ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 129 ขอยาเม็ดจื่อจิน
ความเจ็บปวดพลันแผ่คลุมไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างที่อยู่โดยรอบพลันแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด โคมไฟของข้ารับใช้ซุนอ๋องมอดดับไปเสียแล้ว ไม่มีแสงสว่างอันใดคอยส่องแสงอีกต่อไป หากมิส่งเสียงอันใดออกมา อีกฝ่ายคงมิมีทางสังเกตุเห็นได้แน่ ดังนั้น หยวนชิงหลิงจึงได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาโดยมิได้มีส่งเสียงอันใดเล็ดลอดออกมาเลยสักนิดเดียว
พลันมีลูกธนูอีกดอก บินผ่านเข้ามาทะลุที่ไหล่นางในทันที หยวนชิงหลิงเจ็บเสียแทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ หากแต่นางก็อดทนกัดฟันจนถึงที่สุด ทว่า ความเจ็บปวดก็ยังถามโถมเข้ามามิหยุด
ซีมามาตกใจเสียจนแทบลมจับ
ซวีอีเมื่อเห็นลูกธนูพุ่งออกมาจากทิศทางใดแล้ว จึงรีบหันกลับไปตะโกนสั่งซีมามาว่า "ซีมามา ท่านรีบพาพระชายาออกไปจากที่นี่เสีย"
ครั้งนี้ ลูกธนูติดไฟพลันพุ่งเข้ามาหาในทันที
เมื่อซุนอ๋องสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้วนั้น พลางยื่นมือจะไปประคองหยวนชิงหลิง หากแต่ ลูกธนูที่ติดไฟพลันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซุนอ๋องจึงไม่สามารถพาหยวนชิงหลิงออกไปได้ทัน จุดหมายของธนูดอกนั้น พลันพุ่งเข้าไปที่หัวใจของหยวนชิงหลิงในทันที
ซีมามาพลางดึงหยวนชิงหลิงมาที่ด้านหลัง เมื่อเห็นลูกธนูไฟพุ่งเข้ามาอีกนั้น ลูกธนูไฟพลันส่องให้เห็นสีหน้าที่ขาวซีดของหยวนชิงหลิงเป็นอย่างดี ที่ขาของหยวนชิงหลิงยังมีลูกธนูปักอยู่นั้น จึงทำให้ไม่สามารถขยับหยวนชิงหลิงไปที่ใดได้ หยวนชิงพลันหลับตาลง พร้อมรอรับลูกธนูที่จะมาปลิดชีพนางในดอกสุดท้าย
ทว่าในช่วงเวลานั้น นางกลับคิดถึงอวี่เหวินฮ่าวขึ้นมาในทันใด
เสียงของลูกธนูที่เจาะเข้าเนื้อพลันดังเข้ามาในทันที. ของเหลวงอุ่นๆพลาง พุ่งเข้ามาเต็มใบหน้าของหยวนชิงหลิงในทันใด หยวนชิงหลิงพลันเบิกตาขึ้น ก็เห็นเบื้องหน้ามีคนกำลังนั่งคุกเข่าลงอยู่ เป็นซุนอ๋อง
เขาเอาตัวมาบังธนูให้นาง
หยวนชิงพลันตะโกนออกมา "พี่รอง"
ซุนอ๋องค่อยๆล้มตัวลง ปากพลางเอ่ยขึ้นมาว่า "ขาหมูชิ้นนั้น ข้าควรจะกินมันเสีย"
"พี่รอง! " หยวนชิงหลิงตกใจเสีย พลางใช้มืออีกข้างที่มิได้บาดเจ็บที่ใดเอื้อมไปคลำๆดู พบว่าลูกธนูแทงเข้าไปที่ด้านหลังของซุนอ๋อง
พระเจ้า ธนูดอกเมื่อครู่ปักเข้าที่ใดกัน ใช่ด้านหลังปอดหรือไม่ ?
