ในตอนเย็น จักรพรรดิหมิงหยวนตี้แวะมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอาการของอดีตจักรพรรดิดีขึ้นแล้วก็อยู่พูดคุยเป็นเพื่อนกับเขาสักครู่ก่อนจะจากไป
หยวนชิงหลิงก้มหน้าอยู่ตลอดราวกับไม่มีตัวตน ไม่เป็นจุดสนใจของจักรพรดิหมิงหยวนตี้แต่ก็ไม่เป็นไร
หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนตี้จากไป ฉางกงกงก็ช่วยเช็ดตัวให้อดีตจักรพรรดิอย่างเช่นเคย หยวนชิงหลิงจึงเลี่ยงไปอยู่ที่ตำหนักนอก
นางใช้เวลาที่มีฉีดยาให้แก่ตนเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเวลารักษาแผล ตอนนี้นางรู้สึกว่าแผลเปียก ดูเหมือนว่าเลือดจะซึมออกมาอีกครั้ง
หลังจากฉีดยาแล้วนางก็นอนคว่ำพักเล็กน้อน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านในก็รู้ว่าฉางกงกงคงจะเสร็จแล้ว นางจึงยืนขึ้น การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันนี้ทำให้เลือดภายในกายของนางทะลักขึ้นมา นางรู้สึกว่าในคอมีกลิ่นคาวเลือด ในปากก็มีเลือดอมอยู่ข้างใน
นางตัวสั่นและเดินออกไปข้างนอก คายเลือดลงบนรากของต้นไม้
ยึดมั่นในต้นไม้ ต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อให้เธอรักษาพลังปราณและเลือดของเธอ
"พระชายาเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?"
เสียงของฉางกงกงดังมาจากข้างหลังนาง
หยวนชิงหลิงหันกลับมา โบกมือเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้ากินอิ่มเกินไป"
"อ้อ!" ฉางกงกงสีหน้าประหลาด แต่เขาก็จากไปโดยไม่พูดอะไร
หยวนชิงหลิงทนไว้แล้วกลับไปที่ตำหนัก อดีตจักรพรรดินั่งเอนกายอยู่บนเตียงเขาดูมีพลังขึ้นมาก
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "เสด็จปู่ ได้เวลาให้น้ำเกลือแล้วเพคะ"
อดีตจักรพรรดิยื่นมือของเขาและเหลือบมองนางอย่างแผ่วเบา "ข้าไล่ตาแก่นั่นไปแล้ว เจ้าจะให้น้ำเกลืออะไรก็ทำเสีย"
หยวนชิงหลิงฟังเสียงหัวใจและการหายใจของเขาก่อน การหายใจของเขายังคงไม่ราบรื่นนักนางจึงให้โดปามีนในปริมาณที่เหมาะสมแล้วค่อยให้น้ำเกลือ
นางหยิบขวดยาอมใต้ลิ้นออกมาแล้วยื่นให้อดีตจักรพรรดิ "นี่เป็นยาใช้ฉุกเฉิน หากท่านรู้สึกเจ็บหน้าอกและหายใจไม่ออก ให้อมมันไว้ใต้ลิ้น"
ฉลากยาอมใต้ลิ้นนางเพิ่งฉีกทิ้งออกไป
แต่ขวดนั้นก็ยังคงดูปราณีตมาก อดีตจักรพรรดิเล่นอยู่ในมือสักพักก็เก็บมันไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง อดีตจักรพรรดิเห็นยกน้ำเข้ามา ในมือถือยาเม็ดหนึ่งที่ดูไม่เหมือนเม็ดยา พวกมันมีสีสันสดใส เขาก็เริ่ทรำคาญใจเล็กน้อย "นี่อะไรอีกล่ะ?"
"ยา ได้เวลากินยาแล้วเพคะ"
"ไม่กิน!" ของที่สีสวยงามอย่างนี้ต้องไม่ใช่ของดีแน่
"ต้องกิน!" หยวนชิงหลิงตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าอดีตจักรพรรดิจะไม่ทำให้นางลำบาก ดังนั้นนางจึงพูดอย่างไม่เกรงใจมากขึ้นอีก "กินยาแล้วถึงจะดีขึ้น แล้วยานี่ก็ไม่ขม"
"ยุ่งยากเสียจริง!" อดีตจักรพรรดิเหลือบมองอย่างรังเกียจ แต่ก็ยังหยิบขึ้นมาสองสามเม็ดแล้วใส่เข้าไปในปาก หยวนชิงหลิงส่งน้ำให้ แต่กลับเห็นว่าอดีตจักรพรรดิได้เคี้ยวไปแล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาบู้บี้เสียจนเหมือนกะหล่ำดอง
"รีบดื่มน้ำแล้วกลืนเข้าไป!" หยวนชิงหลิงรีบยกแก้วน้ำส่งให้เขา หยิบขึ้นไปกินแล้วก็เคี้ยวได้อย่างไร?แม้แต่เด็กน้อยก็ยังร่าเวลากินยาต้องกินน้ำตาม หรือว่าในวังไม่มียาลูกกลอนหรือ?
