ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 133 เส้นตายวันคลี่คลายคดี
หยวนชิงหลิงกลับมาถึงจวนในยามโหย่ว* นางรอให้อวี่เหวินฮ่าวกลับมาที่จวนอยู่ตลอดเวลา (*เวลา 15.00 – 17.00 น.)
ก่อนหน้านั้นไม่กี่คืน นางเหนื่อยเกินไปหน่อย รอไปรอมาก็เผลอหลับไป คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องรอจนเขากลับมาให้ได้
คืนนี้อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้กลับมา
คดียังคงไม่มีความคืบหน้าเหมือนเดิม สืบสวนกันมานานขนาดนี้แล้ว คนร้ายมีกี่คนก็ยังไม่รู้เลย
ส่วนอาวุธนั้นก็ไม่มีเบาะแสใดๆ เช่นกัน
เขาแม้กระทั่งติดประกาศไปทั่วว่าหากพบอาวุธลักษณะคล้ายมีดแล้วส่งมาที่กรมจะมีรางวัลให้สิบตำลึง
สองวันมานี้มีมีดทำครัวส่งมาไม่น้อย แต่ทว่ากลับไม่ตรงกับบาดแผลเลย เพราะชาวบ้านต้องการเงินรางวัลสิบตำลึงนั้นจึงได้นำของปะปนเข้ามา
อวี่เหวินฮ่าวอารมณ์ไม่ดีอย่างมากจึงไม่อยากกลับจวน เขาเกรงว่าเขาจะพาลระเบิดอารมณ์ออกมา
หยวนชิงหลิงรอจนถึงยามจื่อก็ไม่เห็นเขากลับมา
นางลุกขึ้นลากเท้าที่ยังเจ็บปวดเล็กน้อยเดินออกไป
ลู่หยาเป็นผู้เฝ้ายาม เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงนางก็รีบวิ่งเข้ามา "พระชายา ยังไม่นอนอีกหรือเพคะ?"
หยวนชิงหลิงถามว่า "ท่านอ๋องยังไม่กลับมาหรือ?"
ลู่หยาตอบว่า "เมื่อครู่ซวีอีกลับมาเพคะ บอกว่าคืนนี้ท่านอ๋องจะอยู่ที่กรม หม่อมฉันนึกว่าพระชายาหลับไปแล้วจึงไม่ได้เข้าไปรายงาน"
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ "เขาไม่ได้พักผ่อนดีๆ มาหลายวันแล้ว วันนี้อยู่ที่นั่นก็คงไม่ได้นอนอีกแน่"
"ท่านอ๋องคงกำลังยุ่งกับงานและไม่มีทางเลือกอื่น พระชายารีบนอนเถอะเพคะ" ลู่หยาเกลี้ยกล่อม
หยวนชิงหลิงเดินกลับเข้าไปอย่างช้าๆ นางไม่ง่วงนอนเสียแล้ว
วันที่ห้า หลังจากที่ฟ้าสว่างแล้วก็จะเป็นวันที่หกแล้ว ยังมีเวลาเหลืออีกสองวัน เขาจะคลี่คลายคดีได้หรือ?
หยวนชิงหลิงคิดแล้วจึงเรียกลู่หยาเสียงดัง "เจ้าเตรียมรถม้า ข้าจะไปที่กรมเสียหน่อย"
"พระชายาจะไปทำอะไรหรือเพคะ?" ลู่หยาถามอย่างตกตะลึงเล็กน้อย
"ไม่รู้สิ แค่อยากไปอยู่เป็นเพื่อนเขา" หยวนชิงหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนกลางคืนอากาศหนาว นางจึงสวมเสื้อคลุมทับอีกหนึ่งชั้น
ลู่หยายังคงเกลี้ยกล่อม "อาการบาดเจ็บของพระชายายังไม่หาย…"
หยวนชิงหลิงเดินนำออกไปแล้ว "อย่าพูดมากเลย รีบไปเตรียมรถม้าเถอะ"
ลู่หยาจึงได้แต่วิ่งออกไปปลุกคนขับรถม้าให้นำรถม้าไปจอดรอพระชายาที่หน้าประตูจวน
คนในกรมคืนนี้ต่างก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แม้แต่ทังหยางก็มาร่วมวิเคราะห์คดีด้วย แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้กลับมีน้อยนัก ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี หากคลี่คลายคดีไม่ได้ก็ช่างเถอะ เพราะไม่มีเบาะแสเลยสักนิด แต่หลังผ่านเจ็ดวันไปแล้วจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างไร? บอกว่าสอบสวนกันมานานถึงเพียงนี้แต่ก็ไม่พบอะไรเลยงั้นหรือ? อวี่เหวินฮ่าวไม่ได้บันดาลโทสะอีก คดีนี้นับว่ายากจริงๆ คนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็พยายามกันอย่างสุดความสามารถแล้ว
มีมือปราบผู้หนึ่งรีบสาวเท้าเข้ามาประสานมือคารวะ "ท่านอ๋อง พระชายามาพ่ะย่ะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวเงยหน้าขึ้น "พระชายา?"
