อวี่เหวินฮ่าวพูดอย่างโกรธเคือง "จะหาว่าคืนนี้ที่ข้าอับอายเยี่ยงนี้ ข้าก็เป็นคนผิดเองงั้นหรือ?"
"ท่านอ๋องมิได้ผิดขอรับ" ทังหยางเชี่ยวชาญในการเล่นคำพูด "แต่พระชายาก็ถูก ผิดที่เรื่องนี้เอง มันมิควรถูกเอ่ยถึง พูดอีกด้านหนึ่ง พระชายาไม่สนใจว่าท่านอ๋องเคยมีผู้หญิงมาก่อน ท่านอ๋องทรงรู้สึกมีความสุขในพระทัยหรือไม่ขอรับ?"
อวี่เหวินฮ่าวคิดชั่วครู่ "ไม่สุขนักแต่อย่างน้อยก็ไม่ทุกข์เท่าคืนนี้"
"ทุกข์ก็ชั่วคราว เห็นได้ชัดว่าพระชายาทรงเห็นคุณค่าของท่านอ๋องจริงๆ และมีท่านอ๋องอยู่ในพระทัย ข้าน้อยจึงคิดว่าท่านอ๋องควรไปสารภาพความผิดกับพระชายา"
อวี่เหวินฮ่าวจ้องเขม็ง "สารภาพผิด เจ้าเพิ่งบอกว่าข้าไม่ผิด"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับถูกหรือผิด ความแตกต่างที่แท้จริงของความผิดถูกระหว่างสามีและภรรยาอยู่ที่ไหน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการง้อ ปรนเปรอ แค่นี้วันเวลาก็ผ่านไปแล้วขอรับ" ทังหยางยังคงเกลี้ยกล่อม มิต้องการให้เจ้านายทั้งสองต้องคอยทะเลาะกัน หรือจวนแห่งนี้จะมีวันที่เงียบสงบเพียงไม่กี่วัน
อวี่เหวินฮ่าวถูกหลอกอย่างสมบูรณ์ และคิดตามความคิดของถังยางสักครู่ "เจ้าพูดก็ถูก ที่นางยังเป็นเช่นนี้เพราะนางใส่ใจเกี่ยวกับข้า ถ้านางฟังแล้วมีความรู้สึกเย็นชา ข้าคงต้องกังวล…"
"ใช่ไหมขอรับ?" ทังหยางเกลี้ยกล่อม "ท่านอ๋องควรเสด็จไปง้อที่หอเฟิ่งอี๋ ผู้หญิงแค่ง้อก็หายแล้วขอรับ"
อวี่เหวินฮ่าวลุกขึ้นยืน "เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเองได้" ไม่อาจให้ทังหยางดูเขาก้มหัวให้ผู้หญิง เสียหน้านัก
ทังหยางยิ้มและกล่าวว่า "ขอรับ ข้าน้อยจะให้คนนพซุปเพิ่มอีกถ้วย เพื่อพระชายาและท่านอ๋องจะดื่มด้วยกัน"
มองดูอวี่เหวินฮ่าวออกไปอย่างสง่างาม ทังหยางยืนอยู่ที่ทางเดินและรอ ยิ้มแฉ่ง ดูสิ! ชีวิตยังคงสวยงามมาก
หลังจากสักครู่ ทังหยางก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง โดยมีตัวเป่าไล่ตามเขาอย่างดุเดือดอยู่ข้างหลังเขา ชุดนอนของอวี่เหวินฮ่าวถูกกัดหลายแห่ง และกางเกงของเขามีร่องรอย และเขาก็วิ่งอย่างสิ้นหวัง ราวกับกำลังระบำฮูลา
"ตัวเป่า ถอยไป!" ทังหยางดุอย่างโกรธเคือง
เมื่อเห็นว่าเป็นทังหยาง ตัวเป่าก็เห่าใส่เขาสองครั้ง หันหลังกลับและจากไปอย่างเย่อหยิ่ง
ปากของอวี่เหวินฮ่าวบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ จับเสากลมและหายใจหอบอย่างหนัก เขาต้องการจะฆ่าตัวเป่า
ทังหยางรู้สึกว่าท่านอ๋องรู้สึกช่างน่าสงสารมากในคืนนี้ น่าสงสารจนทำให้ผู้คนอยากหัวเราะ
อวี่เหวินฮ่าวพูดอย่างโกรธเคือง "นางโหดร้ายเกินไปแล้ว รู้ว่าข้ากลัวสุนัข นางยังเรียกตัวเป่าให้ไล่กัดข้า"
ทังหยางกระซิบ "ท่านอ๋อง เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ" เขาไม่รู้จะปลอบโยนเขาอย่างไรดี
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกว่าความอดทนของเขาถูกละเมิด และเขาก็รองรับหยวนชิงหลิงมากเกินไปแล้ว
