ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 157 ลงโทษผู้มีความดีความชอบ
ประตูไม่ได้ถูกปิดนานนัก ไม่นานก็เปิดออกให้เขาเข้าไป
ครั้งนี้อวี่เหวินฮ่าวซื่อสัตย์แล้ว เขาครุ่นคิดอย่างใจเย็นตอนที่อยู่นอกประตูและรู้สึกว่าเหตุผลเดียวที่นางโกรธก็คือเขาพบกับฉู่หมิงฉุ่ยตามลำพัง
เขายอมรับอย่างซื่อสัตย์ "ต่อไปข้าจะไม่ไปพบนางตามลำพังอีก"
หยวนชิงหลิงมองเขา "ครั้งนี้ข้าไม่ได้หึงแล้วก็ไม่ได้โกรธที่ท่านไม่ยอมบอกความจริงทั้งหมดแก่ข้า เพียงแต่รู้สึกว่าท่านยังไม่ค่อยระวังนัก ถึงแม้ว่าท่านจะไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นต่อนางแล้ว แต่อย่างไรก็โตมาด้วยกันคงมีความผูกพันกันอยู่บ้าง หากนางจะใช้ประโยชน์ความผูกพันนี้ทำร้ายท่าน ใส่ร้ายท่านจะเป็นเรื่องง่ายดายเพียงใดกัน? บทเรียนที่จวนองค์หญิงท่านลืมไปแล้วหรือ?"
หยวนชิงหลิงใช้การกระทำของนางเป็นบทเรียนเพื่อสั่งสอนเขาพร้อมคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจและแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่ในความซาบซึ้งนั้นก็รู้สึกว่านางหน้าไม่อาย!นางยังกล้านำเรื่องที่จวนองค์หญิงมาพูดอย่างจริงจังอีกหรือ? แต่ว่าเขาไม่กล้ากล่าวออกไปเช่นนี้ เพียงแต่รับคำสั่งสอนอย่างว่าง่าย จุดนี้ ตอนนั้นเขาเองก็เคยคิดเช่นกัน แม้ข้างนอกจะมีคนอยู่แต่นอกจากซวีอีแล้วล้วนเป็นคนของนางทั้งหมด หากตอนนั้นนางคิดจะทำอะไร เขาก็คงจะต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่! และนางก็ไม่มีทางที่จะไม่กล้าทำอย่างแน่นอน ตอนนั้นอาจเป็นเพราะถูกคำของตนเองมัดมือชก
เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้นๆ อย่างเชื่อฟัง "พระชายากล่าวได้ถูกต้องที่สด ต่อไปข้าจะระวังตัว ตอนนี้เจ้านอนลงก่อน ถูกต้อง อย่างนั้นแหละ อย่าขยับ…"
หยวนชิงหลิงตีมือเขาอย่างโมโห "ในหัวของท่านจะมีสักนาทีไหมที่ไม่คิดเรื่องอย่างนั้น?"
"เรื่องอย่างไหน?" มือของเขายุ่งเป็นพัลวัน ริมฝีปากของเขาก็ไม่หยุดอยู่นิ่งเช่นกัน อีกทั้งนางยังมีอารมณ์ร่วมเป็นอย่างมาก
"อื้อ…" ปากนางถูกปิดสนิท จึงทำได้เพียงถลึงตาประท้วงโดยไร้เสียง
หลังจากที่กิจกรรมคู่รักเสร็จสิ้นลง ทั้งสองก็นอนหลับไปให้อ้อมอกของกันและกัน
วันต่อมาสองสามีภรรยาออกไปพร้อมกัน หยวนชิงหลิงไปที่จวนของหวายอ๋อง อวี่เหวินฮ่าวไปที่กรมเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนจะเข้าวังไปรายงาน
พระสนมหลู่ยังคงอยู่ที่จวนหวายอ๋อง เมื่อได้ยินว่าเมื่อวานฉีอ๋องถูกลอบสังหารก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางคิดว่ามีองค์ชายถูกลอบสังหารติดๆ กันต้องเป็นแผนร้ายของใครบางคนแน่ นางกังวลใจว่าหากลูกชายของนางรักษาตัวหายแล้วจะพบความโหดร้ายเช่นนี้ด้วย ดังนั้นนางจึงถามหยวนชิงหลิงมากมายและให้หยวนชิงหลิงไปถามจากอวี่เหวินฮ่าวว่ากรมการพระนครหาตัวคนร้ายได้หรือยัง?
