ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 155 แตกหักกับฉู่หมิงฉุ่ย
ทังหยางยกมือขึ้นมาประสานกันข้างหน้า "ท่านอ๋อง บาดแผลของฉีอ๋องไม่สาหัสเท่าไรนัก ทรงมีบาดแผลบริเวณพระอุทรและพระพาหุ บาดแผลไม่ลึกมากพ่ะย่ะค่ะ"
"มิได้นำตัวคนร้ายมาด้วยหรือ?"
ทังหยางส่ายหน้า เขามองดูอวี่เหวินฮ่าวด้วยสีหน้าอึดอัด
อวี่เหวินฮ่าวรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องใดอยู่จึงพูดออกไปว่า "ไม่เป็นไรหรอก!"
เขาผลักประตูออก ท่านหมอกำลังพันแผลให้ฉีอ๋อง ฉู่หมิงฉุ่ยยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยและเป็นกังวล ดวงตาของนางบวมแดง เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเดินเข้ามา ฉู่หมิงฉุ่ยก็จ้องมองเขา นางดูเหมือนจะเศร้า และดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ช่างดูซับซ้อนยิ่งนัก
อวี่เหวินฮ่าวพยักหน้าให้นางเป็นการทักทาย แล้วจึงเดินผ่านไป
ฉีอ๋องเห็นอวี่เหวินฮ่าวเดินเข้ามา ก็ได้พูดอย่างเสียอกเสียใจ "พี่ห้า อีกนิดเดียวข้าคงตายแน่"
"อย่าพูดโง่ๆสิ!" เขาเดินไปดูบาดแผล บาดแผลไม่ลึกมากจริงๆด้วย แสดงว่าคนร้ายไม่ได้ใช้แรงมาก
ฉีอ๋องกล่าวอย่างฉุนเฉียว "ไม่รู้ว่าใครกันที่คิดจะลอบสังหารข้า เรื่องนี้ข้าจะต้องกราบทูล……"
พลันเขาก็หยุดพูดในทันที เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของพี่สะใภ้ห้าผู้ร้ายกาจที่เคยพูดกับเขาเอาไว้ว่า อะไรๆก็ไปฟ้องเสด็จพ่อ ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยว และกลืนคำพูดตัวเองลงไป
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า "เรื่องนี้จะต้องกราบทูลให้เสด็จพ่อได้ทรงทราบอยู่แล้ว เจ้าวางใจเถอะ กรมการพระนครจะช่วยกันออกตามล่าตัวคนร้ายด้วยอีกแรง"
"พี่ห้าจะต้องลากคอมันมาให้ได้ แล้วสั่งสอนมันให้รู้สำนึก เป็นการแก้แค้นให้ข้า" ฉีอ๋องหน้าตาเคร่งเครียดจนปรากฏริ้วรอยดูคล้ายผักกาดดอง และแน่นอนว่า ใบหน้าของเขายังคงบวมอยู่เล็กน้อย
ฉู่หมิงฉุ่ยเดินเข้ามาและพูดกับอวี่เหวินฮ่าว "ท่านอ๋อง ขอเชิญไปสนทนาสักครู่ได้หรือไม่?"
ฉีอ๋องโวยวาย "มีอะไรก็คุยกันต่อหน้าข้าสิ ต่อให้ข้ากำลังจะตาย ก็ห้ามปิดบังข้าเด็ดขาด"
ฉู่หมิงฉุ่ยขมวดคิ้ว "ท่านตรัสอะไรของท่าน? ท่านหมอก็ได้พูดแล้วว่าบาดแผลของท่านมิได้สาหัสมาก อย่าทรงตะเบ็งเสียงสิเพคะ ให้ท่านหมอทำการรักษาท่านอย่างเต็มที่ หม่อมฉันมีเรื่องจะพูดคุยกับท่านอ๋องเพียงไม่กี่คำเท่านั้น"
ฉีอ๋องเห็นสีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจก็นึกถึงคำพูดของหยวนชิงหลิง ความรู้สึกร้อยแปดพันเก้ากรูเข้ามาในหัวใจ ไม่ปรากฏเสียงใดดังออกมา
ฉู่หมิงฉุ่ยคิดว่าเขามองว่าตัวเองเจ็บหนัก นางได้แต่ส่ายหน้า แววตาของนางส่องประกายให้ได้รับรู้ถึงความผิดหวัง นางได้เลือกแต่งงานกับคนไม่เอาไหนที่ไร้ประโยชน์
นางหันไปมองอวี่เหวินฮ่าว และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านอ๋อง เชิญเพคะ!"
