของเจ้าหนูอี้ นางกลัวจนร้องได้ออกมา หลังจากนั้นเป็นต้นมา สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดในชีวิตก็คงจะเป็นงูแล้วก็ข้ากระมั้ง"
เมื่อพูดถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาดูภูมิใจอย่างมาก
หยวนชิงหลิงมองบนใส่เขา "ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ร้องไห้ เจ้าก็เก่งกาจเสียจริง"
อวี่เหวินฮ่าวผ่อนคลาย หากว่าเป็นเจ้าหนูอี้ล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่นางอยากแต่งงานกับตน
สองวันต่อมา อวี่เหวินฮ่าวกลับมาจากพระราชวังอย่างตื่นเต้น แล้วดึงหยวนชิงหลิงเข้าไปที่หอเซียวเยว่
"ชื่อของพระชายารองของชายเจ็ดออกมาแล้ว" เขากล่าวด้วยความตื่นเต้น
"ใครหรือ?" หยวนชิงหลิงถามโดยสัญชาตญาณ
"เจ้าหนูอี้นั่นแหละ"
หยวนชิงประหลาดใจ "หยวนหย่งอี้หรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวดีใจอย่างมาก "ใช่ ข้าถามหลิงเอ๋อร์แล้ว คนที่เจ้าเจอเมื่อวันนั้นก็คือเจ้าหนูอี้นั่นแหละ คืนนั้นฉู่หมิงฉุ่ยดูหญิงสาวไปหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือนาง"
MANGA DISCUSSION