อวี่เหวินฮ่าวเข้าวังไปรายงานเรื่องที่ประตูเมืองและเรื่องที่ฉีอ๋องถูกลอบสังหารแก่จักรพรรดิหมิงหยวนตี้
เหตุการณ์ที่ประตูเมืองนั้นเป็นเพราะฉู่หมิงฉุ่ยเตรียมการมาไม่ดีนักและถ่วงเวลานานเกินไปจึงได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
ส่วนเรื่องลอบสังหารไม่มีหลักฐานว่าฉู่หมิงฉุ่ยเป็นผู้บงการ แต่อวี่เหวินฮ่าวได้กล่าวความคิดเห็นของเขาออกมา
เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ได้ฟังก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมาช้าๆ "คนที่บาดเจ็บที่ประตูเมืองนั้น เจ้าไปเบิกเงินจากกรมคลังใช้เป็นเงินสำหรับรักษาพวกเขาและจัดการเรื่องชีวิตประจำวันของพวกเขาชั่วคราว ส่วนเรื่องมือสังหารนั้นให้เจ้าสืบต่อไป การคาดเดาของเจ้าไม่อาจถือเป็นหลักฐานได้"
อวี่เหวินฮ่าวรู้ว่าเรื่องมือสังหารจะเป็นเช่นนี้ แต่เรื่องที่ประตูเมืองจะจัดการอย่างไร? จะชี้แจงอย่างไร?
"เสด็จพ่อ เหตุการณ์ที่ประตูเมืองมีคนบาดเจ็บมากมายเช่นนั้น อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบายให้พวกเขา เสด็จพ่อคิดว่า…" อวี่เหวินฮ่าวมองจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ รอให้เขาตอบ
ที่จริงไม่จำเป็นต้องมีการลงโทษใดๆ อย่างไร "เจตนาเดิม" ของฉู่หมิงฉุ่ยนั้นเป็นเรื่องดี เพียงแต่ต้องออกหนังสือตำหนินางสักครั้ง บอกว่านางจัดการไม่ดีแล้วค่อยให้นางออกเงินชดเชยให้แก่ผู้บาดเจ็บ เช่นนี้ก็คงจะทำให้คลื่นลมสงบลงได้
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยว่า "วันนั้นทหารรักษาการณ์ที่ประตูเมืองชื่อว่าอะไร?"
"หยวนเจี๋ยพ่ะย่ะค่ะ!" อวี่เหวินฮ่าวเคยสอบถามสถานการณ์จากเขามาแล้วจึงรู้ชื่อของเขา ที่สถานการณ์ในตอนนั้นสามารถสงบลงอย่างรวดเร็วได้นับว่าเขาเป็นผู้ที่มีผลงานใหญ่ เสด็จพ่อคงจะตกรางวัลให้แก่เขา
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้กล่าวอย่างราบเรียบ "อืม เช่นนั้นก็ให้เป็นโทษของเขาที่รักษาการณ์ได้ไม่ดี มาช่วยสายเกินไป ให้พักงานเสียก่อน"
อวี่เหวินฮ่าวมองจักรพรรดิหมิงหยวนตี้อย่างตกใจ "เสด็จพ่อ หยวนเจี๋ยมีผลงานนะพ่ะย่ะค่ะ!"
"เช่นนั้นเป็นความผิดของใคร?" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้มองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
อวี่เหวินฮ่าวไม่มีเสียงตอบกลับ เรื่องนี้เป็นความผิดของผู้ใดเขาไม่ได้พูดออกไปแล้วหรือ?
"ทำตามที่เจิ้นสั่งเถอะ" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้นวดหว่างคิ้ว "ไปเถอะ"
"อวี่เหวินฮ่าวส่ายหน้า "ไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ลูกไม่อาจลงโทษผู้ที่ทำผลงานได้"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จึงกล่าวอย่างโมโห "เช่นนั้นเจ้าจะขัดพระราชโองการหรือไง?"
"เสด็จพ่อ" อวี่เหวินฮ่าวเดินเข้าไปอีกก้าวและขอร้องอย่างจริงใจ "หยวนเจี๋ยมีผลงานจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หากลงโทษขุนนางที่กระทำดีจะทำให้ขุนนางอื่นเจ็บปวดและผิดหวังนะพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จ้องมองเขาด้วยโทสะ "หากเรื่องนี้เจ้าทำไม่ได้ก็มีคนอีกมากมายที่ทำได้ เจ้าไปคิดดูให้ดีเถอะ ไปได้แล้ว!"
อวี่เหวินฮ่าวกำลังจะพูดอะไรอีก แต่มู่หยูกงกงก้าวเข้ามาข้างหน้าและเอ่ยกับเขาว่า "กระหม่อมจะไปส่งพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง"
มู่หยูกงกงขยิบตาเป็นสัญญาณให้เขาอย่าได้พูดอะไรอีก
อวี่เหวินฮ่าวเข้าใจในทันที เขารู้นิสัยของเสด็จพ่อดี หากเขายังต่อล้อต่อเถียงอีกก็ไม่มีทางคืนความยุติธรรมให้แก่หยวนเจี๋ยได้แน่
เขาจึงประสานมือคารวะ "กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"
มู่หยูกงกงส่งเขาออกไปจนถึงด้านนอกก็เอ่ยเบาๆ ว่า "วันนี้ตอนที่ฟ้ายังไม่สาง จวนฉีอ๋องก็ส่งคนมากราบทูลว่าพระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวมีสีหน้าเรียบเฉย "ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจที่กงกงบอกข้า!"
