ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 123 ต่อสู้กับกู้ซือ
"พระชายาจะเสด็จไปที่ใดเพคะ?" ฉีมามาร้องถามมาจากด้านหลัง
"ไปห้องท่านอ๋อง ข้าไม่กินข้าวแล้ว" หยวนชิงหลิงตอบโดยไม่ได้หันไปมอง
นางไปที่หอเซียวเยว่
ฉีโหลวเห็นนางเดินมาก็พูดขึ้นว่า "พระชายา ท่านอ๋องยังไม่เสด็จกลับเพคะ"
"ข้าจะรอเขา!" หยวนชิงหลิงนั่งลงบนขั้นบันไดหินด้านหน้าระเบียงทางเดิน นางนั่งรับลมที่พัดเข้ามาเบาๆ สมองของนางช่างเลอะเลือนเสียจริง ตอนนั้นเขาเองก็อยากจะอธิบาย แต่นางไม่ให้โอกาส
"พระชายาเสด็จเข้าไปรอด้านในสิเพคะ" ฉีโหลวชักชวน
"ไม่ล่ะ ข้าจะนั่งตรงนี้" หลายวันมานี้ นางพูดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอดว่า ต่อไปเขาจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องระหว่างพวกเขาไม่อาจเป็นไปได้ นางมิได้ใส่ใจผู้หญิง 2 คนนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีอนาคต แต่ว่า ในตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าเรื่องผู้หญิง 2 คนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ความอัดอั้นทั้งหมดที่นางมี บวกกับความกังวลเรื่องในอนาคต ก็ได้มลายหายไป สิ่งที่นางใส่ใจ หาใช่ผู้หญิง 2 คนนั้น
คืนนี้อวี่เหวินฮ่าวกลับมาจากกรมในเวลาดึกดื่น
หลังจากที่ขับไล่ซวีอีไปแล้ว เขายังคงเสาะหาองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสมไม่ได้ มีเพียงองครักษ์ในจวนคนหนึ่งที่มาทำหน้าที่ไปพลางๆ เขาเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เดินอย่างช้าๆ เพราะถึงอย่างไรเมื่อกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี มักคิดแต่จะไปหานาง สู้อยู่ข้างนอกสักพักเสียยังดีกว่า
เขาไปหากู้ซือ
กู้ซือเมื่อได้รับมอบหมายให้คอยรับส่งพระชายาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกลับวัง
ทั้งสองดื่มสุราเล็กน้อย กู้ซือทอดถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ด้วยเรื่องที่ถูกทางบ้านบังคับให้แต่งงาน
กู้ซือซึ่งเกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง เขายังเป็นถึงหัวหน้าหน่วยองครักษ์ประจำพระองค์ เขาไม่กังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดูดีมีชาติตระกูลดี แต่ว่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ยินยอมที่จะแต่งงาน เขาบอกว่า หากยังไม่เจอคนคนนั้น การแต่งงานก็ไร้ซึ่งความหมาย
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวได้ยินคำนี้แล้ว เขาเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย "เจ้าอยากเจอคนแบบไหนล่ะ?"
"คนที่ทำให้ท่านหัวเราะและร้องไห้ ทำให้มีความสุข ทำให้ทุกข์ใจ ทำให้หัวใจเต้นแรง ทำให้เจ็บปวดหัวใจ" กู้ซือมีอาการเมาเล็กน้อย เขาเริ่มรําพึงรําพันเรื่องความรัก
ในเวลานี้อวี่เหวินฮ่าวกำลังทุกข์ใจ และรู้สึกเจ็บปวด
เขากล่าวอย่างเลื่อนลอย "ถ้าหากมีคนเช่นนั้นปรากฏขึ้นมาจริงๆล่ะก็ นางมีแต่จะมอบความทุกข์ใจให้กับเจ้า ไม่มีความรื่นเริง ไม่มีความสุขใจ"
"มีความทุกข์ใจก็ต้องมีความสุขใจอย่างแน่นอน"
อวี่เหวินฮ่าวเงยหน้ากระดกสุราจนหมด เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาและกู้ซือพูดจาไปคนละทาง มิตรภาพของพวกเขาได้มาถึงจุดแตกหักแล้ว
แต่ว่า คำแนะนำครั้งสุดท้าย เขาชี้หน้ากู้ซือและพูดว่า "ทางที่ดีอย่าให้เป็นเช่นนี้เลย เจ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง"
กู้ซือดึงมือของเขา "ท่านนั่งลงก่อน ดื่มเป็นเพื่อนกระหม่อม ท่านนี่ไม่รู้อะไรเลย! ความรู้สึกที่ท่านมีต่อฉู่หมิงฉุ่ยคือรักแท้งั้นหรือ? ไม่ใช่หรอก ท่านไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนเพราะนาง หนึ่งวันที่ไม่ได้พบหน้ากัน ก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่น ท่านก็แค่คิดว่านางนั้นเหมาะสม ส่วนพระชายาของท่าน ช่างเถอะ ท่านถูกนางทำร้าย แต่มิได้รู้สึกอะไรกับนางแน่นอน"
อวี่เหวินฮ่าวผลักเขา "เจ้ามีสติหน่อยสิ" พูดจบ ก็จากไปอย่างไม่ไยดี
"กระหม่อมมีคนที่ชอบแล้ว!" กู้ซือตะโกนออกมาในทันที
อวี่เหวินฮ่าวหันหลังกลับมา นี่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ "ผู้ใดกัน?"
