อวี่เหวินฮ่าวโก่งคอตวาดเขาอย่างโมโห "ซวีอี เจ้าไม่พูดสักพักปากจะเป็นแผลหรืออย่างไร?"
ซวีอีพูดเสียงอ่อย "ผู้น้อยก็แค่เป็นห่วง" พอเขาเป็นกังวลทีไรก็มักจะพูดจาซี้ซั้วและเมื่อพูดจาซี้ซั้วก็มักจะเป็นคำพูดทางลบ เขาเองก็ควบคุมตนเองไม่ได้เหมือนกัน
ในที่สุดก็เห็นซีมามาเดินออกมากับหยวนชิงหลิง
นางสวมชุดสีแดง อกผายไหล่ผึ่ง ก้าวเดินอย่างมั่นคงราวกับแม่ไก่สีแดงที่เพิ่งได้รับชัยชนะ
หัวใจกังวลอยู่นานของอวี่เหวินฮ่าวจึงวางลงได้ เขารีบเดินเข้าไปรับนาง จับแขนนางและสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า "ไม่ถูกทำโทษหรือ?"
หยวนชิงหลิงกลอกตา "มีใครพูดจาอย่างท่านบ้าง? ท่านอยากเห็นข้าถูกทำโทษนักหรือ?"
"เป็นห่วงเจ้าต่างหาก!" อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกโล่งอก ประคองนางขึ้นรถม้า "ระวังด้วย"
หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ทำไม? จู่ๆ สวัสดิการของข้าก็มากขึ้นหรือ? ก่อนข้าเข้าวังไม่เห็นจะดีกับข้าเช่นนี้"
นางนั่งลงบนรถม้า อวี่เหวินฮ่าวก็ตามเข้ามานั่งเช่นกันและโอบนางไว้แขนหนึ่ง เขารีบถามนางว่า "เป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จพ่อว่าอย่างไรบ้าง? ทรงโมโหหรือไม่?"
"โมโหสิ ข้าตกใจกลัวจนแทบพูดไม่ออก แต่ว่าต่อมาก็หายโกรธลงเล็กน้อย ประหลาดเสียจริง" หยวนชิงหลิงพูดพลางกลอกตาเล็กน้อย
"เจ้าพูดว่าอะไรบ้าง?" อวี่เหวินฮ่าวถาม "ได้พูดตามที่ข้าสอนหรือเปล่า?"
หยวนชิงหลิงพยักหน้าราวกับนักเรียนที่เชื่อฟัง "ที่ท่านสอนนั้นข้าได้พูดออกไปทั้งหมด แล้วยังเติมแต่งไปเองอีกเล็กน้อย"
"เติมเข้าไปกี่ประโยค?" คำพูดนี้ชักจะทะแม่งๆ
"อืม ข้าบอกว่าเหล่าประชาชนต่างก็กล่าวโทษพระชายาฉีอ๋อง บอกว่านางคิดจะใช้โจ๊กหนึ่งชามเพื่อแลกชื่อเสียงอันดีงาม ข้าบอกว่าหากไม่ลงโทษนาง นางก็จะไม่มีทางกลับเนื้อกลับตัวและจะทำผิดอีก ถึงตอนนั้นก็อาจจะสายไปแล้ว ความหมายก็ประมาณนี้ล่ะ คำพูดเดิมที่พูดไปข้าก็จำไม่ค่อยได้ ด้นสดเอาตอนนั้นแหละ" อวี่เหวินฮ่าวตัวแข็งค้าง
ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "เจ้า… เจ้าพูดอย่างนี้ทำไม? เสด็จพ่อต้องคิดว่าเจ้ามีเจตนาไม่ดีจึงได้ไปกล่าวโทษนางแน่
"เสด็จพ่ออาจจะคิดเช่นนี้ แต่ว่าหากฉู่หมิงฉุ่ยไม่ได้ออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ ถฃถึงแม้จะไม่ใช่หยวนเจี๋ยก็ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน ข้าไม่อยากเข้าวังไปบีบเขาอีกรอบ คทาหลวงก็ไม่ได้ใช้ได้ผลขนาดนั้น"
"เจ้าเอาคทาหลวงออกมาด้วย?" อวี่เหวินฮ่าวเบิกตากว้างมองตาค้าง
นี่มันเป็นการข่มขู่เสด็จพ่อซึ่งๆ หน้าชัดๆ ทั้งยังเป็นการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย
หยวนชิงหลิงเหงื่อตก "ที่จริงแล้วข้าอยากจะหยิบหนังสือรับรองออกมา แต่ข้าค้นอยู่นานก็หาไม่เจอ พอเห็นว่าเสด็จพ่อหน้าบึ้ง ข้าก็ร้อนรนจึงได้หยิบคทาหลวงออกมายื่นต่อหน้าเขา ตอนนั้นข้าก็กลัวจนไม่มีสติแล้ว สมองไม่ทำงานเลย ได้เพียงแต่มองเขาอย่างน่าสงสาร โชคดีที่ข้าไม่ได้เอ๋อนาน ครู่หนึ่งข้าก็สรรหาคำพูดมาพูดกับเขาได้ เสด็จพ่อคงฟังเข้าไปแล้ว"
อวี่เหวินฮ่าวจนคำพูดแล้วจริงๆ
"ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าเสด็จพ่อจะเก็บไว้คิดบัญชีในภายหลังก็คงจะรอให้เรื่องเงียบแล้วจึงค่อยทำ ผ่านไประยะหนึ่งข้าค่อยหาข้ออ้างพาเจ้าหลบออกไปจากเมืองหลวงสักระยะหนึ่งก็ได้ พอเสด็จพ่อหายโกรธแล้วค่อยพาเจ้ากลับมา
หยวนชิงหลิงอึกอัก "คราวนี้ข้าอาจจะล่วงเกินตระกูลฉู่ ต่อไปท่านก็ระวังหน่อย"
"อาจจะอะไร? เจ้าล่วงเกินตระกูลฉู่ไปแล้ว เจ้าทำให้พวกเขาขุ่นเคืองมาตั้งนานแล้ว แต่ก่อนไม่รู้จักกลัว เพิ่งจะมากลัวตอนนี้หรือ?" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวพลางหัวเราะ
หยวนชิงหลิงถอนหายใจและมองเขาอย่างเต็มตา "ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ประสีประสา นึกว่าชินอ๋องจะข่มโส่วฝู่ได้ หลังจากที่แต่งให้ท่านแล้วก็คิดว่ามีที่พึ่งแล้ว ใครจะรู้ว่าท่านจะทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าเขา ข้าคิดผิดไปเอง"
อวี่เหวินฮ่าวจิ้มนิ้วลงบนแก้มของนางอย่างแรง "ซวีอีบอกว่าเจ้าปากร้ายนัก เขาพูดไว้ไม่ผิดเลย"
หยวนชิงหลิงเอาศีรษะซบลงบนไหล่ของเขา "ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะลงโทษฉู่หมิงฉุ่ยไหม?"
อวี่เหวินฮ่าวลูบผมของนาง "ใจของเขายากจะคาดเดา ใครจะไปรู้เล่า?"
"ที่จริงแล้วข้าคิดว่าคงไม่ทำโทษนางหรอก แต่ก็แน่นอน ข้าเชื่อว่ามันก็คงไม่ได้เปล่าประโยชน์เช่นกัน อย่างน้อยเสด็จพ่อก็อาจจะไม่ลงโทษหยวนเจี๋ยแล้ว" หยวนชิงหลิงเอ่ย
อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้ตอบอะไร เขาก็คิดว่าจะไม่ลงโทษเช่นกัน วันนี้ฉู่โส่วฝู่ได้ขอร้องแทนฉู่หมิงฉุ่ยเอาไว้ต่อหน้าเขา จะเห็นได้ว่าเขาไม่ต้องการให้ฉู่หมิงฉุ่ยมีชื่อเสียงด่างพร้อย ฉู่โส่วฝู่ทำเพื่อน้องเจ็ด เสด็จพ่อก็ทำเพื่อน้องเจ็ด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสุดท้ายก็จะปล่อยฉู่หมิงฉุ่ยไป สำหรับเขาแล้วนั้นจะเป็นอย่างไรก็ได้ เขาเพียงไม่ต้องการให้หยวนเจี๋ยถูกลงโทษเท่านั้น
แต่ว่านางคงจะรู้สึกไม่ดีกระมัง? นางเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว แต่ก็ไม่อาจจัดการฉู่หมิงฉุ่ยได้ เสด็จพ่อช่างตาถั่วเสียจริง! มีตาหามีแววไม่ เขารู้สึกน้อยใจแทนหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก
ที่จวนฉีอ๋อง
ฉู่หมิงฉุ่ยนั่งอยู่ที่หน้าเตียงของฉีอ๋อง ในมือถือถ้วยน้ำแกง ช้อนคนในถ้วยเบาๆ ไอร้อนลอยออกมาบังหน้ากว่าครึ่งของนาง
"มา อ้าปาก!" นางพูดอย่างนุ่มนวล ขนตาของนางเปิดขึ้นเล็กน้อย แผลที่คางไม่ได้ปิดไว้แล้วเผยให้เห็นเป็นรอยแดงแต่ก็ไม่ได้ดูดุร้าย แต่กลับดูน่าสงสารยิ่งนัก
ฉีอ๋องเอื้อมมือรับมาและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง "ให้ข้าทำเองเถอะ"
ฉู่หมิงฉุ่ยตะลึงไปเล็กน้อย มองเขาซดน้ำแกงอึกๆ น้ำแกงไหลลงคออย่างรวดเร็วเสมือนว่าเขากำลังทำภารกิจ
"เป็นอะไรไปหรือ?" ฉู่หมิงฉุ่ยเอ่ยถามเสียงเบา
ฉีอ๋องวางชามไว้อีกด้านและหลบตานางโดยไม่รู้ตัว "ไม่มีอะไร เพียงแต่เจ้าก็บาดเจ็บเช่นกัน จะให้เจ้ามาคอยรับใช้ข้าไม่ได้หรอก"
"ข้ารับใช้ท่านอ๋องไม่ได้เป็นเรื่องเหมาะสมหรอกหรือ?" ฉู่หมิงฉุ่ยยิ้มน้อยๆ นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากของเขาและกล่าวอย่างนุ่มนวล "ดูสิ โตขนาดนี้แล้ว ดื่มน้ำแกงก็ยังไม่ระวังอีก"
ฉีอ๋องมองนางและถามอย่างอดไม่ได้ "เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะลงโทษเจ้า?"