ครั้งนี้ซวีอีใช้แรงเยอะเป็นอย่างมาก เมื่อเขาพบที่ซ่อนตัวของนักฆ่าได้แล้ว หลังจากที่ต่อสู้ไปได้ไม่นาน นักฆ่าทั้งสามคนก็ตายลง
เมื่อซวีอีบินกลับมาอยู่ข้างกายหยวนชิงหลิงนั้น ดาบเล่มยาวที่เปื้อนไปด้วยเลือด เสียงหายใจอันหอบหนัก ไหล่ซ้ายของเขายังคงมีเลือดไหลย้อยลงมา การโจมตีครั้งสุดท้ายเขาก็ถูกลูกศรปักเข้าที่ไหล่โดยทันที
ซวีอีใช้พลังทั้งหมด ตะโกนใส่ข้ารับใช้ของซุนอ๋องที่กำลังหวาดกลัวอยู่ว่า "รีบไปหาฉู่อ๋องที่กรมเสีย!"
ข้ารับใช้ผู้นั้นถึงได้สติกลับมา พลางรีบร้อนวิ่งออกไปตามคำสั่งทันที
"พระชายา ท่านยังไหวอยู่หรือไม่พะยะค่ะ ?" ภายในความมืดมิดนั้น น้ำเสียงของซวีอีพลันอ่อนลงแล้ว
"ข้ามิเป็นอันใด รีบไปดูซุนอ๋องเสีย ว่าเขาเป็นเช่นไรบ้างแล้ว? " หยวนชิงหลิงพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
หยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ความมือมิดที่อยู่รอบกายนางค่อยๆย่างกรายเข้ามา พร้อมทั้งสติที่ค่อยๆ ลดน้อยลง หยวนชิงหลิงพลันได้ยินเสียงของอวี่เหวินฮ่าวดังเข้ามาในทันที เขาตบหน้านางเบาๆ เพียงสองสามที น้ำเสียงราวกับกำลังจะร้องให้ออกมาเสียแล้ว. นางรู้สึกอยากจะลืมตาขึ้นมาดูสักนิด พร้อมกล่าวบอกกับอวี่เหวินฮ่าวว่ามิต้องกังวล หากแต่หนังตาของนางรู้สึกไม่มีแรงเสียแล้ว
ความมืดค่อยๆ ย่ำกลายเข้ามาหานางเรื่อยๆแล้ว เสมือนกับวังวนน้ำขนาดใหญ่ น่ากลัวยิ่งนัก หยวนชิงหลิงรู้สึกหวาดกลัวเสียจับใจ นางรับรู้ได้ว่า อวี่เหวินฮ่าวกำลังอุ้มนางขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปโดยเร็ว อวี่เหวินฮ่าวเรียกชื่อนางไปตลอดทาง. หากแต่นางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เจ็บปวดเสียจนตัวเองอย่างจะเป็นลมตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
อวี่เหวินฮ่าวราวกับตนเองจะเป็นบ้าไปแล้ว
ข้ารับใช้ของซุนอ๋องที่วิ่งมาเขาที่กรมนั้น กล่าวว่าพระชายาโดนลอบสังหาร ในวินาทีนั้น เขารู้สึกตกใจอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน. เขารีบขี่ม้ามาที่นี่โดยมิได้คิดถึงชีวิตของตนเองเลยแม้แต่น้อย นับเป็นโชคดีที่เฉิงฝู่นั้นเงียสงบเป็นอย่างดี เขาจึงสั่งให้รถม้าวิ่งนำมาก่อน
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเห็นหยวนชิงหลิงนอนจมกองเลือดอยู่นั้น ภายในใจของตนเองราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ วันนี้ยามที่เขากำลังเดินทางออกจากจวนหวายอ๋องนั้น นางยังส่งรอยยิ้มมาให้เขา รอยยิ้มของนางที่ส่งมานั้น ล้วนแต่อยู่ในหัวของเขามาตลอดทั้งวัน