กู้ซือยกนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว "หยวนชิง……"
รองเท้าข้างหนึ่งถูกขว้างเข้ามากระทบกับใบหน้าของกู้ซือเข้าเต็มแรง อวี่เหวินฮ่าวพุ่งเข้ามาราวกับเป็นราชสีห์ที่กำลังโกรธพลุ่งพล่าน
กู้ซือถูกชกในทันใด ผู้ใดจะยอมง่ายๆเล่า? ด้วยฤทธิ์ของสุรา จึงพุ่งตัวไปต่อสู้กับเขาในทันที
ทั้งสองล้วนเป็นผู้มีวิทยายุทธติดตัว แต่กลับตะลุมบอนกันเยี่ยงอันธพาลในตลาด คนหนึ่งชก อีกคนก็ชก คนหนึ่งกระชาก อีกคนก็กระชาก ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็เหนื่อยหอบแล้วลงไปนั่งกับพื้น พลางจ้องมองกันด้วยสายตาอาฆาต
"เจ้าไปกินหัวใจหมีและดีเสือดาวมาหรืออย่างไร? พระชายาของข้าให้เจ้าคิดอาจเอื้อมได้หรือ?" อวี่เหวินฮ่าวหยิบเศษดินขึ้นมาปาใส่ฝ่ายตรงข้าม
กู้ซือโกรธจัด "นี่เจ้าเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ? ข้าไปคิดอาจเอื้อมภรรยาของเจ้าตั้งแต่ตอนไหน? คนที่ข้าชอบคือหยวนชิงผิงต่างหาก น้องสะใภ้ของเจ้าไง"
โธ่เอ๋ย เป็นเรื่องเข้าใจผิด? อวี่เหวินฮ่าวตะลึงงัน หยวนชิงผิงรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? เขาลืมไปเสียแล้ว แต่นางเคยมาที่จวนอ๋อง คำพูดคำจาค่อนข้างเฉียบแหลม
เขาเอ่ยถามสหายรักไปว่า "หยวนชิงผิงพูดจาค่อนข้างโผงผาง เจ้าไปชอบนางได้อย่างไรกัน? เมื่อก่อนเจ้าก็ไม่รู้จักนาง นี่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?"
กู้ซือจ้องมองเขา "ไยข้าต้องบอกเจ้าด้วย?"
"ก็ได้ เมื่อครู่นี้ข้าวู่วามไปหน่อย มา ข้าจะเช็ดหน้าให้เจ้านะ" เขาลุกขึ้นมาแล้วประคองกู้ซือ "เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? ไยเจ้าไม่บอกให้ข้ารู้บ้าง? นางเป็นน้องสะใภ้ของข้า ข้าพอจะช่วยเจ้าได้นะ"
กู้ซือโบกมือ "ช่างเถอะ ท่านห่วงตัวท่านเองเถอะ ดูความบุ่มบ่ามของท่านสิ ไม่ต้องช่วยกระหม่อมหรอก ยิ่งช่วยยิ่งวุ่นวาย"
อวี่เหวินฮ่าวยังคงข้องใจ "พวกเจ้าสองคนไปถูกใจกันตอนไหน?"
"ท่านทรงเชื่อในรักแรกพบหรือไม่? เพียงสบตากันครั้งแรก ท่านก็มั่นใจว่านางคือคนที่จะอยู่เคียงข้างท่านไปตลอดชีวิต" กู้ซือกล่าว
อวี่เหวินฮ่าวมองหน้าเขา รักแรกพบอะไรกัน? ช่างเหลวไหลสิ้นดี สงสัยกู้ซือคงจะเพี้ยนไปแล้ว
"ข้าเชื่ออยู่แล้ว นี่คือโชคชะตาฟ้าลิขิต เจ้าพยายามต่อไปนะ ข้าขอตัวก่อน" เขาตบบ่ากู้ซือเบาๆ แล้วหันหลังเดินจากไป
ต่อสู้กับกู้ซือไป 1 ยก เหงื่อไหลท่วมตัว อวี่เหวินฮ่าวขึ้นไปบนหลังม้า เขารู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อความบ้าระห่ำได้สิ้นสุดไป ความอ้างว้างก็เข้ามาแทนที่ เพียงสายลมพัดผ่าน ใบหน้าของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบ เขายิ้มแห้งๆออกมา นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ตะลุมบอนต่อสู้เช่นนี้ เนื้อตัวของเขามอมแมมไปหมด
กู้ซือชื่นชอบคนตระกูลหยวน ก็ไม่แปลกที่เขาจะผิดหวังและทนทุกข์ พ่อของเขาจะเห็นดีเห็นงามยอมให้เขาได้แต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหยวนได้อย่างไร? คิดไปก็เหนื่อยเปล่า
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท้ๆ ที่เขาต้องมาแต่งงานกับ……
เขาถอนหายใจ คำพูดนี้ เพียงนึกขึ้นมาก็สุดจะทน เมื่อสองวันก่อน เมื่อเขาเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็รีบกลับจวนอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ กลับจวนไปก็ไม่มีอะไรดี แต่ด้วยความเมาที่มากขึ้น เขาไม่อยากอยู่ข้างนอกต่อ จึงขี่ม้ากลับไปที่จวน
เมื่อเข้ามาในประตูจวนก็ให้คนเฝ้าประตูจูงม้าไปเก็บ แล้วเขาก็เห็นฉีโหลวเดินมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล "ท่านอ๋อง ดึกมากแล้ว เหตุใดท่านเพิ่งจะเสด็จกลับล่ะเพคะ?"
