อวี่เหวินฮ่าวกล่าวขึ้นมาว่า "มีคนเจ็บหนักหลายคน มีหมอไปตรวจดูอาการแล้ว ตอนนี้ คนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือองค์หญิงหงเติง เสด็จอาได้ไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว โชคดีที่ห้ามเลือดไว้ได้ทัน น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว"
ฉู่หมิงฉุ่ยปาดน้ำตา "ถ้าหากหงเติงเป็นอะไรไปแล้วล่ะก็ ต่อให้ข้าตายไปเป็นหมื่นๆครั้งก็คงชดเชยความสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าวว่า "คนที่ส่งโจ๊กไปในวันนี้ก็คือเจ้า มีคนดูแลจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เช้า เหตุใดเที่ยงวันแล้วจึงยังไม่ส่งไปอีก? และเหตุใดเสด็จป้าและหงเติงรวมถึงเหลียงฮูหยินถึงตามมาด้วยกันได้ล่ะ?"
ฉู่หมิงฉุ่ยสะอึกสะอื้น "เดิมทีก็จะส่งไปตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ว่าข้าคิดว่าหากเพียงแค่ส่งโจ๊กไปอย่างเดียวก็คงจะไม่ทำให้อิ่มท้อง จึงให้คนไปสั่งซาลาเปามาหลายร้อยชุด ซาลาเปาพวกนี้ใช้เวลาเตรียมนาน รอไปรอมาก็เที่ยงวันเข้าพอดี ส่วนเรื่องเสด็จป้าและเหลียงฮูหยิน เป็นเพราะพวกนางรู้ว่าข้าจะไปส่งโจ๊ก จึงอยากตามข้ามาด้วย พวกนางเป็นคนจิตใจดี อยากทำเพื่อราษฎร แต่นึกไม่ถึงว่า……"
ฉู่หมิงฉุ่ยหลบหน้า น้ำตาของนางไหลอาบแก้ม นางร้องไห้อย่างเจ็บปวด ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเวทนา
ฉีอ๋องทรมานใจเป็นอย่างยิ่ง อยากจะเอื้อมมือไปโอบกอดนาง แต่ติดที่ว่าอวี่เหวินฮ่าวและซวีอีอยู่ตรงนั้นด้วย
อวี่เหวินฮ่าวไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา เขาเพียงฟังอย่างเงียบๆเท่านั้น เมื่อปล่อยให้นางร้องไห้ไปได้สักพัก เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า "เรื่องการส่งซาลาเปา เป็นการตัดสินใจกระทันหันใช่หรือไม่?"
"ใช่เพคะ เพิ่งตัดสินใจเมื่อเช้านี้" หลังจากที่ฉู่หมิงฉุ่ยร้องไห้ไปได้สักพัก นางก็รวบรวมสติเพื่อตอบคำถาม
อวี่เหวินฮ่าวยังคงข้องใจ "ในเมื่อเจ้าตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะส่งโจ๊ก เหตุใดจึงไม่คำนึงถึงเรื่องซาลาเปาตั้งแต่แรกเล่า? ต่อให้เป็นการตัดสินใจฉับพลัน ไปซื้อจากหลายๆร้านหน่อย ซาลาเปาไม่กี่ร้อยลูกก็คงไม่ต้องรอจนถึงเที่ยงวัน แล้วอีกอย่าง ข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ มีซาลาเปาแค่เพียง 10 เข่งเท่านั้น ทั้งหมด 150 ลูก ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วยามก็ทำเสร็จแล้ว"
ฉู่หมิงฉุ่ยอึ้งไปเล็กน้อย แววตาที่มีน้ำตาเอ่อล้นแสดงให้เห็นถึงความตกใจ นางมองมาที่อวี่เหวินฮ่าว ในใจของนางเต็มไปด้วยความเสียใจและความขุ่นเคือง การมาของเขา คือจะมาเพื่อเก็บข้อมูล? หรือเพียงแต่รับพระบัญชาให้มาถามไถ่เล็กน้อย? หากเป็นอย่างที่สอง ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องถามละเอียดถึงเพียงนี้ หากเป็นอย่างแรก……เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
นางเอามือกุมขมับในขณะที่ยังสะอึกสะอื้น "ข้ารู้สึกเวียนศีรษะ เรื่องพวกนี้ ข้าสั่งให้บ่าวไพร่เป็นคนไปจัดการ พี่ฮ่าว เชิญท่านไปไต่ถามพวกเขาดูเถอะ วันนี้ข้า……รู้สึกทรมานใจเหลือเกิน ในใจข้าก็ฟุ้งซ่านยิ่งนัก"
ฉีอ๋องรีบกล่าวในทันที "พี่ห้า ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องซาลาเปาเป็นความคิดฉุกละหุก ไม่ได้มีการเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก ก็แค่ซาลาเปา 150 ลูกไม่ได้ถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดี ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ ฉุ่ยเอ๋อร์นางปรารถนาดีนะ"
อวี่เหวินฮ่าวสังเกตท่าทีของฉีอ๋องก็รู้ว่าถึงถามไปก็คงไม่ได้ความ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ได้ ลักษณะเรื่องราว ข้าพอจะเข้าใจแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าไปล่ะ"
ฉู่หมิงฉุ่ยก้มหน้าก้มตา ใบหน้าซีดเซียว พลางกล่าวเบาๆว่า "ฉู่อ๋องเดินระวังด้วย"
คำว่าฉู่อ๋องคำนี้ แฝงไปด้วยความห่างเหินและเย็นชา หาได้เป็นพี่ฮ่าวที่ใกล้ชิดสนิทสนมดังเช่นเมื่อก่อน
อวี่เหวินฮ่าวดูเหมือนว่าจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา เขาลุกขึ้นยืน
ฉีอ๋องเดินตามออกมาด้วย
"พี่ห้า สิ่งที่พูดไปเมื่อครู่นี้เรามาพูดกันให้แจ่มแจ้งจะดีกว่า"
อวี่เหวินฮ่าวมองดูสีหน้าชวนหาเรื่องของผู้ที่อยู่ตรงหน้า "ได้ ในเมื่อเจ้าต้องการจะพูด ก็จงพูดมาให้ชัดเจน เจ้าจะพูดอะไร?"