"เจ้าอย่าเพิ่งหลับ พวกเรากำลังกลับบ้านกันแล้ว" เขาอุ้มหยวนชิงหลิง. พร้อมขึ้นรถม้า น้ำเสียงของอวี่เหวินฮ่าวราวกับกำลังสำลักอากาศ
เขารู้ดีว่าอาการของพี่รองก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ทว่า เขาไม่สามารถดูแลได้พี่รองได้แล้ว
ซวีอีใช้เวลาครึ่งค่อนคืนไปขอความช่วยเหลือที่หน้าประตูวังหลวง แต่เดิมจวนอ๋องก็มีหมอหลวงอยู่แล้ว. หากแต่ไม่กี่วันมานี้ พวกเขากลับเข้าวังไปกันหมดแล้ว อีกทั้ง ประตูวังพลันถูกปิดลง ยามที่หน้าประตูวังก็มิได้อนุญาติให้ซวีอีเข้าไปส่งข่าวด้านใน ซวีอีรู้สึกหมดหนทางยิ่งนัก เขาไม่กล้าโวยวายอยู่ที่หน้าประตูวังหลวง หากแต่เดินทางไปหากู้ซือในทันที
กู้ซือได้ยินเช่นนั้น พลันตกใจจนรีบขี่ม้าไปหาสำนักแพทย์หลวงในวังในทันที ทว่า ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก. หมอหลวงที่มิได้เข้าเวรในวันนี้. ล้วนแต่ล้มป่วยกันหมด ทั้งอาเจียน ท้องร่วง พวกเขากล่าวว่าหมอหลวงพวกนี้ถูกอาหารเป็นพิษกันทั้งหมด
เมื่อประตูวังถูกปิดลงเช่นนี้แล้ว จะมีเพียงแค่ ผู้ใดที่มีคำสั่งจากฝ่าบาทเท่านั้นจึงจะเดินทางเข้าไปได้ มิเช่นนั้น ผู้ใดก็ห้ามเข้าไป เช่นนั้น หมอหลวงในพระราชวัง จึงไม่สามารถเชิญออกมาดูอาการคนป่วยได้เลยแม้แต่ผู้เดียว
แม้แต่ชินอ๋องก็มิมีคำสั่งของฝ่าบาท นอกจากคนผู้เดียวเท่านั้นคือ รุ่ยชินอ๋อง
กู้ซือจึงรีบขี่ม้าไปหารุ่ยชินอ๋องในทันที เมื่อรุ่ยชินอ๋องรู้ข่าวเช่นนั้น พลันรีบชักม้าเข้าวังโดยไว พร้อมทั้งเชิญหมอหลวงออกมาดูอาการในทันที ทั้งหมดก็ผ่านไปราวๆสองชั่วยามเสียแล้ว
แต่เดิมซุนอ๋องได้ให้ยาเม็ดจื่อฉินกับอวี่เหวินฮ่าวไปแล้ว ยาเม็ดจื่อฉินในครานี้ อวี่เหวินฮ่าวจึงให้ซุนอ๋องกินเข้าไป. เมื่อาการทรงตัวได้ชั่วคราวแล้ว ยาเม็ดจื่อฉินในครานี้ก็ถือว่าได้ช่วยชีวิตซุนอ๋องได้ทันท่วงที เหลือเพียงแค่รอเวลาหมอหลวงจะมาถึง
พระชายาซุนอ๋องก็มาถึงแล้วเช่นกัน นางค่อนข้างมีกลิ่นอายของนายพลอยู่บ้างเล็กน้อย นางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกอันใดเลยสักนิด เพียงแค่ยืนดูด้านข้างเท่านั้น หากว่ามีปัญหาอันใด นางก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้ในทันที
ลูกธนูดอกนั้น ถูกยิงเข้ามากจากทางด้านหลัง. ขาดไปเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นถึงจะทะลุที่ปอดหลังของซุนอ๋อง