อวี่เหวินฮ่าวมองนางด้วยสายตาหนักแน่น ก่อนจะหันมาพูดกับฉีอ๋อง "ข้าจะรีบไปรีบมา"
ฉีอ๋องพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว"
คนทั้งสองเดินไปที่ห้องข้างๆ ฉู่หมิงฉุ่ยสั่งให้ทุกคนออกไปและให้ปิดประตูด้วย
อวี่เหวินฮ่าวกลับพูดขึ้นว่า "ไม่ต้องปิดประตู"
ฉู่หมิงฉุ่ยเงยหน้ามามองเขา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแดกดัน "ทำไมล่ะเพคะ? ทรงกลัวว่าหม่อมฉันจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับท่านงั้นหรือ? เช่นเดียวกับที่หยวนชิงหลิงเคยทำที่จวนองค์หญิงเมื่อ 1 ปีก่อนใช่ไหมเพคะ?"
อวี่เหวินฮ่าวสะบัดชายผ้าและนั่งลง "เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่มองว่า ทั้งเจ้าและข้าต่างคนต่างแต่งงานแล้ว ควรจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ผู้คนสงสัย"
"หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ผู้คนสงสัย?" ฉู่หมิงฉุ่ยแสยะยิ้ม "นี่ท่านทำตัวเหินห่างจากหม่อมฉันตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ? นี่ท่านทรงหลงรักหยวนชิงหลิงเข้าแล้วจริงๆ เวลาผ่านไปเพียง 1 ปี ใจท่านก็ผันแปรไป ท่านทรงทำให้หม่อมฉันเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน"
อวี่เหวินฮ่าวขมวดคิ้ว "เจ้าจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าน่ะหรือ? ข้าคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกแล้ว" ในตอนนี้เอง อวี่เหวินฮ่าวกลับรู้สึกว่าเสแสร้งเสียบ้างก็ดี อย่าเปิดเผยความจริงออกมามากจนเกินไป มันไม่น่าดูเลย
"ส่วนไหนของหยวนชิงหลิงที่ดึงดูดใจท่านได้กันแน่? นี่ท่านไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นคนต่ำต้อยหรอกหรือเพคะ?" ฉู่หมิงฉุ่ยไล่เลียงไต่ถาม โดยไม่สนใจว่าข้างนอกจะมีคนหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรคนในจวนอ๋องทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของนางอยู่แล้ว
ส่วนซวีอีนั้น เขาคงไม่กล้าไปเล่าให้ผู้อื่นฟังแม้แต่คำเดียวแน่นอน
อวี่เหวินฮ่าวเห็นด้วย เขาถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เพียงแต่ต่ำต้อย นางยังป่าเถื่อน เต็มไปด้วยพิษสง เอาแต่ใจตัวเอง กิริยาไม่งาม ใจดำอำมหิต ชอบพูดจาเสียดสี"
ข้อเสียของหยวนชิงหลิง เขาสามารถนับได้เป็นร้อยๆข้อโดยไม่ซ้ำกัน
ฉู่หมิงฉุ่ยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน "คนเช่นนี้ ท่านจะชอบนางได้ลงเชียวหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างจนใจ "ทำอย่างไรได้ล่ะ? ใครใช้ให้นางมาเป็นพระชายาของข้า? แย่จริงๆ!"
ฉู่หมิงฉุ่ยจ้องมองเขา นางทั้งเจ็บปวดหัวใจและสับสน ผู้บริสุทธิ์เช่นเขากลับต้องมาแบกรับความอึดอัดถึงเพียงนี้? แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
ฉู่หมิงฉุ่ยสูดลมหายใจเข้า และแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมา "ที่ฉีอ๋องถูกลอบแทงที่นอกจวนฉู่อ๋องในวันนี้ ท่านคิดว่าผู้ใดน่าสงสัยมากที่สุด?"
อวี่เหวินฮ่าวมองหน้านางและยิ้ม "ก็เจ้าไงล่ะ!"
