ผู้ที่ถูกช่วยออกมาคนแรกคือฉู่หมิงฉู่ย
ในขณะที่มีเสียงดังอยู่นั้น ฉู่หมิงฉุ่ยก็มิอยากที่จะอยู่ในนี้อีกต่อไป ยามที่โรงทานโจ๊กถล่มลงมานั้น นางก็ได้เดินออกมาด้านข้างแล้ว หากนางรีบก้าวออกมาเพียงสองก้าวเท่านั้น นางก็จะมิเป็นอันตรายอันใดแล้ว
อาการบาดเจ็บของฉู่หมิงฉุ่ยมิได้อันตรายเท่าใดนัก หากแต่ใต้คางของนางนั้นมีบาดแผล จึงทำให้ผู้คนที่เห็นตกใจเป็นอย่างมาก
หยวนชิงหลิงจึงก้าวเข้าไปหาฉู่หมิงฉุ่ยเพื่อทำการหยุดเลือดให้นางทันที. พร้อมทั้งทำการฆ่าเชื้อให้บาดแผลรวมไปถึงพันแผลให้นางเสร็จสรรพ การกระทำทั้งหมดนั้น หยวนชิงหลิงใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีเท่านั้น สติของฉู่หมิงฉุ่ยยังมิทันกลับมา หยวนชิงหลิงก็เดินออกไปจัดการกับอาการบาดเจ็บของคนไข้คนที่สองเสียแล้ว
คนที่ถูกช่วยออกมาช่วงแรกนั้น ล้วนแต่เป็นคนที่มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหล่าทหารจึงไปเชิญหมอมาตรวจดูอาการอีกทีหนึ่ง พร้อมทั้งแจ้งเรื่องไปยังกรมการพระนครและหน่วยลาดตระแวนในเมืองทันที
หยวนชิงหลิงเพิ่งจะจัดการกับบาดแผลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกคนเสร็จ พลันเห็นทหารยามหน้าประตูเมืองวิ่งเข้ามา พร้อมกับทหารอีกนายหนึ่งกำลังอุ้มสตรีนางหนึ่งออกมา ทั่วงร่างของสตรีนางนั้นเต็มไปด้วยเลือด ทั้งหัวและมือเต็มไปด้วยความอ่อนแรง ราวกับกำลังค่อยๆหมดลมหายใจ
หยวนชิงผิงเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงร้องออกมาด้วยตกใจ "นี่ นี่คือองค์หญิงหงเติงหนิ นางตายแล้วหรือ ?"
หยวนชิงหลิงจึงรีบถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกมา พร้อมปูลงไปยังพื้นดิน แล้วจึงกล่าวกับทหารยามว่า " รีบวางนางลงมาเสีย"
ทั่วร่าง ทั้งมือและขาของทหารยามพลันอ่อนแรงลง นี่คือองค์หญิงหงเติงหรือ เป็นหลานรักของเซียวเหยากงนะสิ! เมื่อตอนที่เห็นนางนั้น นางเพียงลืมตาโพลงขึ้นมา พร้อมสีหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ
เขามิรู้ว่าหยวนชิงหลิงคือใคร เพียงเห็นนางวิ่งเข้าไปช่วยผู้คน ทั่วทั้งอาภรณ์รวมไปถึงหัวและตัวของนางล้วนแต่เปอะเปื้นไปด้วยรอยเลือด เมื่อนางออกคำสั่งออกมาให้วางองค์หญิงหงเติงลงเช่นนี้ เขาจึงรีบพานางมานอนลงในทันที
องค์หญิงหงเติงหอบหายใจอย่างรวดเร็ว สีหน้าซีดขาว พร้อมทั้งชีพจรก็ยังเต็นเร็วอีก เกรงว่าจะเป็นภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มปอด อีกทั้ง นางยังมีรอยแผลบาดเจ็บภายนอกอีกหลายแห่งทั้งแขนและขา หากแต่มิได้เป็นบาดแผลที่ร้ายแรงมากนัก
หยวนชิงหลิงจึงขอให้ลู่หยาถอดอาภรณ์ตัวนอกของนางออก แล้วนำมาคลุมรอบด้านของตนเอง พร้อมทั้งเปิดกล่องยาออกมา แล้วจึงทำการถ่ายเลือด พร้อมกับฉีดยาห้ามเลือดเข้าไปในตัวองค์หญิงหงเติง แล้วจึงแก้อาภรณ์ขององค์หญิงหงเติงออกมาเล็กน้อย พร้อมกับใช้เข็มเจาะเลือด เจาะออกมาเพื่อให้เลือดที่กำลังไหลออกมานั้นหยุดตัวลง
นี่มิใช่เรื่องที่สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที หากแต่ ด้านนอกยังมีผู้คนที่บาดเจ็บอีกมากนัก พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาระลอกหนึ่ง
เหลียงฮูหยินที่วิ่งเข้ามาด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้น นางมีอาการบาดเจ็บที่มือ พร้อมกับเลือดที่กำลังไหลออกมา