"ข้ายุ่งอยู่ มีอะไรหรือเปล่า?" เขาเดินเข้าไปข้างใน
ฉีโหลวเดินตามมา "พระชายาเสด็จมาที่หอเซียวเยว่เมื่อตอนหัวค่ำ นางนั่งรอท่านอยู่บนขั้นบันไดนานกว่า 2 ชั่วยามเลยเพคะ รอจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เสด็จกลับเลยเพคะ"
เมื่ออวี่เหวินฮ่าวได้ฟังก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปข้างใน "นางมีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรือ?"
"ถามแล้ว นางมิได้ตอบ ตรัสแค่เพียงว่าจะรอท่านเสด็จกลับมาเพคะ" ฉีโหลวตอบมาจากทางด้านหลัง
อวี่เหวินฮ่าวรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงหอเซียวเยว่ ก็ได้เห็นหยวนชิงหลิงกำลังนั่งอยู่บนขั้นบันไดหิน นางอิงศีรษะกับเสาต้นกลม ผล็อยหลับไปเสียแล้ว น้ำค้างยามดึกลงมา นางนั่งงอเข่าและขดตัว บ่งบอกถึงความรู้สึกหนาวเย็น
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางจึงค่อยๆลืมตา นางขยี้ตาและยังมองเห็นไม่ค่อยถนัด นางลุกขึ้นอย่างช้าๆ โดยเกาะเสาต้นกลมเอาไว้ ท่าทางของนางเหมือนจะยืนไม่ค่อยมั่นคง "ท่านกลับมาแล้วหรือ?"
"ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ตรงนี้? มีธุระอะไรหรือ?" เมื่อเขาหวนนึกถึงความเฉยชาของนาง เขาจึงเอ่ยถามโดยพยายามเก็บซ่อนความห่วงใยเอาไว้
"ข้าอยากจะคุยกับท่านหน่อย" ท่าทางของนางดูน่าสงสาร
เขาทนแทบไม่ได้ จึงพูดขึ้นมาว่า "เข้าไปคุยข้างใน"
เขาจ้องมองนาง แล้วเดินผ่านนางไป
หยวนชิงหลิงเดินตามและจามติดต่อกันถึง 2 ครั้ง เมื่อเข้ามาข้างในแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะหันหลังกลับไป หยวนชิงหลิงก็รีบโผเข้ามากอดเขาจากทางด้านหลัง
เขาตกตะลึง ตัวแข็งทื่อไปสักพัก
เสียงของนางขึ้นจมูก "ข้าหนาว ขอกอดหน่อยได้ไหม?"
เขาหันหลังมา แล้วจ้องมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์ นางเงยหน้าขึ้น แววตาน่าสงสาร เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วดึงนางเข้าไปกอดในอ้อมอก ใบหน้าของนางแนบชิดหน้าอกของเขา ช่างหนาวเย็นราวกับหิมะ
"หน้าของท่านเป็นอะไร?" นางเอ่ยถามในขณะที่ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมอก
"ไปต่อสู้กับกู้ซือมา" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาไม่เข้าใจเลยว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่ ดึกๆดื่นๆลงทุนมาถึงนี่และยังรอนานกว่า 2 ชั่วยาม ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ยังทำเฉยชาใส่เขา แถมยังพูดจาทำร้ายความรู้สึกตั้งมากมาย
นางเพียงร้องอ๋อ ไม่ถามว่าเพราะเหตุใด นางออกมาจากอ้อมกอดและพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้ เลือดไหลใหญ่แล้ว"
เขาพยักหน้าแล้วนั่งลง เขามองดูนางหยิบกล่องยาขึ้นมา ดูนางใส่อะไรบางอย่างลงไปบนสำลี นางช่วยเขาเช็ดเศษดินที่ติดอยู่กับบาดแผลอย่างระมัดระวัง
"เจ็บไหม?" นางถาม
เขามองหน้านาง "ไม่เจ็บ"
"ท่านดื่มสุรามาหรือ?"
"ดื่มมานิดหน่อย" เขาตอบ