ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 150 ทำลายจวนฉีอ๋อง
อวี่เหวินฮ่าวจึงกล่าวขึ้นมาว่า "อุบัติเหตุเช่นนี้ยากที่จะจัดการได้พะยะค่ะ หากแต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะความมีเมตตา ก็จักต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม อุบัติเหตุในครั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากการจัดการที่ไม่ดี ผู้คนมาเข้าแถวรอแต่เช้า โจ๊กก็ต้มไว้แล้วเสร็จ เหล่าราษฏรหิวจนตาลายขนาดนั้น รอแล้วรอเล่า เมื่อทุกคนรอนาน. การเกิดเหตุชุลมุนก็เกิดได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังไม่มีคนคอยควบคุมการดูแลยามที่แจกจ่ายอาหารอีก "
ฉู่โสวฝู่จึงกล่าวออกมา "ท่านอ๋องก็รู้จักนิสัยนางดี นางเป็นคนจิตใจมีเมตตา หากแต่น่าเสียดายที่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้"
"พะยะค่ะ" อวี่เหวินฮ่าวพลางกล่าวตอบด้วยท่าทีมิคิดอันใดมาก
ฉู่โสวฝู่พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีขมวดคิ้ว " ช่างทำเรื่องงามหน้าเสียจริง เหตุใดถึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ เป็นเจตนาดีที่ทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นมา แม้ว่าท่านอ๋องจะได้รับแต่งตั้งให้ดูแลในเรื่องนี้ เรื่องใดที่ทำผิดก็ขอให้ว่าไปตามผิด หากแต่ท่านอ๋องก็รู้ดีว่านางเป็นคนเช่นไร"
อวี่เหวินฮ่าวพยักหน้าเล็กน้อย "พะยะค่ะ"
ฉู่โสวฝู่เมื่อเห็นประโยคพูดคุยเป็นเช่นนี้แล้ว จึงมิได้เอ่ยอันใดให้มากความ เพราะเขารู้ดี หากพูดมากไปก็มิได้เกิดประโยชน์อันใดนัก พร้อมกล่าวว่า "ท่านอ๋องพะยะค่ะ กระหม่อมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก ขอตัวก่อนนะพะยะค่ะ"
"เชิญฉู่โสวฝู่!" อวี่เหวินฮ่าวพูดขึ้น
ฉู่โสวฝู่จึงก้าวเดินออกไปเพียงสองก้าว จู่ๆก็หยุดฝีเท้าลงพร้อมหันหน้ากลับมาหาอวี่เหวินฮ่าว แล้วจึงใช้สายตาที่ล้ำลึกของตนกล่าวว่า "ท่านอ๋อง มิตรภาพในวัยเด็ก เป็นสิ่งของที่มีค่าและหายากเป็นอย่างยิ่ง กระหม่อมรู้ว่าท่านอ๋องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความยุติธรรมมาโดยตลอด หนี้ในครานี้ อย่างไรก็ต้องได้รับการชดใช้ หวังว่าเราจะไม่มีเรื่องให้บาดหมางกันในอนาคตนะพะยะค่ะ"
คำพูดของฉู่โสวฝุ่ที่พูดออกมานั้น ทำให้อวี่อวี่เหวินอ่าวรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาพูดถึงจิตใจของฉุ่หมิงฉุ่ยที่คิดดี ต่อมาก็ยังพูดถึงมิตรภาพในวัยเด็ก หลังจากนั้นถึงเอ่ยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา ก็เพื่อขอร้องแทนฉู่หมิงฉุ่ย
เรื่องของฉู่หมิงฉุ่ยในครานี้ มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลฉู่เลยแม้แต่น้อย อยากมากสุดก็ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าเจ็ด แม้จะดูเหมือนว่าฉู่โสวฝู่มาขอร้องเพื่อฉู่หมิงฉุ่ย แต่แท้จริงแล้วเขามาขอร้องเพื่อเจ้าเจ็ดต่างหาก เขาต้องการที่จะสนับสนุนเจ้าเจ็ดขึ้นนั่งเป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ ?
