ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 140 ข้าต้องการจะสอบสวน
วันรุ่งขึ้น อวี่เหวินฮ่าวกลับไปที่กรม หยวนชิงหลิงเข้าวังเพื่อรายงานอาการของหวายอ๋อง
และแน่นอนว่าจักรพรรดิแห่งหมิงหยวนตี้มิได้พบนางไว้เวลาเช้าเช่นนั้น นางจึงไปเยี่ยมที่วังของไท่ซั่งหวง
ตัวฝูออกมาต้อนรับนาง ตอนนี้บนตัวนางมีกลิ่นของสุนัข ตัวฝูจึงชอบนางมากกว่าเดิม
ไท่ซั่งหวงกำลังนั่งจิบชาอย่างเพลิดเพลินอยู่ในลานตำหนัก แถมยังนั่งไขว่ห้างอีกด้วย
หยวนชิงหลิงก้าวเข้าไปถวายพระพร ชายชรานั้นหรี่ตามอง "โอ้ พระชายาฉู่มิใช่หรือ? ผู้สูงศักดิ์ของเรา!"
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยความประชดประชันและไม่พอใจ นางจึงรับโทษอย่างซื่อตรง " หลายวันที่ผ่านมานี้กระหม่อมเอาแต่รักษาอาการป่วยของหวายอ๋อง จึงละเลยที่จะเข้ามาถวายพระพรต่อพระองค์เพคะ หวังว่าพระองค์จะทรงยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ"
ท่านเองมิได้โกรธนางจริงจังและถามว่า "ชายหกเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ทูลเสด็จปู่เพคะ ตอนนี้อาการคงที่แล้วเพคะและจะไม่แพร่เชื้อสู่ผู้คนต่อไปแล้วเพคะ" หยวนชิงหลิงกล่าว
"จริงหรือ?" ชายชราประหลาดใจและมองไปที่นางพร้อมกล่าวว่า "เจ้าช่างเยี่ยมยอดเสียจริง แม้แต่หมอหลวงก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่เจ้ากลับใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็รักษาให้หายดีแล้ว"
"ยังมิได้หายดีเพคะ เพียงแค่อาการคงที่ชั่วคราวเพคะ ท่านอ๋องยังต้องกินยาอีกประมาณครึ่งปีเพคะ"
"แม้จะต้องรักษาอีกครึ่งปี แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้วล่ะ" ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน
หยวนชิงหลิงตอบ"ใช่แล้วเพคะ ชีวิตเรามีค่า!"
นางก้าวไปข้างหน้า "ช่วงนี้ไท่ซั่งหวงสุขภาพดีหรือไม่เพคะ?"
"วันนี้รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย เจ้ามานวดให้ข้าที" ไท่ซั่งหวงกล่าวด้วยความน่าสงสาร
แน่นอนว่าหยวนชิงหลิงจะต้องตรวจดูอาการของท่านก่อน ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ จับชีพจร ดูสีลิ้น เช็กดวงตา ดูสีหน้า การตรวจแบบ "มองฟังถามจับชีพจร" ของหมอแผนโบราณนางใช้จนครบ จากนั้นนางจึงเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วใช้นิ้วกดหน้าผากและขมับเอาไว้ จากนั้นก็นวดเบาๆ
ไท่ซั่งหวงหลับตาลงแล้วเพลิดเพลินกับมัน
ฉางกงกงนำขนมมาแล้วพบว่าหยวนชิงหลิงกำลังนวดให้ไท่ซั่งหวงจึงถามว่า "พระชายาขอรับ ไท่ซั่งหวงเป็นกระไรไปหรือขอรับ?"
"ท่านบอกว่าปวดหัว" หยวนชิงหลิงกล่าว
"ปวดหัว?" ฉางกงกงวางขนมลงแล้วถามอย่างกังวลใจว่า "ไท่ซั่งหวงทรงปวดรุนแรงมากหรือไม่ขอรับ? แต่ทว่าเมื่อสักครู่มิได้ยินท่านกล่าวว่าปวดหัวนะขอรับ?"
ไท่ซั่งหวงจ้องมองไปที่เขา "เจิ้นต้องบอกเจ้าแม้กระทั่งเวลาที่เจิ้นตดหรือ?"
ติดตามเขามาตั้งหลายปี แต่กลับไม่มีไหวพริบเอาซะเลย
ฉางกงกงกล่าวอย่างรู้สึกผิด "เช่นนั้นมิจำเป็นขอรับ"
หยวนชิงหลิงอมยิ้ม แต่ก็ยังนวดต่อไป เวลาคนเราแก่ตัวลงก็เหมือนเป็นเด็กอีกครั้งนั่นแหละ ต้องการความสนใจและความรักจากคนรอบข้าง หลังจากนวดไปครู่หนึ่ง ไท่ซั่งหวงก็สั่งให้นางนั่งลงแล้วพระราชทานขนมให้นางหนึ่งชิ้น
"อาการบาดเจ็บหายดีหรือยัง?" ไท่ซั่งหวงมองไปที่นางแล้วถาม
"ดีขึ้นแล้วเพคะ!" หยวนชิงหลิงกินขนมแล้วตอบ
"เจ้าโง่เช่นนี้ เจ้าจะตายหรือไม่?" ไท่ซั่งหวงเป็นคนพูดแรงอยู่แล้ว
หยวนชิงหลิงแบะปาก "ไม่ตายง่ายๆเพคะ" นางทราบอยู่แล้วว่าหากมาที่นี่ต้องโดนว่าอย่างแน่นอน
ไท่ซั่งหวงเบิกตากว้าง "ครั้งที่แล้วที่เข้าวังมา ข้าเพิ่งว่าเจ้าไปว่าเวลาคิดกระไรให้คิดให้ถึงที่สุด มองให้ไกล สมองเจ้ามีปัญหาหรือไง? อาการป่วยของชายหกสำคัญที่สุดหรือ?"