"เติงเอ๋อร์ เติงเอ๋อร์!" เหลียงฮูหยินเมื่อเห็นหลานสุดที่รักของตนเองเจ็บหนักดังนั้น จึงร่ำให้ออกมา พร้อมทั้งนั่งยองๆลง จับไปที่ใบหน้าของหลานสาวตนเอง
หยวนชิงหลิงคอยๆปรับละดับของการถ่ายเลือดให้เร็วขึ้น แล้วจึงกล่าวกับเหลียงฉูหยินว่า "เพียงแค่ต้องทำให้เลือดหยุดไหลเท่านั้น ก็จะไม่มีอาการร้ายแรงอันใดแล้ว ฮูหยินคอยดูนางอยู่ตรงนี้เถิด"
เหลียงฮุหยินมองหยวนชิงหลิงที่ถือกล่องยาเดินออกไปด้วยความงุนงง พร้อมกับเห็นเงาด้านหลังเดินออกไปไวๆ
เมื่อกรมการพระนครได้รับเรื่องแล้ว อวี่เหวินฮ่าวจึงนำกำลังคนล่วงหน้ามาก่อนในทันที
โรงทานโจ๊กที่ถล่มลงมานั้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและล้มตายถึงสิบกว่านาย เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่นัก จึงทำให้เขาต้องลงมาดูด้วยตนเอง แล้วจึงให้คนไปเรียกหมอในสำนักหมอมาเข้าร่วมการกู้ภัยในครั้งนี้ด้วย
อวี่เหวินฮ่าวย่อมไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ในที่เกิดเหตุยามนี้ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความโกลาหล หลังจากที่อวี่เหวินอ่าวมาถึงแล้วนั้น จึงได้นำกำลังพลมุ่งหน้าเข้าไปช่วยเหลือในทันที ในขณะที่หยวนชิงหลิงยังคงทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัสอยู่
อวี่เหวินฮ่าวเข้าไปช่วยคนเจ็บอย่างต่อเนื่อง แล้วจึงเร่งเก็บกวาดสถานที่โรงทานโจ๊กถล่ม ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการช่วยเหลือไปมากแล้ว
สุดท้าย อวี่เหวินฮ่าวที่กำลังอุ้มคนผู้หนึ่งเดินออกมานั้น สวมใส่อาภรณ์สีเขียวขี้ม้า เสื้ออาภรณ์ล้วนแต่ยับยู่ยี่ไปหมด ผมเผ้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงปกคลุมไปทั่วใบหน้าไปหมด
แต่เดิมอวี่เหวินฮ่าวเพียงแค่ต้องการอุ้มออกมาแล้วจะวางลง
หากแต่ ฉู่ฮูหยินพลันร้องอุทานออกมา " ท่านอ๋อง ท่านอุ้มสตรีออกมาเช่นนี้ อาจทำให้ชื่อเสียงของนางแปดเปื้อนไปได้นะเพคะ ท่านรีบวางนางลงเสีย"
ฉู่ฮูหยินนั้นมิได้รับบาดเจ็บที่ใด นางถือได้ว่าเป็นบุคคลที่โชคดีคนหนึ่ง ผู้คนที่โดนโรงทานโจ๊กทับทั้งหมด ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ ยังมีอีกบางคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงนางผู้เดียวที่มีสภาพปกติดี ไม่ได้รับบาดเจ็บที่ใด หากว่าฉู่ฮูหยินพูดคุยธรรมดาเท่านั้น ผู้คนโดยรอบก็คงมิได้ยินมาก เนื่องจากทุกคนล้วนแต่กำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ หากแต่ นางพลันตะโกนร้องออกมาด้วยความตกอกตกใจ เสียงร้องนั้นจึงดึงดูดความสนใจของทุกคนโดยรอบในทันที
หยวนชิงหลิงก็หันไปมองด้วยเช่นกัน
สมองของอวี่เหวินฮ่าวราวกับโดนกระแทกไปฉับพลัน เรื่องราวของหนึ่งปีก่อนนั้น มิรู้าเหตุใดเขาถึงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนองค์หญิงได้กัน
สองมือค่อยๆคลายออกมา ฉู่หมิงหยางค่อยๆตกลงจากมือของอวี่เหวินฮ่าวในทันที
ฉู่หมิงหยางราวกับตนเองจะตายไปเสียแล้ว นางมิได้เคลื่อนไหวอันใด หากแต่เส้นผมแหวกให้เห็นใบหน้านวลทันที ทว่าใบหน้าที่ขาวซีดของอวี่เหวินฮ่าวนั้นกับมองไปทางหยวนชิงหลิง ทั่วร่างของนางนั้นเปอะเปื้อนไปด้วยเลือดมากมาย
อวี่เหวินฮ่าวพลันรีบเดินก้าวเท้าเข้าไปหาหยวนชิงหลิงในทันที เขามิได้สนใจเลยว่า ในมือของหยวนชิงหลิงกำลังถืออะไรอยู่ อวี่เหวินฮ่าวพลางเข้าไปสวมกอดนางเท่านั้น กล่าถามว่า "บาดเจ็บที่ใด? เจ็บมากหรือไม่ ?"
