ถ้าหากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆแล้ว เสด็จพ่อคงไม่สามารถลงโทษนางอย่างร้ายแรงได้หรอกกระมัง
หยวนชิงหลิงมิได้สนใจพวกเขามากนัก นางยังคงตั้งใจทำแผลให้กับขอทานตัวน้อยต่อไป ถึงแม้ว่าขอทานตัวน้อยจะนั่งอยู่บนพื้น ทว่า สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หากแต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เมื่อหยิบซาลาเปาขึ้นมาสองลูกพร้อมกัดลงไปหนึ่งคำลงไปในท้อง เขามิเคยกินอิ่นขนาดนี้มาก่อนเลย
"เจ็บหรือไม่ ?" หยวนชิงหลิงเอ่ยถามเขายามที่หยิบไม้แหลมออกมาจากบาดแผล ข้างตัวมีบาดแผลที่โดนโจ๊กร้อนๆลวก กลายเป็นรอยแดงขนาดใหญ่ นางถกขากางเกงที่สกปรกขึ้นไปจนถึงต้นขา ต้นขาของขอทานตัวน้อยก็โดนลวกเช่นกัน
แผลจากการโดนน้ำร้อนลวกนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ขอทานตัวน้อยกลับส่ายหน้าไปมา เขามองหยวนชิงหลิงด้วยความรู้สึกสงสัย หากแต่ก็รู้สึกเกรงกลัวด้วยเช่นกัน
เมื่อหยวนชิงหลิงจัดการกับบาดแผลเสร็จแล้ว ก็เริ่มทาครีมลงไปที่แผลโดนลวกไหม้ให้ขอทานตัวน้อยอีกด้วย
เมื่อฉีอ๋องเห็นฉากนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากขึ้น
ฉู่หมิงฉุ่ยพยายามดึงฉีอ๋องเดินออกมา หากแต่ฉีอ๋องยังไม่ได้ที่จะถามคำถามขึ้นมาว่า "พี่สะใภ้ห้า ท่านไม่กลัวเลยหรือ ?"
หยวนชิงหลิงพลันลุกขึ้นยืนในทันใด พร้อมกับยืนขึ้นต่อหน้าฉีอ๋อง แล้วจึงถามออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ "ฉีอ๋อง พี่ห้าของท่านเล่า?"
หยวนชิงหลิงทำให้ฉีอ๋องตกใจขึ้นมาโดยฉับพลัน เขาเหลือบตามองไปโดยรอบในทันที จึงเห็นว่าพี่ห้ากำลังจัดการกับคนเจ็บอยู่ เลยกล่าวขึ้นมาว่า "พี่ห้ากำลังช่วยคนอยู่"
"ถ้าเช่นนั้นท่านจะยืนอยู่ที่นี่ไปไย?" หยวนชิงหลิงพูดออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ "ข้ายุ่งจนจะตายอยู่แล้ว ท่านไม่เห็นงั้นหรือ ? รอบด้านมีคนบาดเจ็บมากมายถึงเพียงนี้ ท่านไม่คิดจะเข้าไปพันแผลให้พวกเขาหน่อยหรืออย่างไร? หรือในใจท่านไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์อยู่บ้างเลย หรือท่านจะเอาแต่เพียงปกป้องแต่สะใภ้ของตระกูลท่านอยู่ผู้เดียว เช่นนั้นท่านก็อุ้มสะใภ้ตระกูลท่านออกไปจากที่นี่เสีย. อย่าได้มาขวางทางผู้คนที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่"
ฉีอ๋องราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ยามกลางวันแสกๆเช่นนี้ หยวนชิงหลิงรัวคำด่าใส่เขาราวกับปืนกล ฉีอ๋องจึงได้สติกลับมา จึงรู้ตัวว่า ตนเองโดนพี่สะใภ้ห้าของตนตำหนิท่ามกลางผู้คนไปแล้ว จึงรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งอับอาย เจ็บปวดไปทั้งใจ เขาเป็นถึงบุตรขององค์จักพรรดิ อีกทั้งยังเป็นบุตรของชายาเอกอีก เขาเคยได้รับความอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ฉีอ๋องจึงพูดออกมาด้วยท่าทีโกรธเคือง " หยวนชิงหลิง เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ออกมาเชียวหรือ? เรื่องที่เจ้าผลักฉุ่ยเอ๋อร์ตกน้ำคราที่แล้ว ข้ายังไม่เห็นพี่ห้าเอาเรื่องกับเจ้าเลย ตอนนี้เจ้าจะเย่อหยิ่งมากไปแล้วหรือไม่ ?"