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ คำว่าสมองมีปัญหาดูเป็นศัพท์ข้ามภพเล็กน้อย
"หม่อมฉันทราบเพคะ เพียงแต่ว่าประมาทไปเล็กน้อยเพคะ" หยวนชิงหลิงสมควรโดนดุว่าแล้ว อันที่จริงวันนั้นที่หวายอ๋องถูกวางยา นางก็ควรระวังได้แล้ว แต่นางกลับเอาแต่คิดว่าเป้าหมายของคนวางยาคือหวายอ๋อง จนลืมนึกถึงตัวเอง
"ประมาทอาจทำให้หัวหลุดจากบ่าได้" ไท่ซั่งหวงโบกมือ ช่างมันเถิดข้าเกียจคร้านที่จะว่านางแล้ว คนบางคนทั้งชีวิตนี้ก็คงฝึกให้มีไหวพริบดีมิได้หรอก นางเป็นคนเช่นนั้น และคนเช่นนี้ก็มีจุดจบเดียวก็คือ ตายเพราะความโง่เขลา
หลังจากนางพูดคุยกับไท่ซั่งหวงเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นว่าขันทีของห้องทรงพระอักษรเดินมา "พระชายาขอรับ ฝ่าบาทเชิญท่านเข้าพบขอรับ"
หยวนชิงหลิงตอบรับและยืนขึ้นเตรียมน้อมลา
ไท่ซั่งหวงกล่าวขึ้นมาว่า "เดี๋ยวก่อน!"
หยวนชิงหลิงมองไปที่ไท่ซั่งหวง แต่ถามทั้งที่ทราบคำตอบอยู่แล้วว่า "ไท่ซั่งหวงมีคำสั่งกระไรอีกหรือเพคะ?"
ไท่ซั่งหวงกล่าวต่อฉางกงกงว่า "มอบก้อนหินเหล่านั้นให้นาง"
ฉางกงกงตอบกลับ "ขอรับ กระหม่อมว่าแล้วว่าท่านต้องเก็บไว้ให้พระชายาอย่างแน่นอน"
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ท่านเกรงใจกระไรกันเพคะ? หม่อมฉันมาที่นี่มิได้เตรียมของกระไรมาเลยเพคะ"
"เจ้ารู้ตัวก็ย่อมดี คราวหน้าหากมาโดนไม่มีของมาเยี่ยม เจ้าระวังหูตัวเองไว้เถิด!" ไท่ซั่งหวงจ้องมองนาง สิ่งที่เสียไปไม่เท่ากันกับที่ได้รับมานี่มันช่างน่าโกรธเสียจริง
"ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอนเพคะ!" หยวนชิงหลิงรับฟังคำสอนและมองจ้องเข้าไปข้างใน
ฉางกงกงเดินออกมาพร้อมกับกล่องไม้จันทน์ในมือ และเดินเข้าไปหาหยวนชิงหลิงแล้วเปิดกล่องนั้นออกมา หยวนชิงหลิงตกใจมากจนคางแทบหลุด ในกล่องนั้นมีหยกน้ำเนื้อแข็งสามชิ้น กลมและโปร่งใสอย่างมาก หยกนั้นถูกทำเป็นรูปทรงลูกปัด แต่ละลูกนั้นมีขนาดประมาณเทียบเท่าลูกปิงปอง
หยวนชิงหลิงเมื่อชาติที่แล้วไม่สนใจและไม่ชื่นชอบพวกเครื่องประดับเหล่านี้ แต่นางมีใจให้หยกเพียงชิ้นเดียว หากว่าอยู่ในยุคที่นางอาศัยนั้น หยกเนื้อน้ำแข็งที่ไร้ตำหนิเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อยสิบล้านเป็นอย่างน้อย
"เช็ดน้ำลายเจ้าเสีย เอาของพวกนี้ไปซะ" ไท่ซั่งหวงกล่าวเบาๆ
เชย ก็แค่ก้อนหินไม่กี่ก้อนเท่านั้นเอง จำเป็นต้องตกตะลึงเช่นนี้เลยหรือ?