แก้วหูของหยวนชิงหลิงราวกับกำลังจะกระเด็นออกมา
"ข้ากำลังรักษาบาดแผลให้คนเจ็บอยู่นะ ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้ !" หยวนชิงหลิงพลันกล่าวออกมาเสียงดัง
อวี่เหวินฮ่าวจึงเห็นได้ทันที เลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วร่างของนางนั้นเป็นเลือดของผู้อื่น ภายในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายลง พร้อมกล่าวกำชับว่า "โอ้ เช่นนั้นเจ้ารีบจัดการต่อเถอะ ข้าจะไปจัดการเรื่องอื่นแล้ว ระวังตัวด้วยรู้หรือไม่ ?"
ฉู่ฮูหยินจึงเดินเข้ามาขัดขวางอวี่เหวินฮ่าว "ท่านอ๋อง ท่านช่วยเชิญท่านหมอมาดูอาการให้บุตรีหม่อมฉันด้วยเพคะ นางเป็นลมไปแล้ว"
หมอจากสำนักหมอมาถึงพอดี อวี่เหวินฮ่าวจึงกวักมือเรียกท่านหมอผู้หนึ่งให้เข้ามา "ไปดูอาการให้บุตรคนรองของตระกูลฉู่เสีย"
พูดจบ อวี่เหวินฮ่าวจึงหันกายจากไป
ฉู่หมิงหยางจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา ฉู่หมิงฉุ่ยมิรู้ว่าตนเองเข้าไปนั่งข้างกายน้องสาวเมื่อไหร่ ฉู่หมิงหยางมองมาที่นางด้วยสายตาที่อ่านยาก
"พี่ใหญ่ ข้าจะเอาชนะใจอวี่เหวินฮ่าวให้ได้ !" ฉู่หมิงหยางลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับริมฝีปากที่กระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์ พลางยื่นมืออกไปเช็ดเลือดที่กำลังไหลออกมา ราวกับว่ามันเป็นบาดแผลเล็กน้อย
"เขาไม่มองเจ้าหรอก" ฉู่หมิงฉุ่ยเห็นว่าน้องสาวของตนมิได้บาดเจ็บอันใดมากนัก จึงกล่าวออกไปด้วยท่าทีที่เฉยเมย
"จะมองข้าหรือไม่มองข้าแล้วอย่างไรกัน ?" ฉู่หมิงหยางพลางยกมือขึ้นจัดทรงผมของนางให้เข้าที่ พร้อมมองไปยังสตรีที่กำลังนั่งยองๆทำแผลให้คนเจ็บอยู่เช่นหยวนชิงหลิง พร้อมกับหลี่ตาลงและหัวเราะออกมา
ฉู่หมิงฉุ่ยรู้สึกว่าน้องสาวของตนเองช่างเลวร้ายเกินไปแล้ว นางมิได้สนใจน้องสาวของตนมากนัก เหตุการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายในวันนี่ เป็นความผิดของนาง นางเพียงแค่ต้องการทำบุญเท่านั้น หากมิได้โดนลงโทษอันใดก็ถือว่าดีแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของผู้คนนั้น จึงทำให้นางอดไม่ได้ที่จะไปซ่อนตัว เหตุใดช่วงนี้ทำอะไรไปล้วนแต่มีปัญหา? เหตุใดทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจหวัง ทำอันใดก็ไม่เป็นที่พอใจเลย
ฉีอ๋องที่รีบวิ่งเข้ามานั้น เมื่อเห็นว่าฉู่หมิงฉุ่ยได้รับบาดเจ็บ ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก พร้อมถามคำถามไปมา เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงกำลังรักษาบาดแผลให้กับคนเจ็บอย่างง่ายๆอยู่นั้น จึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาหยวนชิงหลิง " เจ้าไปพันผ้าพันแผลให้ฉุ่ยเอ๋อร์ใหม่ก่อนได้หรือไม่"