เขานอนอยู่บนเตียงคนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ไม่ใช่มีเพียงเขาที่เป็นเช่นนี้ ผู้ชายเหมือนกันหมด มีชายมากมายที่มีเมียสามสนมสี่ แต่เขาไม่มี และเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนก่อนที่เขาจะรู้จักนาง มีเหตุผลอะไรที่จะพลิกบัญชีเก่า? โกรธไม่พอ ยังปล่อยให้หมาไล่ตามเขาอีก ไม่กลัวว่าจะถูกกัดตายหรือ เป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมจริงๆ นางอ่อนโยนมาสองสามวันเป็นเพียงจอมปลอม นิสัยเดิมของนางไม่ดีเลย
"ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่สนใจนางอีกต่อไป" เขาตะโกนกับทังหยางซึ่งอยู่ข้างนอก
ทังหยางและซวีอียิ้มอย่างลับๆ ได้ ลองดูว่าจะไม่สนใจนางได้กี่วันเชียว
ความโกรธของหยวนชิงหลิงหายไปแล้ว ความโกรธของนางมาอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างรวดเร็ว นางปล่อยให้ตัวเป่าไล่กัดเขา เมื่อเห็นเขาวิ่งด้วยความกระเซอะกระเซิง ความโกรธของนางก็หายไปในขณะนั้น
นางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆของคืนนี้ จริงๆแล้วเป็นปัญหาที่คุ้มค่ามากในการมาคิด เมื่อก่อนนางเคยคิดว่านางเป็นคนใจกว้างเป็นพิเศษ นางไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องความรักครั้งก่อนๆของเขา ตราบใดที่นางอยู่กับเขา ถ้าเขามุ่งมั่นอยู่กับนางก็ไม่มีปัญหาอะไร! แต่คำถามคือ เขาจะสามารถมีใจมุ่งมั่นกับนางได้หรือไม่ในอนาคต? เขาพูดออกมาคำหนึ่งว่า เหล่าองค์ชายล้วนเป็นเช่นนี้
ในยุคนี้ ผู้ชายคนไหนที่มีสถานะตำแหน่งก็จะมีเมียสามสนมสี่ เขาไม่มีข้อยกเว้น ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเขาจะรักนางหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นความรัก ความรักก็จะมีหมดอายุ และไม่สามารถคงความเหมือนเดิมตลอดชีวิต! อัตราการหย่าร้างยังคงสูงในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน อย่างน้อยการหย่าร้างกันได้ ในที่นี้ หากสามีเปลี่ยนใจและแต่งนางสนม คนที่เป็นภรรยาหลวงจะทนได้เพียงเงียบๆเท่านั้น และแม้กระทั่งเพื่อชื่อเสียงยังจำต้องช่วยสามีจัดเตรียมนางสนม ใช้ชีวิตชาตินี้ด้วยความไม่เป็นธรรม
"พระชายา ได้เวลาเข้าบรรทมแล้วเพคะ" ซีมามาเดินมา
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่งและเรียกมา "มามา ข้าอยากจะถามเจ้าว่า เครือญาติของราชวงศ์เปยถัง มีท่านใดที่ไม่แต่งนางสนม"
"คือ… แม้ว่าจะไม่มีนางสนมตอนนี้ ก็ยังคงต้องมีในอนาคต การสืบลูกหลาน พระชายาไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพคะ"
"ซุนอ๋องก็ไม่แต่งนางสนมด้วย" หยวนชิงหลิงนึกคิดพี่รอง
"ซุนอ๋องก็จะแต่งพระชายารองด้วยเพคะ พระชายารองซุนอ๋องได้ทรงจัดเตรียมเพื่อเขาแล้ว" ซีมามายิ้ม
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ไม่มีใครที่มีหญิงเดียวตลอดชีวิต?"