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ เขาก็แค่ต้องการช่วยหลานสายนอกของเขาเท่านั้น หากแต่ ฉู่โสวฝู่ท่านมิได้แสดงจุดยืนของตนเองไวเกินไปหรือไม่ ? เช่นนี้มิเหมือนวิธีการของฉู่โสวฝู่ที่นิ่งสงบเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังกล่าวขอตัวลาต่อหน้าเสด็จพ่ออีก แลยังพูดถึงความผิดหวังเข้ามาบังหน้า หรือต้องการขู่เรื่องบุณคุณกัน ?
อวี่เหวินฮ่าวเพียงมองไปที่ฉู่โสวฝู่ พร้อมกล่าวตอบกลับไปว่า "โสวฝู่วางใจเถอะ ข้าจะหาทางออกอย่างยุติธรรมให้กับเรื่องนี้เอง" พูดจบ อวี่เหวินฮ่าวเพียงโค้งคำนับจากไป
เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว. มิจำเป็นต้องตรวจสอบนานนัก คนในกรมการพระนครล้วนแต่ไปสอบถามกับทหารยามมาหมดแล้ว อีกทั้งยังสอบถามราษฏรบางคนอีกด้วย แน่นอนว่าทั้งพระชายารุ่ยชินอ๋องและเหลียงฮูหยินก็อยู่ในที่เกิดเหตุ การที่พวกเขาจะตรวจสอบความเป็นมานั้น มิได้ยากเกินความสามารถเลยสักนิด
สุดท้าย เขายังต้องไปสอบถามจากปากของฉู่หมิงฉุ่ยโดยตนเองอีกรอบ แต่เดิมอวี่เหวินฮ่าวมิต้องการไปด้วยตนเองนัก หากแต่ ตัวตนของฉู่หมิงฉุ่ยก็คือพระชายาฉีอ๋อง อีกทั้งเจ้าเจ็ดยังเป็นบุคคลที่เถิดทูลภรรยาของตนเองอย่างบ้าคลั่งอีก หากเปลี่ยนคนไปนั้น เกรงว่า จะถามมิได้ถึงสองประโยคก็จะถูกเจ้าเจ็ดไล่ออกมาได้ เช่นนั้น เพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง เขาจึงให้ซวีอีพาไปยังจวนฉีอ๋องในทันที
เมื่อมาถึงที่จวนฉีอ๋องแล้วนั้น ฉีอ๋องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกั
งวลเป็นอย่างมาก
"ตั้งแต่ที่นางกลับมาก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง พร้อมทั้งยังกล่าวโทษตัวเองอีกว่าเป็นคนทำร้ายเหล่าราษฏรและขอทาน นางเพียงมีใจคิดอยากจะให้พวกเขากินอิ่มนอนหลับเสียแค่นั้น ทว่า ผลลัพธ์ที่ออกมากับกลายเป็นทำร้ายพวกเขาได้ ข้าเกลี่ยกล่อมนางอย่างไร นางก็ไม่ฟัง นางรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก พี่ห้าพี่มาก็ดีแล้ว หากท่านพูดละก็นางต้องฟังท่านแน่ ท่านช่วยเกลี่ยกล่อมนางให้ข้าหน่อยเถิด"
ซวีอีที่เดินตามทั้งสองเข้าไป เมื่อได้ยินคำพูดของฉีอ๋องแล้ว เขาอยากจะสำลักออกมาเป็นเลือดเสียจริง แม้ว่าสมองของซวีอีจะพิกลพิการไปบ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่าความรับผิดชอบในครานี้ชั่งหนักหนายิ่งนัก ท่านอ๋องต้องการมาสอบสวน ฉีอ๋องกับต้องการให้ท่านอ๋องปลอบใจพระชายาฉีอ๋อง ฉีอ๋องนี่ท่านโง่หรือว่าท่านไร้เดียงสากันแน่ ?
