หยวนชิงหลิงไม่อาจผลักเขาได้ นางทั้งเขินอายและโกรธเคือง "ข้าไม่อยากพูดเรื่องนี้ พวกเราเป็นเหมือนเมื่อก่อน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะดีที่สุด ท่านสั่งปลดข้า ต่างคนต่างอยู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขทางใครทางมัน"
เดิมทีก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นสองวันมานี้ เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด พวกเขาคงจะถูกบางอย่างครอบงำเข้าแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาต่างคนก็ต่างเกลียดกัน จะต้องเห็นผีมาแน่จึงเป็นเช่นนี้ได้
อวี่เหวินฮ่าวปล่อยมือจากนางอย่างช้าๆ "นี่เป็นความคิดของเจ้าจริงๆน่ะหรือ?"
"ใช่!" หยวนชิงหลิงไม่ยอมหันมามองเขา นางทำใจแข็ง "นี่เป็นความคิดของข้าที่มาจากใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนดอกไม้ เรื่องที่เกิดขึ้นบนรถม้า เมื่อมานึกย้อนดูแล้ว ช่างน่าอดสูจริงๆ ไม่สมควรเลยแม้แต่น้อย มันผิดไปจากข้อตกลงของเราเมื่อครั้งก่อน"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "ข้อตกลงของเราเมื่อครั้งก่อนคืออะไร?"
"หาโอกาสเหมาะ ให้ท่านสั่งปลดข้าเสีย" นางกล่าว
เขารู้สึกผิดหวัง หัวใจของเขาราวกับมีสายน้ำเย็นยะเยือกมาไหลล้อม ทั้งหนาวเหน็บและเจ็บแปลบ ที่เขารีบมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการอธิบายเรื่องราว แต่ว่า ที่แท้ ในใจนางกลับคิดเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนดอกไม้เป็นเรื่องที่น่าอดสูงั้นหรือ? ช่างน่าขันยิ่งนัก! เขายอมลดความทะนงตนลงมา แต่ว่า นางกลับไม่เห็นคุณค่า ช่างเถอะ มันน่าอดสูจริงๆ จนกระทั่งบัดนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกมัวเมาเช่นนี้
ทั้งสองนิ่งเงียบกันไปนาน และแล้วรถม้าก็ได้เดินทางมาถึงประตูจวน เขายังคงไม่ปริปากเอ่ยคำใดออกมา
หยวนชิงหลิงก็ไม่อยากพูด สิ่งที่นางได้เห็นเมื่อคืนนี้ ทำให้นางต้องขมขื่นตลอดทั้งคืน จะว่าไปแล้วก็ตลกสิ้นดี ในภายภาคหน้าถึงอย่างไรเขาก็ต้องมีภรรยาเพิ่มอยู่ดี ต่อให้นางชอบเขา แล้วอย่างไรล่ะ? ให้เขามีนางแค่เพียงคนเดียวตราบชั่วชีวิตงั้นหรือ? นั่นมันเป็นเพียงความฝัน ต่อให้เขาให้คำมั่นสัญญา นางก็ไม่มีทางเชื่อ ในตอนนี้ นางยังคงสะเทือนใจกับสิ่งที่นางได้เห็นมาเมื่อคืน
เมื่อมาถึงจวน ลงจากรถม้า ทั้งสองคนไม่ยอมมองหน้ากันแม้แต่น้อย ต่างคนต่างกลับเข้าไปในห้อง
ทานอาหาร ล้างหน้า พาสุนัขเดินเล่น อาบน้ำ นอนหลับ ทุกอย่างดูปกติดี
ทว่าในช่วงค่ำคืน กลับนอนกระสับกระส่าย
อวี่เหวินฮ่าวออกไปข้างนอกแต่เช้าและกลับเข้ามาตอนค่ำ หลายวันมานี้ คนทั้งสองไม่ยอมมองหน้ากันเลย
อวี่เหวินฮ่าวจะไปเยี่ยมหวายอ๋องหลังจากที่หยวนชิงหลิงออกมาจากจวนหวายอ๋องแล้ว หากไปเร็ว หยวนชิงหลิงยังไม่กลับไป เขาก็จะไม่เข้าไป โดยจะนั่งรออยู่ในรถม้า จนกระทั่งได้เห็นรถม้าของกู้ซือรับหยวนชิงหลิงออกไปแล้ว เขาจึงจะเข้าไป
หยวนชิงหลิงเองก็รู้ ตอนที่นางออกมาก็เห็นรถม้าของเขา ม่านหน้าต่างถูกเปิดขึ้น นางมองเห็นสายตาที่เย็นชาของเขา
ในช่วงเวลานั้นเอง หัวใจของนางก็รู้สึกเจ็บแปลบ
แต่นางก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
สองวันมานี้ ซุนอ๋องเองก็ไปที่จวนหวายอ๋อง เขายังพาพระชายาซุนอ๋องเสด็จไปด้วย