หลังจากดื่มน้ำหนึ่งแก้วลงไปแล้วจึงกวาดยาขมในปากของเขากลืนลงไปหมด อดีตจักรพรรดิจึงพูดอย่างโกรธเคือง "รอข้าหายดีแล้วข้าจะตัดหัวเจ้า"
"เพคะๆ!" หยวนชิงตะโกน ในใจอยากจะหัวเราะและชื่นชมตัวเองที่ในเวลาแบบนี้ยังหัวเราะออกมาได้อีก
อดีตจักรพรรดิยังบ่นพึมพำออกมาอีกสองสามคำแล้วค่อยๆหันศีรษะไปอีกด้าน หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาง่วงแล้วจึงช่วยขยับหมอนและช่วยพยุงให้เขานอนลง
น้ำเกลือให้อยู่ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงเก็บของอยู่ไม่นาน ฉางกงกงก็พาหมอหลวงเข้ามา
ฉางกงกงกล่าวกับหยวนชิงหลิงว่า "เมื่อครู่อดีตจักรพรรดิสั่งให้พระชายาพักผ่อนในตำหนักนอก พรุ่งนี้พอพระอาทิตย์ขึ้นค่อยเข้ามาดูแลอีกต่อ"
หยวนชิงหลิงก็เหนื่อยมากแล้วและรู้ว่าคืนนี้ไม่น่าจะมีเรื่องใหญ่อะไร นางจึงพยักหน้าแล้วเดินออกไป
ที่ตำหนักนอก เป็นที่ที่วันนี้อวี่เหวินฮ่าวเคยนอนมาก่อน หยวนชิงหลิงปิดประตูและนอนคว่ำลงบนเตียง เมื่อล้มตัวลงนางก็ผล็อยหลับไปทันที
กลางดึกนางตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง นางแอบเข้าไปดูที่ตำหนักใน ฉางกงกงกำลังงีบกลับอยู่ที่พื้น อดีตจักรพรรดินอนหลับอย่างสงบ นางจึงขยี้ตาแล้วออกไปกินยาแล้วนอนต่อ
ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนางก็ตื่นขึ้นมา ทั้งคืนนางไม่ได้ฝันอะไรเลย แต่เมื่อตื่นขึ้นนางก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง นอกจากนี้อวัยวะภายในยังรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาหลายนาที นางกลืนยาแก้อักเสบไปมั่วๆอีกสองสามชนิด รอให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงเล็กน้อยนางก็เข้าไปที่ตำหนักชั้นใน
ฉางกงกงตื่นแล้ว สั่งให้บ่าวที่อยู่ด้านนอกต้มน้ำร้อนมาและสั่งให้นำมาเผื่อหยวนชิงหลิงจางด้วย
หยวนชิงหลิงล้างหน้า รู้สึกว่านางตื่นตัวมากขึ้น
อดีตจักรพรรดิก็ตื่นแล้วเช่นกัน ฉางกงกงกำลังรับใช้เขาอยู่
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ยินว่าไทเฮาเสด็จมา
หยวนชิงหลิงตบหน้านางเล็กน้อยเพื่อทำให้ตัวเองมีสติมากขึ้น
ไทเฮาเสด็จเข้ามา วันนี้นางสวมชุดผ้าไหมสีเขียวปักลายภาพอายุยืน ยิ่งขับให้สีหน้าของนางเขียวซีดยิ่งขึ้นไปอีก
พระชายาของฉีอ๋องฉู่หมิงฉุ่ยมาพร้อมกับไทเฮา เมื่อหยวนชิงหลิงถวายพระพรไทเฮาแล้วนางก็รีบเข้ามาจับมือนางและพูดอย่างอ่อนโยน "ลำบากพระชายาแล้ว"
หยวนชิงหลิงก้มหน้ามองมือของนาง มือสีขาวคู่หนึ่งเผยออกมาจากใต้แขนเสื้อกว้าง สวมปลอกเล็บลายดอกไม้และแหวนอันปราณีตหลายวงบนนิ้ว
ไม่พบสิ่งของเช่นเข็มหรือพวกใบมีด
แต่ว่าปลอกนิ้วบนนิ้วก้อยของมือขวานั้นค่อนข้างประหลาด มันมีประกายแสงอันเย็นเฉียบ
เมื่อหยวนชิงหลิงดึงมือของนางกลับ นางปัดผ่านมันราวไม่ตั้งใจ มันทั้งเย็นและแข็ง ปลายนิ้วของนางรู้สึกเจ็งเหมือนถูกแทง มันเป็นใบมีดบางๆ
เป็นนางจริงๆด้วย!
มีบ่าวจากด้านนอกเข้ามาย่อกายเคารพอดีตจักรพรรดิ "อดีตจักนพรรดิ ฉู่อ๋องมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ กำลังรออยู่ด้านนอก!"