นางมาทำอะไร? ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่นอนอีก?
เขาลุกขึ้นเดินออกไปก็เห็นลู่หยาประคองหยวนชิงหลิงเข้ามา
เขารีบเดินไปจับมือของนางและกล่าวตำหนิเบาๆ "ทำไมจึงมาดึกเช่นนี้?"
หยวนชิงหลิงเห็นหน้าซีดขาวที่ฉายแววอิดโรยของเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ "วันนี้องค์หญิงบอกข้าว่าฝ่าบาทให้ท่านปิดคดีให้ได้ภายในเจ็ดวัน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมท่านจึงไม่บอกข้า?"
เขาปลอบนางอย่างนุ่มนวล "อย่ากังวลไปเลย ยังไม่ถึงกำหนดเวลาเจ็ดวัน นอกจากนี้ข้ายังมั่นใจว่าสามารถคลี่คลายคดีได้ทันเวลา"
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขากำลังโกหก หากสามารถไขคดีได้ทันเวลาจริง ทำไมแม้แต่จวนก็ไม่ยอมกลับเล่า
นางปล่อยให้เขาจูงมือนางเข้าไป "เรื่องคลี่คลายคดีข้าไม่เข้าใจ แต่ข้าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าดูศพเถอะ บางทีอาจจะพบอะไรอย่างอื่นก็ได้"
"ดูศพหรือ? ไม่ได้!" อวี่เหวินฮ่าวคัดค้านทันที "คนตายแล้วมีอะไรน่าดูกัน"
คนตายไปหลายวันขนาดนั้นแล้ว แม้ว่าที่ห้องเก็บศพจะใช้น้ำแข็งรักษาอุณหภูมิ แต่ศพก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว นางจะทนต่อกลิ่นพวกนั้นได้อย่างไร?
"แต่ตอนนี้พวกท่านก็ไม่มีอะไรคืบหน้าใช่ไหมล่ะ? อย่าได้ปิดบังข้าเลย"
"เชื่อข้า จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน" อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกว่าคำพูดของตนนั้นช่างไร้น้ำหนักยิ่งนัก
เมื่อส่งหยวนชิงหลิงไปที่ห้องด้านหลังในกรมแล้วให้นางนอนพักบนเตียง จากนั้นก็เรียกลู่หยาไปต่อว่ารอบหนึ่ง บอกว่านางไม่รู้จักดูแลให้พระชายาพักผ่อนให้ดี
หยวนชิงหลิงรู้สึกขอบคุณที่เขาทะนุถนอมนางไว้ในมือ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว มีเรื่องอะไรก็ควรจะแบกรับร่วมกัน ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ของเขาจึงทำให้นางรู้สึกจนปัญญาแต่ก็ไม่อาจฝ่าฝืน เขาดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก
เสมือนว่าหยวนชิงหลิงเพียงเปลี่ยนที่หลับนอนเท่านั้น อวี่เหวินฮ่าวยังคงวุ่นวายอยู่ด้านหน้า
ซวีอีได้รับคำสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกเพื่อไม่ให้นางไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ
หยวนชิงหลิงนอนไม่หลับจึงให้ลู่หยาเรียกซวีอีเข้ามา
เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่หยวนชิงหลิงถูกลอบสังหาร ซวีอีก็เคร่งขรึมมากขึ้น
สีหน้ายิ้มแย้มและไม่เอาใส่ใจถูกเก็บไปหมดแล้ว "พระชายา เรียกผู้น้อยมามีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"ซวีอี!" หยวนชิงหลิงมองเขาและถามด้วยท่าทางจริงจัง "ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างไร?" ซวีอีตอบอย่างซาบซึ้ง "พระชายาปฏิบัติต่อผู้น้อยดีมากพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ใช่เพราะท่านขอร้องท่านอ๋องเอาไว้ ผู้น้อยคงไม่ได้กลับมาทำงานข้างกายท่านอ๋องอีกเป็นแน่"
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเด็ดขาด ข้าช่วยเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าก็ช่วยข้าครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?"