"ของชิ้นนี้เลอค่ามากเกินไปเพคะ" หยวนชิงหลิงทราบว่าเขาจะมอบของพระราชทานให้ตน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นของที่เลอค่าเช่นนี้ นางไม่กล้ารับไว้จริงๆ
"รับไว้เถิด ต่อไปเอาให้ลูกเจ้าคนละหนึ่งลูก!" ไท่ซั่งหวงมองดูท้องน้อยของนาง "ถือเสียว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้พวกเขาล่วงหน้าแล้วกัน"
หยวนชิงรู้สึกเขินอาย " สามคนเยอะไปเพคะ หม่อมฉันไม่สามารถมีลูกเยอะขนาดนั้นได้"
"ผู้หญิงแบบไหนกันแม้แต่ลูกสายคนก็ไม่สามารถมีได้? สุนัขท้องทีก็มีตั้งเจ็ดแปดตัว เจ้าสู้สุนัขมิได้หรือ?" ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้ว
หยวนชิงหลิงเหลือบมองตัวฝูแล้วคิดว่า สู้ไม่ได้จริงๆ
ฉางกงกงยิ้มและพูดว่า " พระชายาขอรับ ท่านก็รับไปเถิด หยกนี้หายากมากนะขอรับ ปกติแล้วยากที่จะพบหยกที่งามเช่นนี้ นี่เป็นหยกที่ท่านเซียวเหยานำมาถวายให้ไท่ซั่งหวงเมื่อสองสามวันที่แล้วขอรับ พระองค์ทรงโปรดมากขอรับ แต่ท่านก็มิได้เก็บเอาไว้"
หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก นางกำลังคิดจะปฏิเสธสักหน่อย แต่ไท่ซั่งหวงพูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า "เจ้าจะรับไว้หรือไม่? ไม่รับก็ไสหัวไปซะ!"
หยวนชิงหลิงคว้ากล่องนั้นมาแล้วโค้งคำนับ "เพคะ กระหม่อมน้อมลาเพคะ" " ความเอ็นดูของคนแก่นั้นอย่าได้ปฏิเสธเสียดีกว่า
หยวนชิงหลิงออกจากตำหนักเชียนคุนไป แล้วไปพบจักรพรรดิหมิงหยวนตี้พร้อมกล่องนั่น
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เหลือบมองที่กล่องของนาง และพูดขึ้นมาอย่างเหม่อลอยว่า "นี่เป็นหยกที่ท่านเซียวเหยานำมามอบให้ไท่ซั่งหวงมิใช่หรือ? ท่านมอบให้เจ้าทั้งหมดเลยหรือ?"
"ใช่เพคะ!" หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขาจากนั้นก็ยื่นกล่องนั้นไป "เสด็จพ่อชอบใช่หรือไม่เพคะ? เช่นนั้นหม่อมฉันมอบหยกนี้ให้ท่านแทนก็ได้เพคะ"
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้โบกมือปฏิเสธ " ของที่ไท่ซั่งหวงมอบให้เจ้า เจ้าก็เก็บไว้เสีย เจิ้นมิได้ชื่นชอบหินเหล่านี้ เพียงแต่ดูเหมือนว่าไท่ซั่งหวงจะให้ความสำคัญกับเจ้ามากๆเชียวนะ"
ไท่ซั่งหวงชอบหยกมากที่สุด ของล้ำค่าพวกนี้ ท่านเห็นแค่เพียงครู่เดียวจากนั้นก็เร่งสั่งให้ฉางกงกงนำของไปซ่อนให้ดี แต่ตอนนี้ท่านกลับมอบให้กับหยวนชิงหลิงทั้งหมดเลยหรือ? ดูเหมือนว่าไท่ซั่งหวงจะมิได้แค่โปรดปรานนางแล้วล่ะ! ไท่ซั่งหวงหมายความว่า………
หยวนชิงหลิงเห็นว่าจักรพรรดิหมิงหยวนตี้กำลังครุ่นคิด นางจึงเก็บของกลับไป
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ทำใจให้สงบและกล่าวว่า " อาการของชายหกเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าลองบอกให้ข้าฟังที"
หยวนชิงหลิงกล่าวเกี่ยวกับการรักษาและความคืบหน้าทั้งหมด แม้ว่าจักรพรรดิหมิงหยวนตี้จะสั่งให้คนมาสืบเรื่องอาการอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าหากฟังจากปากหยวนชิงหลิงโดยตรง ก็รู้สึกสบายใจกว่าเดิมอย่างมาก
"เช่นนี้ก็แสดงว่า เจิ้นไปเยี่ยมเขาได้แล้วใช่หรือไม่?"
"ใช่เพคะ ตอนนี้โรคของหวายอ๋องไม่แพร่เชื้อแล้วเพคะ เสด็จพ่อสามารถไปเยี่ยมได้เพคะ" หยวนชิงหลิงกล่าว
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ให้นางนั่งลง ตนก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ข้างๆนางเช่นกัน
หยวนชิงหลิงมาที่ห้องทรงพระอักษรอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่ก็นั่งลงตามที่ท่านสั่ง
"ช่วงนี้เจ้ากับชายห้าสงบกันดีใช่หรือไม่?" จักรพรรดิหมิงหยวนตี้ถาม
ก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บ ชายห้าเป็นห่วงอย่างมาก แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคงดีขึ้นเยอะแล้ว