หยวนชิงหลิงจึงหันไปมองฉู่หมิงฉุ่ย " ข้าผลักเจ้าตกไปในะเลสาบหรือ ? เจ้าพูดกับเขาเช่นนี้หรือ ? เช่นนั้นเจ้าสาบานต่อฟ้าดินเป็นอย่างไร กล่าวสาบานว่าเจ้ามิได้เป็นคนผลักข้าตกลงไปในทะเลสาบ มิได้กดหัวข้าลงไปในน้ำให้ขาดใจตาย ? เจ้าสาบานเสีย สาบานด้วยชื่อเสียงของตระกูลของเจ้าทั้งหมด รวมไปถึงลูกในท้องของเจ้าด้วย ตราบใดที่เจ้ากล้าสาบาน ข้าจะยกโทษทั้งหมดให้ ว่าทุกอย่างถือเป็นความผิดของข้าเอง"
ฉู่หมิงฉุ่ยมองมายังหยวนชิงหลิงด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด "พระชายาฉู่อ๋อง เรื่องราวคราก่อนข้าจะไม่ติดใจเอาความท่าน"
พูดจบ จึงหันกลับมาพูดกับฉีอ๋องว่า "พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะเพคะ"
ฉีอ๋องช่างไร้เดียวสายิ่งนัก กล่าวว่า "สาบาน เจ้าสาบานเสีย นางยังกล่าวเช่นนี้ออกมาได้"
สายตาของฉู่หมิงฉุ่ยพลันค่อยๆหมดความอดทนลงแล้ว "หม่อมฉันปวดท้องเพคะ หม่อมฉันมิอยากจะสนใจผู้คนเหล่านี้อีกแล้ว"
ฉีอ๋องเมื่อได้ยินว่าฉู่หมิงฉุ่ยปวดท้องนั้น จึงรู้สึกประหม่าออกมาไม่ได้ "ได้ พวกข้าไม่สนใจเรื่องของเจ้าแล้ว พวกเราไปกันเถอะ"
ผู้คนรอบข้างมองมาในทันที เมื่อเห็นเมื่อครู่หยวนชิงหลิงตะโกนออกมาด้วยความกรุ่นโกรธนั้น
ขอทานตัวน้อยที่เพิ่งรู้ว่านางคือพระชายาฉู่อ๋อง จึงตกใจเสียร่างกายสั่นเทาขึ้นมา แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะเป็นคนทำแผลให้เขานั้น เขาก็ได้แต่หดตัวลงด้วยความหวาดกลัว
หยวนชิงหลิงจึงมองมาที่เขาด้วยสายตาจ้องเขม็ง"อย่าขยับ!"
ขอท่านตัวน้อยจึงนั่งนิ่งตัวตรง ราวกับขอนไม้ก็ไม่ปาน แม้แต่ลมหายใจก็ยังไม่กล้าปล่อยออกมาแรงๆ อีกทั้งเขาก็ยังไม่กล้ามองมาที่หยวนชิงหลิงอีกด้วย สายตาของเขาไม่สามารถปกปิดอารมณ์ที่สื่อออกมาได้เลย เขาตื่นตระหนกไปหมดแล้ว
"ดี พรุ่งนี้เจ้ามาหาข้าที่จวนฉู่อ๋อง ข้าจะให้ยาเจ้า " เมื่อเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงจึงจับขากางเกงของขอทานตัวน้อยลง แม้ว่ามันจะช่วยปกปิดแผลไม่ได้มากนัก หากแต่ กางเกงตัวนี้สกปรกเป็นอย่างมาก
น้ำเสียงของขอทานตัวน้อยพลันสั่นเครือ "พะยะค่ะ ขอบ ขอบพระทัยพระชายา"
หยวนชิงหลิงรู้ดีว่าอย่างไรเขาจะไม่มาหานางแน่ จึงได้ให้ยาเขาไปไม่กี่เม็ด แล้วจึงกำชับว่า "ยานี้ วันหนึ่งกินเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นเวลาห้าวัน อีกสองเม็ดคือยาลดไข้ หากเจ้ารู้สึกมีไข้ให้นำออกมากินเข้าใจหรือไม่ ?"