อวี่เหวินฮ่าวได้ยินเช่นนั้น "ข้าเพียงแค่มาสอบถามนางเพียงไม่กี่คำ สำหรับความรู้สึกผิดของนาง ความเศร้าใจของนางนั้น ข้าไม่สามารถไปปลอบนางได้หรอก สุดท้าย เรื่องทุกอย่างก็เกิดขึ้นมาแล้ว มีแต่เพียงต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป"
"พี่ห้า เหตุใดคำพูดของท่านช่างไร้ใจยิ่งนักเล่า ?" ฉีอ๋องรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา "เกิดเหตุการณ์ขึ้นเช่นนี้ นางก็ไม่คาดคิดเช่นกัน นางย่อมต้องเศร้าเสียใจมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อีกทั้งตัวนางเองก็ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย"
"เช่นนั้น ในยามนี้พวกเราต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไรเล่า" อวี่เหวินฮ่าวพูดกำชับออกมา
"แก้ปัญหา? ดูเหมือนว่าท่านจะมาสอบสวนใช่หรือไม่ ? ช่างเถอะ ท่านมิต้องเข้าไปแล้ว ท่านอย่าได้ทำให้นางเสียใจไปมากกว่านี้เลย" ฉีอ๋องพลันหยุดชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวออกมาด้วยความเฉยเมย
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกหมดหนทางในทันใด "เจ้าเจ็ด ข้ามาที่นี่เพราะคำสั่ง" มิเช่นนั้นเขาก็มิอยากมาหรอก เข้าใจหรือไม่ ?
ฉีอ๋องสีหน้าตึงขึ้นมาทันที "ท่านมิต้องเอาคำสั่งของเสด็จพ่อมากดข้า ถ้าหากท่านกลัวว่าเสด็จพ่อจะด่าท่าน ข้าจักไปทูลกับเสด็จพ่อเอง"
อวี่เหวินฮ่าวรุ้สึกว่าตนเองคิดถูกแล้ว. ที่มาตามเรื่องด้วยตนเองเช่นนี้ ถ้าหากเป็นผู้อื่นมาละก็ เกรงว่าแม้แต่ประตูจวนฉีอ๋องก็คงมิให้เข้ากระมัง
"เจ้าเจ็ด เพียงแค่สอบถามสถานการณ์โดยรวมเท่านั้น รายละเอียดของเรื่องข้าก็พอจะรู้แล้ว หากแต่ต้องการถามนางเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่ง. เจ้าอย่าได้ตกอกตกใจไป " อวี่เหวินอ่าวกล่าวออกมา
ฉีอ๋องจึงกล่าวว่า "ในเมื่อท่านพอจะทราบสถานการณ์ไปบ้างแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะถามนางหรือไม่ถามนางย่อมมิใช่เรื่องสำคัญอันใด เหตุใดต้องมาถามนางให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจด้วยเล่า ? พี่ห้า แม้ว่านางจะเรียกท่านว่าพี่ฮ่าว หากมองในจุดนี้แล้ว ท่านก็ไม่ควรจะมาทำให้นางลำบากใจมิใช่หรือ"
อวี่เหวินฮ่าวมองไปยังสีหน้าที่เคร่งขรึมและเย็นชาของน้องชายตนเองแล้ว เขาเกือบที่จะไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ที่กำลังจะระเบิดออกมาได้
เกิดมาจากพ่อคนเดียวกันแท้ๆ เหตุใดเจ้าเจ็ดกลับเหมือนมีเพียงกาน้ำอยู่ในหัวเท่านั้นเล่า?
สีหน้าของอวี่เหวินฮ่าวพลันมืดลง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โมโหว่า "มิต้องพูดให้มากความ ? พาข้าไปเสีย หากวันนี้ข้ามิได้เจอหน้าพระชายาเจ้าแล้ว เปิ่นหวางจักทำลายวังฉีอ๋องให้ราบคาบเลย!"
ฉีอ๋องพลันย่นคอลงราวกับเต่าในกระดอง พร้อมกับสีหน้าที่มู่ทู่ว่า "เหตุใดพี่ห้าถึงโหดร้ายเช่นนี้?"
อวี่เหวินฮ่าวใกล้จะหมดความอดทนเต็มที พร้อมขู่ว่า "จะไปหรือไม่ ?"