ฉู่หมิงฉุ่ยตะลึงงัน สีหน้าของนางเปลี่ยนไป น้ำเสียงก็ฟังดูเชือดเฉือน "ท่านว่าอะไรนะ?"
อวี่เหวินฮ่าวยังคงจ้องมองนาง เขายิ้มมากขึ้นกว่าเดิม "ดูเข้าสิ เจ้าจะตื่นตกใจเช่นนี้ไปทำไม? ข้าเพียงแต่ล้อเจ้าเล่น บรรยากาศเมื่อครู่มันตึงเครียด พวกเราไม่ได้พูดคุยกันอย่างตึงเครียดเช่นนี้มานานมากแล้วนะ"
ฉู่หมิงฉุ่ยเก็บซ่อนสีหน้าพิฆาตเอาไว้ไม่ทัน นางเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า "ใช่แล้วเพคะ เหตุใดพวกเราจึงมาอยู่ในจุดจุดนี้ไปเสียได้? ท่านคิดว่าคนที่ผิดคือหม่อมฉันใช่หรือไม่?"
"คนที่ผิดคือหยวนชิงหลิงต่างหากล่ะ!" อวี่เหวินฮ่าวมองหน้านาง "ใช่หรือเปล่า?"
ฉู่หมิงฉุ่ยกล่าวอย่างเฉยชา "นึกว่าท่านจะคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนผิดไปเสียอีก?"
"ไม่หรอก เจ้าไม่ผิด" อวี่เหวินฮ่าวยิ้มเล็กน้อย "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ เจ้าย่อมมีเหตุผลของเจ้าและมีบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้ อย่างเช่นเรื่องที่เจ้าอยากจะแต่งงานกับน้องเจ็ดจนทนรอต่อไปไม่ไหว"
ฉู่หมิงฉุ่ยแววตาดุดัน "นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? ก็ในเมื่อท่านได้แต่งงานกับหยวนชิงหลิงไปแล้ว จะให้หม่อมฉันรอคอยท่านอยู่งั้นหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า "ต่อให้ข้าไม่ได้แต่งงานกับหยวนชิงหลิง เจ้าก็ยังจะแต่งงานกับน้องเจ็ดอยู่ดี"
ทันใดนั้นเอง อวี่เหวินฮ่าวก็รู้สึกว่า จริงๆแล้ว การแตกหักก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ความรักบอบบางราวเปลือกไข่ สายลมพัดปลิวไป ไม่มีรักย่อมไม่มีทุกข์!
ริมฝีปากของฉู่หมิงฉุ่ยสั่นเทา นางมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา "ท่าน……ท่านมองหม่อมฉันเช่นนี้จริงๆหรือ? ในใจของท่าน หม่อมฉันเป็นคนเช่นใดกันแน่?"
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกว่าควรยุติการสนทนาหัวข้อนี้ได้แล้ว เขาทำสีหน้าปกติ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติว่า "เจ้ามีธุระอะไรจะพูดกับข้า?"
ฉู่หมิงฉุ่ยจ้องมองเขา น้ำตาค่อยๆรินไหล น้ำเสียงของนางสะอื้นไห้ "ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะเพคะ เดิมที ตอนนางถูกลอบทำร้ายที่ประตูจวนฉู่อ๋องของท่าน หม่อมฉันก็เป็นห่วงท่าน กลัวท่านจะมีส่วนพัวพัน แต่นึกไม่ถึงว่าท่านจะมองหม่อมฉันเช่นนี้ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บปวดเหลือเกิน ท่านไปเถอะเพคะ ไม่มีอะไรแล้ว ขอท่านอย่าเสด็จมาที่จวนฉีอ๋องอีก"
อวี่เหวินฮ่าวลุกขึ้นยืน "ไม่ได้ อย่างไรข้าก็ต้องมาที่จวนฉีอ๋องนี้อีก น้องเจ็ดอยู่ที่นี่"
พูดจบ เขาก็เอามือไพล่หลังและเดินจากไป เขารู้สึกเบาตัวไปราวๆ 300 ชั่ง
ฉู่หมิงฉุ่ยเคียดแค้นจนตัวสั่น นางเอามือปาดน้ำตา แต่น้ำตากลับไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ทำอย่างไรก็ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หัวใจของนางปวดร้าวราวถูกเข็มแทง นางไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เขาจะพูดเช่นนี้กับนางได้ นางคิดมาตลอดว่า ความสัมพันธ์นี้ เขาจะเก็บรักษามันไว้ตราบชั่วชีวิต นางเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ในใจเขา ผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามาแทนที่ ทำไมต้องเป็นหยวนชิงหลิง? ทำไมต้องเป็นผู้หญิงต่ำต้อยที่น่าขยะแขยงคนนี้ด้วย? นี่ผ่านไปแค่เพียงไม่นาน? เขาถึงกับลุ่มหลงนังผู้หญิงคนนั้นจนหัวปักหัวปำได้ถึงเพียงนี้!