หยวนชิงหลิงทำเป็นมองมิเห็น ฟังไม่ได้ยิน และยังคงทำแผลให้ขอทานต่อไป ขอทานผู้นี้ได้รับบาดเจ็บที่ขาเล็กน้อยเท่านั้น หยวนชิงหลิงเคยเห็นขอทานตัวน้อยคนนี้มาก่อนแล้ว เพื่อจะได้กินซาลาเปาเพียงลูกเดียว แม้จะต้องโดนตีเพื่อให้ได้กินซาลาเปา เขาก็ยังคงดีใจอยู่ เขาเหลือเพียงแค่เท้าข้างนี้ข้างเดียวแล้ว หากว่าเท้าข้างนี้ยังเป็นอันใดไปอีกละก็ เขาก็คงจะไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกต่อไป
"พี่สะใภ้ห้า ท่านมาที่นี่ก่อนเสีย ข้ายังมีเรื่องที่ต้องพูดกับท่าน" ฉีอ๋องตะโกนออกมาราวกับเสียงแมลงวันตัวน้อย เขาเป็นห่วงฉู่หมิงฉุ่ยมาก เนื่องจากว่าหมอหลวงกล่าวว่า บางที่ฉู่หมิงฉุ่ยอาจจะกำลังตั้งครรภ์
เมื่อหยวนชิงหลิงทำความสะอาดบาดแผลให้กับขอทานตัวน้อยเสร็จ ก็ยังเห็นฉีอ๋องเข้ามารบกวนการทำงานไม่ห่างนั้น จึงชักสีหน้าลง พร้อมกล่าวว่า "หากว่าเป็นห่วงนาง ท่านก็รีบพานางเข้าวังไปหาหมอหลวงเสีย"
"ท่านไปดูอาการให้นางก่อนมิได้หรือ ข้ากังวลว่านางจะบาดเจ็บที่ท้องเอาได้ " ฉีอ๋องกล่าวออกมา พร้อมกับหันหน้าไปมองฉู่หมิงฉุ่ยด้วยสีหน้ากังวลยิ่งนัก
สีหน้าของฉู่หมิงฉุ่ยราวกับสูญเสียวิญญาณไปแล้ว มิรู้ว่าฉู่หมิงฉุ่ยกำลังเจ็บปวดที่ใดอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงจึงหันกลับไปมองฉู่หมิงฉุ่ยนั้น พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า "ข้ามิใช่สูตินารีแพทย์ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้มากนัก อย่าได้มารบกวนการทำงานของข้าอีก"
ราวกับสติของฉู่หมิงฉุ่ยกลับเข้ามาแล้ว นางจึงมองไปที่ฉีอ๋องด้วยสายตานิ่งลึก "หม่อมฉันมิเป็นอันใดเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้พูดเรื่องอันใดไร้สาระเชียว"
หากแต่ นางพลันมีความคิดบางอย่างเข้ามาในทันที หากคราวนี้เสด็จพ่อต้องการหาคนมารับผิดชอบละก็ ถ้าหากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาเล่า? ระดูของเดือนนี้มาช้าไปสองสามวันแล้ว สองวันก่อนนางเข้าวังไปเยี่ยมเยือนเสด็จป้านั้น ก็ได้เรียกให้หมอหลวงมาจับชีพจรเช่นกัน
หมอหลวงกล่าวว่าเส้นชีพจรเหมือนจะลื่นขึ้น หากแต่ก็มิได้คล้ายชีพจรมงคลเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะเวลาแรกเริ่ม อาการจึงมิได้ออกมาแน่ชัดมากนัก ผ่านไปอีกไม่กี่วันค่อยเข้าไปตรวจใหม่อีกที
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันหอบหายใจถี่ขึ้นมาในทันใด
MANGA DISCUSSION