ฉีอ๋องกล่าวอย่างหงุดหงิด "ตอนแรกท่านบอกให้ข้าวางเฉย แต่ว่า การที่นางไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้กลับไม่อาจจะวางเฉยได้ จะต้องมอบบทเรียนเล็กๆน้อยๆให้กับนาง ต่อให้นางมีคทาหลวงข้าก็ไม่กลัว เสด็จปู่ทรงเป็นผู้มีเหตุมีผล หากเรื่องนี้ทราบไปถึงเสด็จปู่แล้วล่ะก็ เสด็จปู่คงจะไม่ช่วยเหลือนางเป็นแน่"
"จะต้องมอบบทเรียนเล็กๆน้อยๆ? ได้ เช่นนั้นเจ้าจงพูดมาว่าจะสั่งสอนนางอย่างไร? โบยนาง 1 ยกงั้นหรือ?" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
ฉีอ๋องครุ่นคิดสักพัก การโบยสตรีไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก "เพียงแค่ว่ากล่าวตักเตือนก็ได้แล้วกระมัง? เมื่อก่อนท่านบอกว่านางไม่ยอมสำนึกผิด ข้ามาคิดๆดูแล้ว เห็นว่านางควรจะออกมาสำนึกผิดเสียมากกว่า"
อวี่เหวินฮ่าวพยักหน้า "ใช่ เจ้าพูดถูก แต่ข้าว่านางคงจะไม่ออกมากล่าวคำขอโทษต่อพระชายาฉีอ๋องหรอกนะ เอาอย่างนี้ดีไหม คืนนี้เจ้าหาเวลาว่างไปที่จวนฉู่อ๋อง นางอาจจะยอมกล่าวคำขอโทษต่อเจ้าก็เป็นได้"
"กล่าวคำขอโทษต่อข้าน่ะหรือ? ขอโทษข้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร? จะต้องมาขอโทษฉุ่ยเอ๋อร์จึงจะถูก" ฉีอ๋องกล่าว
"นั่นคงเป็นไปไม่ได้ เอาอย่างนี้นะ เจ้าไปพบนางก่อน แล้วค่อยมาพูดกับพระชายาฉีอ๋อง?" อวี่เหวินฮ่าวกล่าว
ฉีอ๋องก็คิดเช่นนั้น หากนางยืนกรานที่จะไม่กล่าวคำขอโทษต่อฉุ่ยเอ๋อร์ คงไม่อาจไปบังคับนางได้ แต่เรื่องนี้จะต้องพูดให้กระจ่างแจ้ง จะให้นางมาใส่ร้ายฉุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ วันนี้พูดว่าฉุ่ยเอ๋อร์ผลักนาง วันพรุ่งนี้ก็คงจะพูดว่าฉุ่ยเอ๋อร์ฆ่านาง
"ตกลง ข้าจะไปปลอบโยนฉุ่ยเอ๋อร์สักครู่ แล้วเดี๋ยวจะตามไป" ฉีอ๋องกล่าว
อวี่เหวินฮ่าวและซวีอีก็ได้เดินออกไป
เมื่อขึ้นไปบนหลังม้าแล้ว ซวีอีก็รีบควบม้าตามเสด็จ "ท่านอ๋อง จะให้ฉีอ๋องเสด็จไปจริงๆงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? พระชายาจะทรงยอมขอโทษต่อฉีอ๋องหรือไม่?"
"ไม่มีวัน!"
ซวีอีตะลึง "ถ้าเช่นนั้น……"
อวี่เหวินฮ่าวฟาดแส้และควบม้าออกนำ "ก็ต้องมาลองสัมผัสฤทธิ์คทาหลวงกันสักหน่อยว่าใช้ได้ดีหรือไม่!"
