หยวนชิงหลิงยอมจำนน "ตกลง!"
อวี่เหวินฮ่าวจึงวางใจที่จะออกไปและซีมามาก็เข้ามายืนเคียงข้างนาง ซีมามาก็ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสงบใจลงได้แล้ว นางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก อาการบาดเจ็บทำให้พละกำลังของนางจนหมดไปจึงขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรอีก นางหลับตาลงและนอนหลับไปครู่หนึ่ง
ซุนอ๋องกำลังนอนอยู่บนเตียง พระชายาซุนอ๋องดูแลเขาด้วยตนเอง
ท่านั่งของนางประหลาดนัก นางนั่งตัวตรง ยืดคอจ้องมองซุนอ๋องเหมือนยีราฟ มีความเป็นห่วงแต่โกรธมากกว่า พระชายาซุนอ๋องโกรธมาก สถานการณ์เมื่อคืนนี้หากเขามีวิทยายุทธ์สักเล็กน้อยก็คงไม่เป็นเช่นนี้
หลายปีมานี้นางขอให้เขาฝึกวิทยายุทธ์มาตลอดแต่เขาก็ไม่ฟัง ทุกวันเพียงรู้จักแต่กินดื่มจนร่างกายอ้วนพี ดูเงอะงะขึ้นไปทุกที
เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเข้ามา พระชายาซุนอ๋องก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า "ท่านมาพอดีเลย ว่าเขาหน่อย"
เมื่อเห็นศีรษะของพี่รองของเขาฝังอยู่ในหมอนด้วยท่าทางที่ถูกด่าจนเละ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง พี่รองยังบาดเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งต่อว่าเขาเลย"
พระชายาซุนอ๋องยังคงพูดอย่างโกรธเคือง "เมื่อคืนนี้ทำให้ราชวงศ์ขายหน้าไปหมดแล้ว เป็นถึงชินอ๋อง แต่ทำได้เพียงเอาร่างกายอ้วนๆ เข้าไปรับลูกธนู ไม่ขายหน้าหรืออย่างไร?"
ซุนอ๋องหันศีรษะมาและเถียงกลับอย่างไม่เต็มใจ "อย่างไรข้าก็ช่วยพระชายาของน้องห้าไว้ได้"
"เดิมท่านสามารถปกป้องนางไม่ให้ได้รับบาดเจ็บได้!" พระชายาซุนอ๋องได้ยินว่าเขายังอวดเก่งก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นอีก "ทำไมท่านจึงได้หน้าหนาเช่นนี้? ในหมู่พี่น้องมากมายของท่าน ยกเว้นน้องแปดที่ป่วยตั้งแต่ยังเด็ก มีใครไม่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้บ้าง? แม้แต่น้องหกที่ตอนนี้ป่วยอยู่ก็เคยได้รับคำชมจากเสด็จพ่อว่าเขาคล่องแคล่วว่องไว ดูท่านสิแม้แต่น้องเก้าท่านก็คงสู้ไม่ไหว"
ซุนอ๋องพึมพำ "ทำไมข้าจะต้องไปสู้กับน้องเก้าด้วย? คนจะไม่เยาะเย้ยว่าข้ารังแกน้องหรือ? เจ้าชอบเอาเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงมาพูดอยู่ได้ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง" พระชายาซุนอ๋องโมโหจัดจนแทบร้องไห้ "ข้าขี้บ่นงั้นหรือ? ทำไมข้าต้องขี้บ่นเช่นนี้เล่า? ไม่ใช่เพราะท่านไม่เอาไหนหรือไง? ข้าไม่ขอให้ท่านเป็นเหมือนน้องห้าที่มีความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ อย่างไรท่านก็ควรทำงานสักอย่าง พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าข้าไม่ได้แต่งงานกับคนไร้น้ำยา ได้ไหม?"
อวี่เหวินฮ่าวฟังคำเหล่านี้แล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะมาผิดเวลาเสียแล้ว! สามีภรรยาทะเลาะกัน เขาจะพูดแทรกก็ไม่ถูก ฟังเฉยๆก็ไม่ได้ จะจากไปเสียเฉยๆ เลยก็ยิ่งไม่ได้อีก
แต่ก่อนซุนอ๋องไม่เคยเถียง เขาขี้เกียจเถียง แต่เมื่อวันนี้น้องชายอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องรักษาหน้าของตนเอง เขาตบลงบนเตียงเสียงดังและกล่าวอย่างโมโห "ถ้าเจ้ารังเกียจข้าก็รีบไปเสียสิ ข้าต้องกังวลว่าจะแต่งภรรยาใหม่ไม่ได้ด้วยหรือ?"