"เรียกเข้ามา!" อดีตจักรพรรดิแกะมือของฉางกงกงออก "ฝูเป่าล่ะ? เรียกฝูเป่ามาหน่อย"
ไทเฮาเดินยิ้มเข้ามา "เพิ่งจะดีขึ้นนิดหน่อยก็คิดถึงสัตว์ร้ายนั่นแล้วหรือเพคะ"
อดีตจักรพรรดิไม่ชอบใจนัก จึงทำหน้าบูดบึ้ง "สัตว์ร้ายอะไรกัน? ไม่มีชื่อหรืออย่างไร?"
ไทเฮานั่งบนเตียงแล้วหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา ตาของนางแดงก่ำ "เพคะ มันชื่อฝูเป่า ไม่คิดว่ามันช่างมีวาสนาเหลือเกินหรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวสาวเท้ามาด้านหน้าเข้ามาในตำหนักใน ก่อนที่ม่านจะตกลงมาเสียอีก จะเห็นได้ว่าฝีเท้าของเขาเร็วแค่ไหน
ในอดีตที่ใดที่มีฉู่หมิงฉุ่ย สายตาของเขาก็มักจะมองไปที่นางก่อนเสมอ แต่วันนี้เมื่อเขาเข้ามาในตำหนัก เขาก็รีบมองหาร่างของ หยวนชิงหลิงอย่างรวดเร็วและดวงตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงสักพักก็เข้าไปทักทายผู้ใหญ่
ฉู่หมิงฉุ่ยก้าวหลบไปด้านข้าง ก้มศีรษะของนางและระงับโทสะที่เพิ่งถูกเขาก่อขึ้น
เขาไม่ได้มองนางสักนิดเลยเหรอ?
"วันนี้ไม่ต้องเข้าว่าราชการ ทำไมเจ้าถึงเข้าวังมาเร็วจริ?ง" อดีตจักรพรรดิองค์ยังคงหน้าบึ้ง แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขาที่พูดกับฉู่อ๋องนั้นอ่อนลง
"หลานกังวลเกี่ยวกับเสด็จปู่จึงรีบมา" อวี่เหวินฮ่าวนอนไม่หลับทั้งคืน ตาของเขาดูคล้ำเล็กน้อย
"ข้าไม่เป็นไร!" อดีตจักรพรรดิปลอบหลานชายของเขา
ในไม่ช้าจักรพรรดิหมิงหยวนตี้และฮองเฮาก็มาด้วย เมื่อคืนนี้รุ่ยชินอ๋องที่ไม่ได้ออกจากวังก็มาด้วยเช่นกัน
หยวนชิงหลิงถอยออกไปด้านข้างและเฝ้าดูทุกคนพูดคุยกัน
ฉู่หมิงฉุ่ยก็ยืนอยู่ข้างนาง นางมองหยวนชิงหลิง รอยยิ้มอ่อนโยนและเป็นมิตรบนใบหน้าของนาง "เมื่อคืนเจ้าคงเหนื่อยมากใช่ไหม?"
"ข้าไม่เป็นไร!" หยวนชิงหลิงไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับนางนักจึงเพียงตอบกลับไปเบาๆ
หมอหลวงนำยาต้มมาให้ แต่อดีตจักรพรรดิไม่ยอมเสวยและอารมณ์เสีย "เอาออกไปๆ ข้าไม่ดื่ม!"
ทุกคนฟังการชักชวนใด ๆ จักรพรรดิหมิงหยวนและ จักรพรรดินียังเกลี้ยกล่อมพระองค์เป็นการส่วนตัว แต่เขาไม่ยอมกิน พระราชมารดาทรงร้องไห้อย่างกังวลและกังวล
ทุกคนเกลี้ยมกล่อมอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง หมิงหยวนตี้และไทเฮาเกลี้ยกล่อมด้วยตนเองแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมเสวย ทำให้ไทเฮาร้องไห้ด้วยความกลังวลและร้อนใจ
หมิงหยวนตี้รู้ถึงนิสัยของพระปิตุลาของเขาดี เมื่อเขาโกรธขึ้นมาก็จะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ยามเขากำลังจะสั่งให้คนออกเอามันไปก่อนก็ได้ยินเสียงของหยวนชิงหลิงจากมุมห้อง "เสด็จปู่ ยังไงก็ต้องกินยาเพคะ"
คนในตำหนักราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็นนางในตอนนี้ ทุกคนเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย จักรพรรดิหมิงหยวนตี้มีแววโกรธเคืองอยู่แล้วเล็กน้อยในแววตาของเขา เขาเกรงว่าอดีตจักรพรรดิจะโกรธเพราะของคำพูดของนาง
ฉู่หมิงฉุ่ยที่ยืนอยู่ข้างนางอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้ม โง่จนสุดเยียวยา คราวนี้อดีตจักรพรรดิบันดาลโทสะ ทั้งไทเฮาและฮ่องเต้ต่างก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ คิดหรือว่าอดีตจักรพรรดิจะฟังนาง? ไม่ใช่ว่ามีเจตนาที่จะยั่วโมโหอดีตจักรพรรดิหรอกหรือ?
MANGA DISCUSSION