พระชายาซุนอ๋องทรงพระสิริโฉมยิ่งนัก รูปร่างก็งดงามไม่น้อย นางเดินเคียงข้างซุนอ๋อง ให้ความรู้สึกเหมือนโฉมงามกับเจ้าชายอสูร พระชายาซุนอ๋องไม่ค่อยได้เสด็จมาบ่อยนัก แต่เมื่อเสด็จมาก็มักจะนำของบำรุงมาด้วยเสมอ เห็นได้ว่านางเตรียมมาด้วยความใส่ใจ เพราะของบำรุงและหยูกยาที่นางนำมานั้นล้วนเป็นสิ่งของสำหรับโรคปอดโดยเฉพาะ
ฉู่หมิงฉุ่ยเคยมาครั้งหนึ่ง นางมากับฉีอ๋อง อวี่เหวินหลิงคอยจ้องมองนางตลอด แม้กระทั่งนางเข้าไปเยี่ยมหวายอ๋องในห้องแล้วก็ยังคอยตามติด เกรงว่านางจะก่อเรื่อง
ฉู่หมิงฉุ่ยและหยวนชิงหลิงได้คุยกันสองสามคำ ทั้งคู่ดูเกรงอกเกรงใจกัน เมื่อถามไถ่เรื่องอาการป่วยของหวายอ๋องเสร็จแล้ว ก็คำนับให้กันแล้วเดินจากไป ท่าทางของทั้งคู่ดูเหมือนไม่เคยมีเรื่องที่ไม่สบายใจเกิดขึ้น
อาการของหวายอ๋องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด วันเวลาที่หมอหลวงเคยพูดไว้ก็ได้ผ่านไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างปกติ และยังไม่ไอเป็นเลือดอีกด้วย อาการไอยังคงมีอยู่บ้าง แต่ก็บรรเทาลงไปมากแล้ว เขายังลุกมาเดินเหินได้อีกด้วย
ผู้ที่ดีอกดีใจมากที่สุดก็คือพระสนมหลู่ หลายวันมานี้ นางยกย่องหยวนชิงหลิงราวกับเป็นเทพเจ้า ไม่ว่าหยวนชิงหลิงอยากกินอะไร อยากใช้อะไร นางก็จะสั่งคนไปเตรียมมาให้เป็นอย่างดี
หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่สบายใจ
หลังมื้อกลางวัน เมื่อหยวนชิงหลิงฉีดยาให้หวายอ๋องแล้วก็นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในสวนของจวนหวายอ๋อง จริงๆแล้วนางรู้สึกไม่ชินเลย ผ่านไป 7-8 วันแล้ว พวกเขายังไม่มองหน้ากัน ทุกๆวันที่นางกลับจวน ผู้ที่เฝ้ารอนางก็คือหอเฟิ่งอี๋ที่เงียบเชียบ ฉีมามาผู้เจ้าระเบียบ และลู่หยาที่ชอบทำตามคนอื่น
คนที่จะพูดคุยด้วยก็ไม่มี นอกเสียจากตัวเป่า นางเริ่มนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเขา นางยืนอิงราวและมองไปยังมุมสวน
ณ สถานที่อันร่มรื่นแห่งนั้น เขาจุมพิตนาง ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ทุกๆรายละเอียด นางจดจำได้เป็นอย่างดี และยังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ความอบอุ่นของริมฝีปากของเขา สัมผัสจากนิ้วมืออันเรียวยาว ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"เหม่อลอยอะไรอยู่หรือ?" ใกล้ๆกันนั้น มีเสียงของซุนอ๋องดังขึ้น
หยวนชิงหลิงเงยหน้า ก็เห็นซุนอ๋องเอามือไพล่หลังเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขากำลังรอคอยคำตอบ ด้านหลังของเขามีบ่าวเดินตามมา 1 คน
"เปล่าเพคะ เพียงแค่ง่วงเล็กน้อย" หยวนชิงหลิงได้สติ
ซุนอ๋องนั่งลงและมองมาที่นาง "ข้าไม่ได้เจอน้องห้ามาหลายวันแล้ว เจ้ากับน้องห้าเป็นอะไรไปหรือ?"
"ก็มิได้เป็นอะไรนี่เพคะ!" หยวนชิงหลิงบ่ายเบี่ยง "หม่อมฉันกับเขาจะให้เป็นอะไรเล่าเพคะ?"
"ก็เจ้าไปทำลายความสัมพันธ์ของเขากับหญิงนางโลมมิใช่หรือ? ใครๆเขาก็เล่าลือกัน เจ้ายังตีผู้หญิงสองคนนั้นด้วย และไล่พวกนางให้ลงไปจากเตียง" ซุนอ๋องกล่าว
หยวนชิงหลิงตกใจสุดขีด แล้วนางก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ใครพูดหรือเพคะ? ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้?"