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเดินออกมาจากห้องข้างๆแล้ว เขาได้พาซวีอีไปดูอาการฉีอ๋อง
"ท่านอ๋อง รับสั่งของพระชายาฉีอ๋องเมื่อครู่นี้ฟังดูแล้วช่างน่าตกใจจริงๆ" ซวีอีกระซิบกระซาบ
"หุบปากเน่าๆของเจ้าเสีย!" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างเยือกเย็น
"พ่ะย่ะค่ะ!" ซวีอีหุบปากในทันที
อวี่เหวินฮ่าวไปดูอาการฉีอ๋อง ฉีอ๋องพันแผลเสร็จแล้ว ทังหยางกำลังไต่ถามถึงเหตุการณ์ เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเดินมา ทังหยางก็ได้พูดว่า "ไต่ถามเรื่องราวได้พอสมควรแล้ว คงจะตามสืบได้ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อฉีอ๋องได้ยินก็กัดฟันพูดด้วยความเคียดแค้น "พี่ห้า ท่านจะต้องจับตัวคนร้ายมาให้ได้นะ"
อวี่เหวินฮ่าวนั่งลงแล้วมองเขา "เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไปสืบเอง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังล่ะ?"
ฉีอ๋องพูดอย่างทรมาน "เจ็บพ่ะย่ะค่ะ!"
"เจ็บแค่นี้ก็ทนไม่ได้ ยังจะสมกับเป็นชายชาตรีอยู่หรือเปล่า?" อวี่เหวินฮ่าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉีอ๋องโอดครวญ "ก็คนที่หัวใจบอบช้ำไม่ใช่ท่านนี่นา"
"ข้ากับพี่สะใภ้ห้าของเจ้าล้วนเคยถูกแทงมาก่อน" อวี่เหวินฮ่าวเอ่ยขึ้น "บาดแผลของพี่สะใภ้ห้าของเจ้าสาหัสกว่าของเจ้ามากนัก ข้ายังไม่เคยได้ยินนางโอดครวญแม้แต่คำเดียว"
ฉีอ๋องหันมามองเขา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ต้องยั้งปากไว้
"จะพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีกก็พูดมาสิ!" อวี่เหวินฮ่าวจ้องมองเขา
ฉีอ๋องเอ่ยถามเบาๆ "ถ้าหากว่าให้ท่านได้เลือกอีกครั้ง ท่านจะยังเลือกพี่สะใภ้ห้าที่ร้ายกาจอยู่หรือว่าจะเลือก……"
เขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะค่อยๆพูดออกมาว่า "ฉุ่ยเอ๋อร์!"
อวี่เหวินฮ่าวเขกศีรษะของเขาเบาๆ "พี่สะใภ้ห้าของเจ้าพูดกับข้าว่าเจ้าน่ะสมองพิการ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าหมายความว่าอย่างไร"
"หมายความว่าอย่างไร?" ฉีอ๋องถามอย่างไม่สบายใจ
"ก็สมองของเจ้าน่ะไม่เห็นมีประโยชน์เหมือนกับเส้นผมของเจ้าเลยน่ะสิ!" เมื่ออวี่เหวินฮ่าวพูดจบก็ลุกขึ้นยืน "รักษาตัวให้ดีๆ แล้วก็ลับสมองของเจ้าบ้างนะ วันหน้าข้าจะมาหาใหม่"
"หา แต่ท่านยังไม่ได้พูดเรื่องคนร้ายเลยนี่นา? ท่านคิดว่าคนร้ายคือผู้ใด?" ฉีอ๋องร้องถามเสียงดัง
อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้หันหลังกลับไปมอง เขาโบกมือปฏิเสธ "ไม่รู้สินะ"