มู่หยูกงกงถอนหายใจเบาๆ "ท่านอ๋องไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หยวนเจี๋ยผู้นั้นได้รับความไม่เป็นธรรมชั่วคราว ฝ่าบาทก็ทรงรู้ ต่อไปเมื่อเรื่องราวสงบลงแล้วต้องชดเชยให้เขาอย่างงามแน่"
อวี่เหวินฮ่าวยิ้มเย็นอยู่ในใจ ต่อไปจะชดเชยให้เขาอย่างงามงั้นหรือ ประโยคที่ว่ามาช่วยล่าช้านั้นทำร้ายหัวใจของนักรบยิ่งนัก! เขาไม่ได้กลับไปที่กรม เรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับคนในกรมอย่างไร เหตุการณ์ในวันนั้นเหล่าขุนนางหลายคนในกรมต่างก็เห็นกับตา หยวนเจี๋ยพยายามสุดความสามารถจริงๆ หากลงโทษหยวนเจี๋ย ในกรมนั้น แค่คิดก็รู้สึกเหลือเชื่อแล้ว
เขาไม่ได้กลับจวนด้วยเช่นกัน เกรงว่าหยวนชิงหลิงคงจะโกรธยิ่งกว่าเขาเสียอีก
ในช่วงเวลาหดหู่ใจนั้น เขาจึงไปหาเหลิ่งจิ้งเหยียนที่สำนักบัณฑิต
เหลิ่งจิ้งเหยียนในชุดขาวดูราวกับเทพเซียน ใบหน้างดงามราวหยกของเขาไม่มีอารมณ์ใดๆ ขณะฟังเขาเล่าเรื่องจนจบ
เขาตั้งโต๊ะนำชาและกล่าวว่า "จนถึงตอนนี้ไม่มีองค์ชายผู้ใดที่มีบุตร ตำแหน่งรัชทายาทก็ยังไม่กำหนดเสียที เมื่อพระชายาฉีอ๋องตั้งครรภ์ ในใจของฝ่าบาทก็คงจะเอนเอียงไปฝั่งนั้นแล้วว่าอยากแต่งตั้งฉีอ๋องเป็นรัชทายาท พระชายาฉีอ๋องจึงไม่อาจจะมีจุดด่างพร้อยได้ ท่านก็ควรจะเข้าใจ"
อวี่เหวินฮ่าวจึงพูดอย่างหงุดหงิด "ข้าเข้าใจ แต่ถึงแม้ไม่ลงโทษพระชายาฉีอ๋องก็ไม่ควรลงโทษหยวนเจี๋ย"
"เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องมีรับผิดชอบ หยวนเจี๋ยเป็นแม่ทัพรักษาประตูเมือง เขาเป็นผู้มารับผิดชอบเรื่องนี้นั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว" เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าว
อวี่เหวินฮ่าวยากที่จะสงบใจลง "ข้าไม่อาจลงโทษเขาได้"
เขาก็เป็นขุนนางฝ่ายบู๊เช่นกันจึงรู้ว่าเหล่าแม้ทัพนายกองสร้างผลงานได้ยากเพียงใด หากประเทศไม่มีสงคราม ขุนนางฝ่ายบู๊บางคนก็อยู่ในตำแหน่งเดิมไปตลอด แต่เมื่อทันใดที่ประเทศเกิดสงคราม พวกเขาใช้ชีวิตเป็นเดิมพันจึงสามารถแลกโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งได้ เพียงแต่จะต้องเสียเลือดเนื้อไปขนาดไหนกัน เมื่อตายไปแล้วจึงจะได้รับยศ วันนั้นมีประชาชนอยู่มากมาย พวกเขาเห็นกับตาว่าหยวนเจี๋ยช่วยเหลือคนอย่างสุดกำลัง ไม่อาจกลบเกลื่อนให้ผ่านไปได้ เมื่อลงโทษเขาแล้วจะกลายเป็นเรื่องน่าขายหน้าเพียงใด?
"เดิมทีเจ้าก็มีแผนการมากมาย หาวิธีให้ข้าหน่อยเถอะ" อวี่เหวินฮ่าวมองท่าทางไม่ใช่เรื่องของตนไม่ยุ่งเสียดีกว่าของเหลิ่งจิ้งเหยียนแล้วก็โมโหนัก
เหลิ่งจิ้งเหยียนจิบชาแล้วจึงกล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า "ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง แต่ออกจะไม่ยุติธรรมไปสักหน่อย ดูว่าท่านจะกล้าทำหรือไม่"
อวี่เหวินฮ่าวตบโต๊ะ "มีเรื่องอะไรที่ข้าจะไม่กล้าเล่า? รีบพูดมาเถอะ!"