"คนข้างนอกเขาว่ากันมาอย่างนี้" ซุนอ๋องตอบ
"เหลวไหลที่สุด!" หยวนชิงหลิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด ชั่วร้ายจริงๆ นางไปตีผู้หญิงสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไร และยังไล่พวกนางให้ลงจากเตียงด้วยงั้นหรือ? เมื่อนางคิดเช่นนี้ขึ้นมาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด เหตุการณ์เช่นนั้น หากเป็นเรื่องจริงล่ะก็ ช่างน่าละอายเสียจริง
ซุนอ๋องเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "ไม่ใช่หรอกหรือ? แต่คนข้างนอกเขาพูดกันเช่นนี้นี่นา"
"แล้วอวี่เหวินฮ่าวรู้เรื่องนี้หรือไม่เพคะ?" หยวนชิงหลิงถาม
ซุนอ๋องถอนหายใจ "ขนาดเสด็จพ่อก็ยังทรงทราบ และทรงเรียกเขาเข้าวังไปตำหนิ"
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าตนควรจะร้องไห้หรือว่าหัวเราะ!
ซุนอ๋องมองดูนางพลางถอนหายใจเบาๆ "ช่างเถอะ อย่าคิดมากเลย เมื่อมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ก็แค่หาอะไรอร่อยๆกินก็ดีแล้ว วันหลังข้าจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ให้กับเจ้า รับรองว่าจะต้องทำให้เจ้าอารมณ์ดีแน่นอน"
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แม้ว่าซุนอ๋องผู้นี้จะพูดจาและมีท่าทางแปลกๆไปบ้าง แต่ว่า เขาดูไม่มีพิษสงมากที่สุด อีกอย่าง ในความคิดของเขา การปลอบโยนคนที่ดีที่สุดก็คือการเลี้ยงอาหาร แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนจริงใจ
"ขอบพระทัยเพคะ!"
ซุนอ๋องค่อยๆลุกขึ้นยืน "ไม่ต้องเกรงใจ ถึงตอนนั้นเจ้าคอยจ่ายเงินค่าอาหารก็พอนะ"
หยวนชิงหลิงจ้องมองเขา "เมื่อครู่นี้หม่อมฉันยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่เลย"
"ซาบซึ้งไปจะไปทำอะไรได้ ก็ข้าไม่มีเงินนี่" เขาถอนหายใจออกมา "แต่ละเดือนข้าก็มีแค่เศษเงินแค่เพียง 1 ตำลึง" เขาหันหลังไปพร้อมความรู้สึกอันหนักหน่วง แล้วจึงเดินจากไป
หยวนชิงหลิงรู้สึกว้าวุ่น เหตุใดข้างนอกจึงมีข่าวลือเช่นนี้ขึ้นมาได้? เห็นทีนางจะต้องไปถามทังหยางและซวีอีเสียหน่อยแล้ว
กู้ซือมาส่งนางกลับจวน นางให้ฉีมามาไปเรียกซวีอีมาพบ
ฉีมามากล่าวว่า "ซวีอีไม่อยู่ที่จวนอ๋องแล้วเพคะ"
"ไม่อยู่ที่จวนอ๋อง? ท่านอ๋องส่งเขาไปทำงานหรือ?" หยวนชิงหลิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
"ไม่ใช่เพคะ ซวีอีทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองพระทัย ท่านอ๋องทรงกริ้ว และไล่เขาไปแล้วเพคะ" ฉีมามากล่าว
หยวนชิงหลิงตกใจ "เขาทำอะไรลงไปหรือ?"
ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ซวีอีคนนี้ไม่เลวเลย แม้ว่าจะบางครั้งจะดูไม่น่าเชื่อถือไปบ้าง
ฉีมามาเล่าอย่างขุ่นเคือง "ซวีอีผู้นี้ปากเสีย ไม่รู้ว่าเขาไปได้ความคิดชั่วๆมาจากที่ใด เขาจัดผู้หญิง 2 คนเข้าไปในห้องของท่านอ๋อง ท่านอ๋องทรงกริ้วเป็นอย่างมาก และขับไล่เขาพร้อมทั้งผู้หญิง 2 คนนั้นออกไปทันที วันต่อมาซวีอีได้กลับมาที่จวนอ๋อง ท่านอ๋องยังคงยืนกรานว่าไม่ต้องการเขาแล้วเพคะ"
หยวนชิงหลิงตะลึง "อะไรนะ?"
"จะว่าเสียดายก็น่าเสียดายอยู่นะเพคะ เขาติดตามท่านอ๋องมานาน แต่กลับไม่รู้นิสัยของท่านอ๋อง ก็ไม่สมควรให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ ท่านอ๋องทรงไม่ฝักใฝ่ในเรื่องอย่างว่า จะไปรับผู้หญิงจากข้างนอกได้อย่างไรกัน?"
หยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ สองมือกุมศีรษะ เขา……วันนั้นเขาขับไล่ผู้หญิง 2 คนนั้นออกไปหรอกหรือ? พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า? เช่นนั้นก็แสดงว่านางได้กล่าวหาเขาผิดไปน่ะสิ?
ความรู้สึกอัดอั้นตลอดหลายวันมานี้ ภาพเหตุกาณ์ที่สวนดอกไม้และบนรถม้าได้วนเวียนอยู่ในสมองของนางในตอนนี้อย่างบ้าคลั่ง หยวนชิงหลิงเพิ่งจะได้รู้ว่า ตัวเองนั้นคิดถึงเขาเป็นอย่างมาก นางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
MANGA DISCUSSION