ขอทานตัวน้อยจึงค่อยๆยื่นมือออกมา มือที่ทั้งดำและผอมนั้นราวกับกิ่งไม้ที่ตายแล้วกิ่งหนึ่ง หยวนชิงหลิงจึงได้ยื่นยาออกไปให้เขา แล้วจึงหันกายกลับไปช่วยทำแผลให้คนเจ็บคนอื่นๆทันที
หลังจากที่คนเจ็บค่อยๆมากขึ้นเรื่อยแล้ว คนจากตระกูลเซียวเหยาโหวก็มาในทันที รุ่ยชินอ๋องมารับพระชายาและองค์หญิงหงเติงด้วยตนเอง พระชายารุ่ยชินอ๋องนั้นมิได้เข้ามาทักทายหยวนชิงหลิงเป็นการส่วนตัว หากแต่นางพยักหน้าให้เล็กน้อย เพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตองค์หญิงหงเติง
สถานการณ์ที่วุ่นวายก็ค่อยๆควบคุมได้แล้ว อวี่เหวินฮ่าวจึงออกคำสั่ง ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด
ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น รวมไปถึงหยวนชิงหลิงด้วยเช่นกัน
"ข้า" หยวนชิงหลิงกำลังเอ่ยโต้แย้งขึ้นมา
อวี่เหวินพลันจับนางอุ้มขึ้นพาดบ่า แล้วเดินพานางไปที่รถม้าในทันที พร้อมกล่าวกับหยวนชิงผิงและลู่หยาว่า "พานางกลับจวน พร้อมจับตาดูให้นางกินข้าวกินน้ำด้วย"
"ไม่ ข้ายังช่วย" หยวนชิงหลิงพลางเปิดหน้าต่างออกมา กล่องยายังมียาอยู่ หากเป็นแบบนี้
"หุบปาก!" อวี่เหวินฮ่าวพลางปิดผ้าม่านลง
"ใช่ พี่เขยแข็งแรงมาก!" หยวนชิงผิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พี่ใหญ่บ้าไปแล้วหรือ ง านพวกนั้น เป็นหน้าที่ของบุรุษแท้ๆ ท่านยังกล้าวิ่งเข้าไปในนั้นด้วยตนเองอีก
หากแต่ พี่ใหญ่ช่างกล้าหาญยิ่งนัก หยวนชิงผิงพลันรู้สึกชื่นชมพี่ใหญ่ของนางขึ้นมาในทันใด
"พี่สาวหยวน พวกท่านก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ ? ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่ ?"
หยวนชิงผิงที่กำลังเดินขึ้นไปรถม้านั้น พลันได้ยินเสียงของบุรุษเรียกขึ้นมา จึงหันกลับไปมอง พลางเห็นเป็นบุรุษสวมใส่อาภรณ์สีฟ้า พร้อมกับเหรียญหยกที่อยู่ข้างเอว กำลังมองมาที่นางด้วยรอยยิ้มสว่างเจิดจ้า
เหตุใดคนผู้นี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน" ท่านคือ ?" หยวนชิงผิงนึกไม่ออกจริงๆ จึงอดที่จะถามเขาขึ้นมาเสียไม่ได้
ร่างกายของกู้ซือพลันสั่นเทาขึ้นมา ราวกับว่าตนเองได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างตกลงมาแตก เขาคิดแต่เพียงว่า พวกเขาพบหน้ากันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากแต่เป็นเพียงแวบเดียวที่เขาไม่สามารถลืมได้ลงเลย กู้ซือได้แต่นึกถึงแต่ดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของนาง ในช่วงที่เขากับนางกำลังสบสายตามองกันไปมาด้วยความลึกซึ้งนั่น เข้าเฝ้ารอวันที่จะได้มาพบนางอีกครั้งมาโดยตลอด จึงคิดไปว่า นางก็รอที่จะพบเจอเขาเช่นกัน เขามั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก ! เขาเก็บนางเอาฝันเสียทุกคืนเลย อีกทั้งสตรีมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้เท่าบุรุษมากนัก
ทว่า เมื่อครู่นางถามเขาว่าอย่างไรกัน? ถามว่าเขาเป็นใครงั้นหรือ ? กู้ซือจึงหันหลังเดินกลับไป โดยไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่า เป็นตนเองที่คิดไปเองเพียงผู้เดียว
หยวนชิงผิงคือสิ่งใดกัน ? เขาหมกมุ่นผีสางอันใดกัน ถึงได้คิดถึงนางขึ้นมา โชคดีที่เขายังมิได้ไปบอกมารดาของเขาเรื่องนี้
กู้ซือทำหน้าไม่พอใจนัก เพื่อตอกย้ำความไร้เดียงสาของตนเอง
หยวนชิงผิงที่เห็นสีหน้าไม่พอใจของเขานั้น คนผู้นี้เป็นอันใดไป ? ถามเขาว่าเขาเป็นผู้ใดก็ไม่ตอบนาง อีกทั้งยังเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่พอใจอีก อะไรกัน ? นางถามมิได้หรือ ?