"มีเพคะ ก็ชายสามัญชนที่ยากจน" ซีมามายิ้ม "แต่ใครจะอยากแต่งงานกับคนจนล่ะ?" แม้แต่ผู้หญิงธรรมดาๆ ก็อยากบินไปอยู่ยอด ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าเลยในชีวิตนี้"
ใช่ การกินและการอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในทางกลับกัน ก็สามารถทนที่สามีมีนางสนมได้
"มีผู้หญิงที่ไม่ยอมให้สามีรับนางสนมบ้างหรือไม่"
ซีมามากล่าวว่า "มีเพคะ แต่นางจะถูกขนานนามว่าเป็นคนอิจฉาริษยา และไม่มีใครจะคบกับนางอีกต่อไป เพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง"
จริง ถูกขนานนามว่าเป็นคนอิจฉาริษยา ก็จะไม่มีใครเล่นกับนางอีกแล้ว แตะใครใครคนนั้นก็จะเหม็น
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ในยุคนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิงเลยจริงๆ"
ซีมามาก็เงียบในขณะชั่วครู่และกล่าวว่า "พระชายาควรพักผ่อนได้แล้วเพคะ โปรดอย่าได้คิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลยเพคะ"
หยวนชิงหลิงตอบรับ กอดผ้าห่มและหลับ
ความรู้สึกนี้มาอย่างกะทันหัน ราวกับไฟไหม้ที่แผดเผาโชติช่วงในทันที แต่หลังจากที่มันถูกเผารวรใจเย็นและหันมาคิดเกี่ยวกับมัน กับความรักเรามิตวรเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
อวี่เหวินฮ่าว… ใบหน้าที่ชัดเจนและอ่อนโยนของเขาลอยในความคิดของนาง นางถอนหายใจเบาๆหวังว่าจะมีสติมากขึ้น
วันรุ่งขึ้น อวี่เหวินฮ่าวไปกรมตั้งแต่เช้า เขาไม่ได้นอนทั้งคืน ออกไปด้วยความโกรธและวิตกกังวล
หยวนชิงหลิงก็ไปที่จวนหวายอ๋องไม่นานหลังจากที่เขาออกไป ใช้เวลาครึ่งวันในจวนหวายอ๋องอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
วันแรกของสงครามเย็นกับอวี่เหวินฮ่าวคิดถึงเขา
พระสนมหลู่ก็ทรงเห็นและเข้าใจ พานางออกมา และถามว่าเกิดอะไรขึ้น
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "มิเป็นไรเพคะ แค่มีอุปสรรคในใจที่ไม่สามารถเดินผ่านมันไปได้"
พระสนมหลู่ตรัสอย่างโปร่งใสว่า "ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีอุปสรรคที่ผ่านไปมิได้"
โดยธรรมชาติแล้วหยวนชิงหลิงไม่สามารถบอกพระสนมหลู่ว่ามีอะไรอยู่ในใจ นางทำได้เพียงยิ้มและขอบพระทัยสำหรับความพระทัยกว้างของนาง
พักหลังนี้พระสนมหลู่ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับพระชายาจี้อ๋อง คอยสอบถามเกี่ยวกับอาการป่วยของนาง
ดังนั้น หยวนชิงหลิงปฏิเสธที่จะบอก นางจึงเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "ข้าได้ยินมาว่า พระชายาจี้อ๋องเป็นวัณโรคปอด"
หยวนชิงหลิงตกใจ "จริงหรือเพคะ นางติดเชื้อจากหวายอ๋องหรือเพคะ"
พระสนมหลู่ไม่ยอมรับ พูดเบาๆ "ใครจะรู้ว่านางติดต่อใครบ้าง? ในวังไม่ใช่มีหวายเอ๋อร์คนเดียวที่เป็นโรคนี้ บางทีนางอาจสมควรได้รับมัน"
หยวนชิงหลิงจำได้ว่าพระชายาจี้อ๋องไม่เต็มใจที่จะสวมหน้ากาก ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่จะบอกว่า ไม่กลัวการติดเชื้อแต่กลับต้องติดเชื้อจริงๆ
พระชายาจี้อ๋องเป็นวัณโรคจริงๆ และหมอหลวงวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ พระชายาจี้อ๋องใช้เงินเป็นจำนวนมากและขอให้หมอหลวงเก็บเป็นความลับ แต่ข่าวนี้ไม่สามารถระงับได้ด้วยการวินิจฉัยและการรักษาของหมอก่อนหน้านี้
พระชายาจี้อ๋องเริ่มไอในวันรุ่งขึ้นหลังจากถูกหยวนชิงหลิงเปิดโปงในจวนหวายอ๋อง นางคิดว่ามันเป็นแค่หวัดธรรมดา นางจึงให้หมอสั่งยา แต่ไม่คิดว่ายิ่งดื่มยาก็ยิ่งเพิ่มอาการไอทวีคูณ
การเจ็บป่วยลุกลามอย่างด่วนและอันตรายมาก ในวันที่ห้าของการเริ่มต้น เขาเริ่มมีไข้สูงและไอไม่หยุด ทันใดนั้น หมอหลวงก็ถูกเชิญมาในชั่วข้ามคืน
การเป็นวัณโรคปอด มันมีคำว่า ความตาย ถูกปกคลุมไว้บนศีรษะ
MANGA DISCUSSION