พระชายาซุนอ๋องกล่าวว่าด้วยความโกรธ "ได้ เมื่อพรุ่งนี้กลับไป ข้าจะไปเก็บของกลับบ้าน ท่านก็ใช้ชีวิตของท่านไปก็แล้วกัน"
ซุนอ๋องโกรธจนเจ็บตับและยังคงแค่นเสียงเบาๆ
เมื่อพระชายาซุนอ๋องเห็นดังนั้น นางก็ปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก นางนั่งลงข้างเตียงแล้วตบหลังเขาเบาๆ "เจ็บขนาดนี้ก็สมน้ำหน้าท่านแล้ว"
อวี่เหวินฮ่าวถอยออกไปอย่างช้าๆ พร้อมความคิดบางประการ สามีภรรยาคู่นี้ประหลาดยิ่งนัก เดี๋ยวทะเลาะกันจะเป็นจะตาย เดี๋ยวก็ดีกันหวานชื่นราวน้ำผึ้ง แต่การทะเลาะกันช่างเป็นที่น่ารำคาญยิ่งนัก ต่อไปเขาไม่ทะเลาะกับหยวนชิงหลิงแน่ ยอมให้นางสักหน่อยก็ได้
หยวนชิงหลิงในช่วงพักฟื้นถูกทะนุถนอมราวกับหมีแพนด้า แม้แต่ตัวเป่าก็ไม่ซนและหมอบอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา
อวี่เหวินฮ่าวและตัวเป่าทำความสนิทสนมกันอยู่สองวัน เขาก็ไม่ได้กลัวมันหรือรังเกียจมันขนาดนั้นแล้ว ตอนกินข้าวยังโยนกระดูกให้มันชิ้นหนึ่ง ตัวเป่าผู้มีความสุขก็เดินวนรอบตัวเขาอย่างดีใจ
หยวนชิงหลิงสงสัยและแอบถามฉีมามาว่า "ทำไมท่านอ๋องถึงได้กลัวสุนัขเช่นนั้นเล่า?"
"ตอนที่ท่านอ๋องยังเด็กเคยถูกสุนัขไล่กัดเพคะ" ฉีมามาตอบ
หยวนชิงหลิงถามกลับ "จริงหรือ? ถูกกัดที่ไหน?"
แม้ว่าจะมีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเขา แต่ก็ราวกับไม่มีที่ใดที่เป็นแผลถูกสุนัขกัด
ฉีมามายิ้มและแอบหันไปมอง เมื่อเห็นว่าอวี่เหวินฮ่าวยังไม่เข้ามา นางก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า "ไม่ได้กัดแต่เกือบกินนกน้อยแล้วเพคะ โชคดีที่ฉางกงกงมาทันเวลา"
หยวนชิงหลิงตกใจ "จริงเหรอ?" มิน่าเล่าเขาจึงได้มีปมขนาดนั้น นกน้อยเกือบถูกกินนี่เอง
ฉีมามาหัวเราะออกมา
อวี่เหวินฮ่าวผลักประตูเข้ามา "คุยอะไรกัน? คุยเงียบๆ แต่หัวเราะเสียเสียงดัง"
ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าซีดขาวของนางชะเง้อขึ้นเล็กน้อย "คุยเองที่ท่านถูกสุนัขกัดตอนยังเด็ก"
อวี่เหวินฮ่าวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน แต่ใครเล่าที่จะไม่มีเหตุการณ์ในวัยเด็กที่น่าอับอายบ้าง? เขานั่งลงและไล่ฉีมามาออกไปและเอ่ยกับหยวนชิงหลิงว่า "นอนได้แล้ว!"
นอนอีกแล้วหรือ หยวนชิงหลิงนอนจนกระดูกสันหลังจะหักแล้ว
นางนอนลงแล้วบ่นอย่างเศร้าสร้อย "ข้าไม่อยากนอนแล้ว ข้านอนมาสองวันแล้ว ข้าอยากออกไปเดินเล่น"
"ไม่ได้ แผลของเจ้ายังไม่หายดี วันนี้เจ้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่พักรักษาตัวในจวนนี่แหล่ะ" เมื่อสองวันก่อนยังไปที่จวนหวายอ๋อง วันนี้ไม่ต้องฉีดยาและทิ้งยาไว้เพียงสามวันเท่านั้น อันที่จริงยกเว้นวันนี้ที่นางไม่ได้ออกจากจวนแล้ว วันอื่นๆ นางอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
"ข้าเชื่อฟังท่านแล้ว ท่านก็รีบกลับกรมการพระนครไปเสียทีเถอะ" หยวนชิงหลิงเร่งเร้าเขา
"วันนี้ข้าคงต้องกลับไปที่นั่นจริงๆ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า อย่าออกไปไหน" อวี่เหวินฮ่าวห่มผ้าให้นาง ทำไมเขาถึงไม่อยากไปทำงานขนาดนั้นนะ? การได้อยู่กับนางทั้งวันก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว
"ข้ารู้แล้ว ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" หยวนชิงหลิงตอบอย่างเชื่อฟัง จะทำให้เขาเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มิฉะนั้นเดี๋ยวจะถูกคนจับจุดอ่อนมาเล่นงานเอาได้
อวี่เหวินฮ่าวจูบลานางอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าของนางสะอาดและนุ่มเด้ง สัมผัสนั้นรู้สึกสบายมาก
"ไม่งั้นข้ารอเจ้าหลับแล้วค่อยไป"
หยวนชิงหลิงยิ้ม "รีบไปเถอะ อ้อยอิ่งอยู่เช่นนี้ไม่รู้ว่าจะลีลาไปถึงเมื่อไหร่? ท่านอยู่ที่จวนข้าก็พักผ่อนดีๆ ไม่ได้ ข้าอยากคุยกับท่านตลอดเวลา"
"เช่นนั้นก็คุยกันเถอะ!" อวี่เหวินฮ่าวโน้มตัวเข้ามาเกลี้ยกล่อมนาง
หยวนชิงหลิงผลักเขาออก "รีบไปทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับมาก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?"