หยวนชิงหลิงจึงถามว่า "กู้ซือเป็นอันใดไป? ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธ"
หยวนชิงผิงรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก "กู้ซือ ? เขาคือกู้ซือหรือ ?หัวหน้าองครักษ์คนก่อนงั้นหรือ ?"
"น้องรอง พวกเจ้าก็เคยเจอกันแล้วหนิ คราที่เจ้ามาที่จวนอ๋องเมื่อนั้นไง เขาก็มาเช่นกัน"
หยวนชิงผิงงจึงนึกขึ้นมาได้ในทันที ที่แท้เคยเจอกันมาก่อนนี่เอง หากแต่ตอนนั้น นาง
กำลังวุ่นวายอยู่จะไปจำเขาได้อย่างไรกัน ? คนผู้นี้ไม่ขี้น้อยใจไปหน่อยหรือ เพียงแค่นางจำเขาไม่ได้ ? เขาก็โกรธนางแล้วหรือ? ดูเหมือนว่าบุรุษส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนกันหมดเลยสินะ คิดว่าตนเองต้องเหนือกว่าใครทั้งหมด
เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋องแล้ว หยวนชิงหลิงจึงได้กินข้าวนอนในทันที ภายใต้สายตาที่สอดส่องตลอดเวลาของมามาและลู่หยา
จวนอ๋องนั้นมีไว้เพื่อเลี้ยงหมูโดยเฉพาะ นางก็เป็นหนึ่งในหมูที่อวี่เหวินฮ่าวเลี้ยงไว้เช่นกัน
เรื่องราวที่อยู่นอกเมืองนั้น หลังจากที่อวี่เหวินฮ่าวสามารถคุมสถานการณ์โดยรอบได้แล้ว จึงเข้าวังไปรายงานสถานการณ์ให้จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ฟัง ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ฉู่โสวฝู่ก็อยู่ในห้องอักษรเช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องราวที่ฉู่หมิงฉุ่ยไปจัดโรงทานโจ๊กแล้วเกิดปัญหาขึ้นมานั้น สีหน้าของฉู่โสวฝู่พลันมืดครึ้มลงในทันใด
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จึงมีรับสั่งว่า "ช่วยดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเสียก่อน แล้วค่อยหาต้นตอของปัญหานี้ ที่เหลือเจ้าจะจัดการเช่นไรก็เรื่องของเจ้าแล้ว"
อวี่เหวินฉ่าวเพียงกล่าวว่า "พะยะค่ะ"
อวี่เหวินขอตัวจากองค์จักรพรรดิได้ไม่นาน ฉู่โสวฝู่ก็ตามออกมา
"ท่านอ๋อง!" ฉู่โสวฝู่เดินไปพร้อมกับอวี่เหวินฮ่าว
"ฉู่โสวฝู่มีเรื่องอันใดงั้นหรือ ?" อวี่เหวินฮ่าวกล่าวถาม
ฉู่โสวฝู่จึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา กระหม่อมรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากพะยะค่ะ ที่พระชายาฉีอ๋องทำสิ่งใดไม่รอบคอบเช่นนี้"
MANGA DISCUSSION