หากแต่ พวกเขาเสียเลือดไปมากเหลือเกิน ลูกธนูที่ถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นอันตรายถึงชีวิต
หยวนชิงหลิงก็มีอาการเช่นเดียวกัน หากแต่นางสูญเสียไปอย่างรอดเร็วนัก
แม้ว่าซวีอีจะสกัดจุดเพื่อช่วยหยุดเลือดไปแล้ว หากแต่ยามที่ซวีอีไปจัดการกับนักฆ่าทั้งสามนั้น หยวนชิงหลิงก็ได้เสียเลือดไปมากแล้วเช่นกัน นี่เป็นเหตุผลว่า. ทำไมตอนนี้หยวนชิงหลิงถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกว่าตนเองเจ็บปวดไปทั่วร่าง ร่างกายราวกับด้านชาไปทั่วทุกส่วน เขาโอบกอดหยวนชิงหลิงเอาไว้ เพื่อให้หมอหลวงทำการดึงธนูออกจากตัว
พลันเห็นเลือดที่กระเด็นออกมายามที่ดึงธนูออกมาจากตัวหยวนชิงหลิงนั้น ทั่วร่างของนางพลันอ่อนลงในทันที ลมหายใจค่อยๆหยุดไปเป็นช่วงๆ อวี่เหวินฮ่าวคิดว่านางใกล้จะตายไปเสียแล้ว จึงพยายามสังเกตุการหายใจของหยวนชิงหลิง พร้อมจับชีพจรของหยวนชิงวหลิงเพื่อฟังอัตราการเต้นของหัวใจของนาง อวี่เหวินฮ่าวเสมือนว่ามีอะไรบางอย่างกระจุกอยู่ที่คอของเขา จากนั้นจึงค่อยๆผ่อนคลายลง
หากแต่สถานการณ์ ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หยวนชิงหลิงยังคงสลบอยู่. อีกทั้งนางยังไม่สามารถกินยาห้ามเลือดลงไปได้ อวี่เหวินฮ่าวพลันหยิบกล่องยาประจำตัวของหยวนชิงหลิงขึ้นมานั้น หากแต่มิรู้ว่าเป็นเพราะอะไร กล่องยาที่ถูกหยิบขึ้นมานั้นกลับกลายเป็นเล็กลง มิได้เปลี่ยนเป็นกล่องใหญ่แต่อย่างใด
อวี่เหวินฮ่าวอยู่ข้างเตียงหยวนชิงหลิงโดยตลอด เขารู้สึกหมดหวังไปเสียทุกอย่าง. หากแต่ดวงตากลับไม่กล้าที่จะกระพริบตาลงไปเลยแม้แต่น้อย อวี่เหวินฮ่าวกลัวว่าหากเขาหลับตาไปเพียงครู่หนึ่ง เขาก็จะไม่เห็นหยวนชิงหลิงสามารถหายใจได้อีก
หากแต่หัวสมองของหยวนชิงหลิงนั้นรับรู้ทุกอย่าง ทว่าทั่วร่างของนางราวกับถูกผีอำมิให้ลึกขึ้นจากเตียงได้ นางจึงไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย
จะว่าสมองนางสามารถรับรู้ได้ทุกอย่างแล้ว. ก็มิเชิงมากนัก หยวนชิงหลิงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หูพลันได้ยินเสียงหลายเสียงเป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่หยวนชิงหลิงมองเห็นในตอนนี้ ล้วนแต่เป็นสีดำไปหมด ราวกับวังวนของกระแสน้ำอันใหญ่ที่กำลังดูดหยวนชิงหลิงเข้าไปในนั้น นางพยายามที่จะดิ้นรนออกจากวังวนของน้ำอันนั้นแล้ว หากแต่ทุกครั้งที่นางกำลังจะหลุดออกมาได้นั้น นางก็ถูกดึงกลับไปอีกครั้ง
ท้องฟ้าที่หมุนวนไปมา
หากแต่สิ่งที่หยวนชิงหลิงจดจำได้ดีนั้น ซุนอ๋องจะตายหรือไม่ ?