อวี่เหวินฮ่าวขโมยจูบที่ริมฝีปากของนางอีกครั้งแล้วจึงลุกขึ้นยืนและยิ้ม "ก็ได้ ข้าไปล่ะ เย็นนี้จะรีบกลับมาเร็วๆ เจ้าอย่าลืมกินยาและนอนพักผ่อน"
หยวนชิงหลิงหลับตาลงและพูดอย่างร่วมมือ "รู้แล้ว ข้าจะนอนเดี๋ยวนี้"
อวี่เหวินฮ่าวจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ตอนนี้มีคดีฆาตกรรมคดีสองกำลังติดพัน สองวันมานี้เขาอาศัยตอนที่หยวนชิงหลิงหลับไปแล้วจึงเรียกเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการมาปรึกษาหารือกันเรื่องคดี ความคืบหน้าของคดีนั้นช้ามาก เขารู้สึกยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก คนร้ายแทบไม่เหลือเบาะแสอะไรไว้เลย ทั้งสองล้วนมีพยาน แต่พยานเป็นเพียงเด็กทารกที่พูดไม่ได้
คดีนี้ดึงดูดความสนใจของเหล่าขุนนาง เสด็จพ่อก็กล่าวถึงคดีนี้ในท้องพระโรงด้วยเช่นกัน แม้จะไม่มีกำหนดว่าจะต้องคลี่คลายคดีให้ได้เมื่อใด แต่เขาก็รู้ว่าเสด็จพ่อกำลังต่อสู้กับแรงกดดันจากทุกฝ่าย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งคลี่คลายคดี
เมื่อกลับมาที่กรมการปริมณฑลก็พบว่าในสองวันที่ผ่านมาการสืบสวนไม่มีความคืบหน้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะโมโห "ชาวบ้านที่อยู่รอบด้านไปถามมาหมดแล้วหรือ? ตอนที่เกิดเรื่องไม่ได้ดึกนัก จะไม่มีใครเห็นคนน่าสงสัยเข้าออกเลยหรือ?"
หัวหน้ามือปราบถูกต่อว่าจนก้มหน้างุด เขางึมงำครู่หนึ่งจึงจะตอบว่า "มีคนบ้าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน เขาบอกว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งถือดาบในชุดสีดำเดินผ่านมา แต่ชายคนนี้เป็นคนบ้า ดังนั้นคำพูดของเขาจึงเชื่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"
ดวงตาของอวี่เหวินฮ่าวกวาดมองไปทั่ว เขาพูดเสียงดัง "คนบ้ามีปัญหาที่สมอง แต่เขาไม่ได้ตาบอด เขาบอกว่าเขาเห็นคนเช่นนั้นผ่าน ทำไมเจ้าไม่ถามต่อเล่า?ไม่แน่ว่าอาจถามถึงเบาะแสที่เป็นประโยชน์ก็ได้?"
หัวหน้ามือปราบรับคำ "ผู้น้อยจะไปถามเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ"
อวี่เหวินฮ่าวระบายอารมณ์ออกมารอบหนึ่งแล้วจึงนวดหว่างคิ้ว นานแค่ไหนแล้วที่ในเมืองหลวงไม่ได้มีคดีใหญ่เช่นนี้? เขาสงสัยว่าคนร้ายมุ่งเป้ามาที่เขา อย่างน้อยหากเขาไขคดีไม่ได้ การดำรงตำแหน่งของเขาต้องถูกคนสงสัยแน่ว่าเหมาะสมหรือไม่
หัวหน้ามือปราบยังสอบถามไม่ได้ความแต่กลับพาคนบ้าผู้นั้นกลับมาด้วย
คนบ้าผู้นี้อายุราวสามสิบ สวมเสื้อผ้าไม่มิดชิด รองเท้าแตะขาด ผมเหนียวเป็นก้อนและมีเหาเต็มไปหมด
MANGA DISCUSSION