"ท่านช่วยใจเย็นๆลงก่อนเถอะ อย่าได้ทำให้ฉุ่ยเอ๋อร์ตกใจกลัวเชียว !" ฉีอ๋องเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วจึงค่อยๆนำทางอวี่เหวินฮ่าวไป
อวี่เหวินฮ่าวพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธที่กำลังพุ่งสูงมากขึ้น
ฉีอ๋องพลันกล่าวว่า "ตอนที่ข้าอยุ่ที่ประตูนอกเมือง พี่สะใภ้ห้ากล่าวว่า นางมิได้ผลักฉู่เอ๋อร์ตกทะเลสาบ อีกทั้งยังใส่ร้ายว่าเป็นฉุ่ยเอ๋อรที่ผลักนาง และกล่าวว่าฉุ่ยเอ๋อร์ต้องการทำร้ายนาง พี่ห้า พี่กลับไปต้องจัดการกับนางเสีย ข้าเห็นว่าเป็นคนของพี่ข้าถึงได้ไม่เอาความกับนาง"
อวี่เหวินอ่าวเดินก้าวไปด้านหน้า พร้อมเรียกข้ารับใช้มาคนหนึ่ง แล้วสั่งการว่า "ไปเรียกพระชายาฉีอ๋องมาพบที่ห้องโถง บอกว่าเปิ่นหวางต้องการพบนางเพื่อสอบถามบางอย่าง"
ข้ารับใช้ผู้นั้นพลันตกตะลึง เมื่อหันหน้ามาหาฉีอ๋อง ฉีอ๋องจึงกล่าวเพียงว่า "ไปเสีย !"
ข้ารับใช้ที่ได้รับคำสั่งจึงวิ่งออกไปในทันที
อวี่เหวินฮ่าวมิได้สนใจฉีอ๋องอีกต่อไป จึงพาซวีอีออกไปรั้งรอที่ห้องโถง
ฉีอ๋องจึงก้าวเดินตามออกไป ยังไม่วายบ่นอีกว่า "พี่ห้า เรื่องนี้ท่านต้องจัดการให้ดีเล่า ข้าจะปกป้องฉุ่ยเอ๋อร์เองหาท่านไม่ทำ มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ท่านจะต้องไปปกป้องพี่สะใภ้ห้า?"
ซวีอีที่เห็นใบหน้าของอวี่เหวินฮ่าวดำทะมึนเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า "ท่านอ๋อง ท่านพูดให้น้อยลงสักสองสามประโยคเถิดพะยะค่ะ ท่านรอจนกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วได้หรือไม่พะยะค่ะ?"
ฉีอ๋องเหลือบมองไปที่ซวีอีครู่หนึ่ง นึกขอบคุณซวีอีที่เอ่ยเตือนสติเขาในเรื่องนี้ แล้วจึงหันไปมองอวี่เหวินฮ่าวด้วยความเคารพ แม้ว่าเขาจะไม่พอใจมากนัก ทว่า เขาก็มิกล้าเอ่ยอันใดออกมาอีก
เพียงนั่งรออยู่ที่ห้องโถงครู่หนึ่ง ก็พลันเห็นสาวใช้กำลังพยุงฉู่หมิงฉุ่ยเดินออกมา แผลที่คางของนางถูกพันเป็นอย่างดี ชุดกระโปรงที่หลวม หากแต่กับเห็นเอวคอดอันเล็กของนางได้ชัดเจนร่างกายที่บอบบาง จึงจำเป็นต้องมีสาวใช้คอยพยุงนางเข้ามา พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวและดวงตาที่ปูดบวม
เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวนั้น ฉู่หมิงฉุ่ยมิได้เอ่ยอันใดออกมา หากแต่รอบดวงตาที่เกิดรอยแดงนั้น กล่าวพึมพำออกมาว่า "พี่ฮ่าวมาแล้วหรือ ?"
อวี่เหวินฮ่าวเหลือบมองดูฉู่หมิงฉุ่ยครู่หนึ่ง พร้อมเอ่ยถามว่า "บาดแผลดีขึ้นแล้วหรือ ?"
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "มิได้เป็นอันใดมากเพคะ"
"ยังพูดว่ามิได้เป็นอันใดมากอีกหรือ เจ้าตกใจเสียแทบยืนไม่ไหวแล้ว " ฉีอ๋องก้าวออกไปเพื่อช่วยพยุงนางนั่งลงบนเก้าอี้ "เจ้าสบายใจได้ พี่ห้ามาในครั้งนี้ เป็นเสด็จพ่อให้มาสอบถามเรื่องราวไม่กี่คำท่านั้น เจ้าเพียงแค่ตอบไปตามความจริงก็พอ"
ฉู่หมิงฉุ่ยพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมนั่งลงเอ่ยถามคำถามขึ้นมา "เหล่าราษฏรที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเช่นไรบ้างหรือเพคะ ? มีอาการบาดเจ็บสาหัสบ้างหรือไม่เพคะ ?"