ฉู่หมิงฉุ่ยหลุบตาลงและกล่าวราบเรียบ "ไม่รู้ แต่ว่าหากจะลงโทษข้าก็ลงโทษเถอะ นี่เป็นโทษที่ข้าสมควรได้รับ"
ฉีอ๋องกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าให้คนเข้าวังไปรายงานเสด็จพ่อว่าเจ้าตั้งครรภ์"
"เพคะ" ฉู่หมิงฉุ่ยลุกขึ้นยืนและหยิบถ้วยขึ้นไปวางบนโต๊ะแล้วหันมามองเขา "ท่านไม่อยากให้เสด็จพ่อรู้หรือ?"
ฉีอ๋องส่ายหน้า "ไม่ใช่ เพียงแต่รู้สึกว่าหมอหลวงยังไม่ได้ยืนยันว่าเจ้าตั้งครรภ์ อีกอย่างถึงแม้จะตั้งครรภ์ก็ควรจะไปรายงานเสด็จแม่เสียก่อนแล้วให้เสด็จแม่เป็นผู้กราบทูลเสด็จพ่อไม่ใช่หรือ?"
ฉู่หมิงฉุ่ยยืนพิงโต๊ะมองเขา สายตาฉายแววคลุมเครือ "ท่านไม่ได้เฝ้ารอให้ข้าท้องหรอกหรือ?"
ฉีอ๋องกล่าวเสียงอ่อย "แม้แต่ในฝันก็ยังเฝ้ารอ"
"เช่นนั้นข้าตั้งครรภ์แล้วทำไมท่านจึงไม่ดีใจ?" ฉู่หมิงฉุ่ยถาม
ฉีอ๋องเงยหน้ามองนาง นางก็มองตอบเขาด้วยสายตาเรียบเฉย คุกคามเงียบๆ ทางสายตา เขาจึงอดคิดไม่ได้ว่านางที่อ่อนโยน นางที่น่าสงสาร นางที่คอยเอาอกเอาใจและนางที่เย็นชาจนเกือบจะโหดร้ายนั้นอย่างไหนจึงจะเป็นนางจริงๆ กันแน่?
ฉู่หมิงฉุ่ยเดินช้าๆ มานั่งลงที่ข้างเตียงของเขา จับมือของเขาวางลงบนหน้าท้องของนางและกล่าวว่า "นี่เป็นลูกของเรา องค์ชายของเรา"
ฉีอ๋องตกใจ เขารีบชักมือกลับและจ้องมองนางทันที
ฉู่หมิงฉุ่ยถามเขาอย่างเรียบเฉย "ท่านกลัวอะไร?"
ฉีอ๋องกลัวแล้วจริงๆ เขาไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่าฉู่หมิงฉุ่ยจะมีจิตใจที่ล้ำลึกเช่นนี้
ตอนนี้เขาเป็นชินอ๋อง แม้ว่าจะมีบุตรชายอย่างก็เป็นแค่ท่านชายเท่านั้น
"ชุ่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล!" ฉีอ๋องชักมือกลับราวกับถูกของร้อน เขาล้มตัวลงนอนตะแคงโดยไม่ได้สนใจว่าจะทับบาดแผลตรงไหล่ที่บาดเจ็บอยู่
ฉู่หมิงฉุ่ยอยากจะตีเขาสักที นางอึ้งไป แทบไม่อยากเชื่อว่านางจะเลือกคนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถเช่นนี้มาเป็นสามี ครู่ใหญ่นางจึงฝืนยิ้มออกมา "ท่านตาบอกข้าไว้ว่าเขาจะสนับสนุนท่านให้เป็นรัชทายาท เขาให้ข้าลองหยั่งเชิงท่านดู เมื่อครู่ก็คือการทดสอบของข้า"
ฉีอ๋องหันมาอย่างช้าๆ "หยั่งเชิง?"
MANGA DISCUSSION