ซวีอีเห็นว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปที่กรมจึงรีบตามเข้าไปถามในทันที "ท่านอ๋อง ยังไม่เสด็จกลับจวนหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
อวี่เหวินฮ่าวกล่าว "จะกลับจวนไปทำอะไร? กลับไปรอดูภรรยาผู้เกรี้ยวกราดแผลงฤทธิ์อย่างงั้นหรือ? ไม่ ข้าอยากเห็นเพียงด้านที่ดีของนาง" เมื่อผู้หญิงโมโหขึ้นมา ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
ซวีอีรู้สึกสงสัย "พระชายาจะกล้าลงไม้ลงมือกับฉีอ๋องด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
ฉีอ๋องเป็นถึงโอรสของฮองเฮา แม้แต่พระสนมเซียนเองพระชายายังไม่กล้าหือ แล้วจะไปกล้าหือกับฮองเฮาได้อย่างไร?
อวี่เหวินฮ่าวกลับมั่นใจว่านางต้องกล้า
หยวนชิงหลิงโกรธแค้นเจ้าเจ็ด ความรู้สึกนี้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในใจมาเนิ่นนาน นางมิอาจจะแพร่งพรายออกมาได้เลย ตอนอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกวังในวันนี้ เขาได้ยินหยวนชิงหลิงต่อว่าเจ้าเจ็ด หากไม่มัวยุ่งอยู่กับการรักษาคนไข้จำนวนมาก หยวนชิงหลิงก็คงจะลงมือแล้ว หากว่าคืนนี้ เจ้าเจ็ดได้ไปพูดคุยกับนาง ก็คงจะไปสร้างความคับแค้นภายในใจให้มากขึ้น! หยวนชิงหลิงควบคุมความโกรธเอาไว้ได้ นางจะคิดเสียว่าเขานั้นเป็นคนขี้แพ้
หยวนชิงหลิงมิใช่คนก้าวร้าว แต่นางเป็นคนชอบธรรม หากนางผิด นางจะขอโทษ ขอโทษด้วยความจริงใจ แต่ว่า หากว่านางไม่ผิดแล้วอีกฝ่ายสร้างความกดดันให้กับนาง นางก็ไม่ขออ่อนข้อ ต่อให้ตัวต้องตายก็จะขอกัดเขาให้ได้สักแผลหนึ่ง กัดให้เขาเลือดไหล ในวันนี้นางอารมณ์เดือดพล่าน แต่เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บมากมาย และเรื่องนี้ยังคงหลีกเลี่ยงได้ นางจึงได้พักยก ซึ่งก็ทำให้นางไม่พอใจ หากเจ้าเจ็ดเป็นผู้เปิดศึก จะต้องไม่มีจุดจบที่ดีเป็นแน่ เมื่ออวี่เหวินฮ่าวคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็รีบควบม้ามุ่งตรงไปที่กรมในทันที ไปทำงานจะดีกว่า!
วันนี้หยวนชิงหลิงโกรธเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นมีผู้บาดเจ็บมากมาย นางมัวแต่คอยดูแลจนลืมนึกถึงปัญหานี้ เมื่อกลับมาที่จวนแล้ว ยังถูกซีมามาและลู่หยาจับตาดูนางนอนหลับ นางคิดถึงเรื่องที่ฉู่หมิงฉุ่ยได้ทำลงไป ช่างน่าโมโหจริงๆ ความปลอดภัยของเหล่าราษฎรไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาล้อเล่น นางเข้าใจความคิดของฉู่หมิงฉุ่ยในวันนี้แล้ว
มันเป็นการจัดฉากเพื่อเรียกร้องความสนใจประชาราษฎร์ สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง แต่เกรงว่าผู้ชมจะไม่รู้ จึงเชิญพระชายารุ่ยชินอ๋องและเหลียงฮูหยินแห่งจวนเซียวเหยากงมาด้วย นี่จึงเป็นเหตุให้การส่งโจ๊กเป็นไปอย่างล่าช้า เพื่อเป็นการตบตา นางจึงใช้เรื่องซาลาเปาเป็นข้ออ้าง ในเมืองหลวงมีร้านขายซาลาเปามากมาย ซาลาเปาเพียงแค่นั้น แค่ไปซื้อมาก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปสั่งจอง
ฉู่หมิงฉุ่ยผู้นี้ ชักจะมากเกินไปแล้ว
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉีอ๋องยังคงเก็บมาครุ่นคิดไม่ยอมปล่อยวาง เขาเป็นถึงท่านอ๋องแต่ขาดแขนขา เขาเพียงยืนปกป้องพระชายาของเขาซึ่งไม่มีอันตรายจนไม่ได้ไปช่วยเหลือคน คนคนนี้ น่าโมโหยิ่งกว่าฉู่หมิงฉุ่ยเสียอีก
อย่างน้อยฉู่หมิงฉุ่ยก็มีเป้าหมาย แต่เขากลับทำเรื่องโง่เขลาโดยไม่ได้คิดอะไรเลย
MANGA DISCUSSION