ซวีอีประสานมือคารวะ "พระชายาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่าช่วย มีเรื่องอะไรจะสั่ง ผู้น้อยตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด"
"เจ้าไม่ต้องตายเป็นหมื่นครั้งหรอก ข้าเพียงต้องการให้เจ้าพาข้าไปที่ห้องเก็บศพ" หยวนชิงหลิงกล่าว
ซวีอีตกตะลึง "พระชายา ท่านจะไปที่ห้องเก็บศพทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ? ที่นั่นไปไม่ได้ มีแต่สิ่งสกปรก อีกอย่าง หากท่านอ๋องรู้เข้าจะต้องลงโทษผู้น้อยแน่"
หยวนชิงหลิงมองเขา "ใครให้เจ้าบอกท่านอ๋อง? เจ้าแค่พาข้าไปก็พอ หากข้าชันสูตรแล้วไม่พบอะไร ท่านอ๋องก็ไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้ แต่หากข้าได้เบาะแสเพิ่ม เจ้าก็จะมีผลงาน"
"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ผู้น้อยไม่อยากได้ผลงาน" ซวีอียืนยันขันแข็ง
หยวนชิงหลิงก้าวออกไปช้าๆ และจ้องมองเขาพลางส่ายหัว "ซวีอี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเนรคุณ"
ลู่หยาก็ก้าวเข้าไปพูดด้วย "ซวีอี เจ้าก็เห็นว่าระยะนี้ท่านอ๋องวุ่นวายใจแค่ไหนกับคดีนี้ บางทีพระชายาอาจช่วยได้ เจ้าก็ช่วยพระชายาสักครั้งเถอะ อีกอย่างหากถูกท่านอ๋องรู้เข้าก็บอกว่านี่เป็นคำสั่งของพระชายา เจ้าไม่กล้าขัดขืนก็พอแล้ว"
ซวีอีรู้สึกว่าท่านอ๋องต้องฆ่าเขาแน่ แต่ว่าตอนนี้คดีไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจริงๆ ระยะนี้พระชายาก็มักจะสร้างปาฏิหาริย์ บางทีหากให้พระชายาไปดูเสียหน่อยไม่แน่ว่าอาจจะพบอะไรขึ้นมาก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้น "ก็ได้ แต่พระชายาจะอยู่นานไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าห้องเก็บศพจะไม่มีคนเฝ้า แต่บางที่ก็มียามลาดตระเวนไปที่นั่น หากถูกพบเข้าจะต้องไปรายงานท่านอ๋องแน่"
"ข้าเชื่อเจ้า!" หยวนชิงหลิงตอบตกลงทันทีและหันไปพูดกับลู่หยาว่า "เจ้ารออยู่ที่นี่ หากท่านอ๋องมาก็บอกว่าข้าไปห้องน้ำ"
"เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว" ลู่หยารับคำ
ซวีอีถือโคมไฟพาหยวนชิงหลิงเดินออกไป
ห้องเก็บศพอยู่ด้านหลังทางซ้ายของกรม เป็นอาคารกว้างประมาณห้าสิบตารางเมตร กำแพงค่อนข้างหนา มีหน้าต่างสองบาน แต่ไม่ได้เปิดออกทั้งหมด
กลางดึกที่ประตูแขวนโคมไฟไว้สองดวง ในโคมไฟนั้นมีแสงสีแดงอ่อนๆ สาดส่องออกมาสะท้อนประตูของห้องเก็บศพให้เป็นสีแดง ยิ่งทำให้ดูน่าสยดสยองยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนที่ซวีอีเดินเข้าไปเขาก็รู้สึกใจสั่น เขามองหยวนชิงหลิง "พระชายาไม่กลัวหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"มีอะไรให้กลัวกัน?" หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป "เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ หากมีคนมาก็ให้เรียกข้า"
"ให้ผู้น้อยเข้าไปกับพระชายาเถอะพ่ะย่ะค่ะ" ซวีอีกลัวว่าหยวนชิงหลิงอยู่ข้างในคนเดียวแล้วจะตกใจกลัว แม้ว่านางจะบอกว่านางไม่กลัว แต่ใครบ้างเล่าจะไม่กลัว? ข้างในมีศพมากมายขนาดนั้น อีกทั้งศพก็ยังน่าสยดสยอง
"ไม่ต้อง เจ้าจะเกะกะข้า" หยวนชิงหลิงคว้าโคมในเมืองของเขามาและปิดประตู กั้นซวีอีไว้ภายนอก