และยังมียาที่หวายอ๋องจะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้อีก หากว่าไม่สามารถฉีดยาให้หวายอ๋องได้แล้ว ก็ยังพอจะมียาให้หวายอ๋องได้ทาน
นับเป็นโชคดี ก่อนที่นางจะออกจากจวนหยานอ๋องนั้น ก็ได้ให้ยาเผื่ออาการของหวายอ๋องไว้ได้ประมาณสองมื้อ หากว่านางสามารถอยู่รอดไปได้นะ. หากนางตายไปขึ้นมา หวายอ๋องย่อมต้องขาดยาไป ช่วงนี้อาการของเขายังไม่สามารถขาดยาพยุงอาการไปได้
ทว่า ในตอนนี้ นางรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินื เหตุใดนางถึงเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้กัน นางเพียงแค่บาดเจ็บที่ไหล่และขา เหตุใดทั่วร่างถึงเจ็บปวดเช่นนี้เล่า ในขณะที่นางอยากจะกรีดร้องออกมา โดยใช้แรงจากทั่วร่างกาย พยามยามเปล่งเสียงออกมานั้น กลับไม่มีเสียงอันใดออกมาจากปากของนางเลยแม้แต่น้อย
นางได้ยินอวี่เหวินฮ่าวคอยเรียกนางอยู่ข้างกายมาโดยตลอด หากแต่นางมิค่อยแน่ใจนัก ว่าใช่อวี่เหวินฮ่าวจริงๆหรือไม่ เพราะว่าน้ำเสียงไม่เหมือนกัน เสียงที่นางได้ยินนั้นมักจะแผ่วเบาและสั่นเครืออยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ นางจะพยายามผ่านมันไปให้ได้
"ท่านอ๋องพะยะค่ะ น้ำร้อนมาแล้วพะยะค่ะ" ฉีมามาตกใจเป็นอย่างมาก ร่างที่เย็นเยียบถูกส่งกลับมานั้น. ราวกลับว่าได้ตายไปแล้วครึ่งทาง
"เปิ่นหวางจะทำเอง! " อวี่เหวินฮ่าวพลันกล่าวออกมา ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยรอยเลือด เกรงว่าจะเป็นเลือดของพี่รองกระมังที่กระเด็นมาโดนนางเช่นนี้ ซีมามากล่าวว่า เป็นพี่รองที่ช่วยนางไว้ได้ หากว่าพี่รองมิช่วยนางบังลูกธนูไว้แล้ว. ลูกธนูดอกนั้นย่อมต้องตรงเข้ามาปักที่หัวใจของหยวนชิงหลิงเป็นแน่
ฉีมามาพลันนำผ้าขนหนูมาชุบน้ำร้อนเพื่อยื่นส่งให้อวี่เหวินฮ่าว อวี่เหวินฮ่าวเมื่อรับมานั้น ก็ค่อยๆเช็ดใบหน้าให้หยวนชิงหลิงด้วยความระมัดระวัง เลือดนั้นแข็งตัวไปหมดแล้ว ซึ่งยากที่จะเช็ดให้ออกได้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องใช้แรงในการเช็ด ทว่า ก็กลัวจะทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บเอาได้ ถึงแม้ว่านางจะสลบไปแล้ว ทว่า ทั่วร่างของนางยังสั่นเทาอย่างต่อเนื่องด้วยความเจ็บปวด
นางร่างกายผอมเป็นอย่างมาก ร่างกายยังอ่อนเออีกด้วย นางจะทนต่อความเจ็บปวดของลูกธนูทั้งสองดอกที่แทงเข้ามาได้อย่างไร ?
"กู้ซือกับซวีอีเล่า ?" อวี่เหวินฮ่าวพลางเปิดปากถามด้วยท่าทีที่จริงจัง