ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง - ตอนที่ 112 มั่นหมายด้วยจูบ
อวี่เหวินฮ่าวอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน มองดูนางด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก้มศีรษะลง หลบสายตา ดวงตาของนางสั่นไหวราวกับกวางน้อยที่ชนไปเรื่อย และรู้สึกเสียดายที่แยกออกจากกันในเมื่อครู่
อวี่เหวินฮ่าว หญิงคนนี้น่ารังเกียจนัก ต้องไม่ถูกนางสะกดเอาได้ แต่ทำไม ตอนนี้ถึงอยากทำตามใจนางได้?
หลังจากนั้นไม่นาน เขาพูดอย่างอ้ำอึ้ง "คืนนี้ข้าจะมารับเจ้า รอข้าด้วย"
หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "เพคะ ทราบแล้วเพคะ"
เขาหันกลับมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้น และหยุดอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงเงยหน้าด้วยความสับสน และมองที่เขาด้วยความประหลาดใจ
นางไม่รู้ว่าบ่นต่อว่าอะไรด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คนทั้งคนโน้มเข้ามา เข้ากอดนางอย่างกักขฬะ ทันทีที่เขาก้มศีรษะลง ริมฝีปากของเขาก็ถูกพิมพ์ลงอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาไม่ได้หยั่งเชิญอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่ แต่กดทับอย่างป่าเถื่อน มือทั้งสอง ลูบแผ่นหลังหลังของนาง กดเข้าหาราวกับต้องการบีบนางเข้าไปในร่างกาย หยวนชิงหลิงรู้สึกร้อนที่ท้องส่วนล่าง และความร้อนดูเหมือนจะแผดเผานาง
เขาดันลิ้นเข้าไป ไม่หยุดที่จะค้นหา ฟันของเขาสัมผัสเข้ากับลิ้นสีชมพูของนาง เขากัดเบาๆ สัมผัส และมือใหญ่ของเขาเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆจากด้านขวาของด้านหลัง หยุดอยู่ใต้รักแร้ชั่วครู่ แล้วลูบ ขยับ คลุม และจับไว้เบาๆ
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจ หัวของนางระเบิด และร่างกายของนางก็ร้อนระอุจากการระเบิด
คราวนี้ ความหมายของเขานั้นชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ปล่อยนางไปอยู่ดี
ก่อนที่ทั้งสองคนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาปล่อยมือ มองดูนางอย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังเดินจากไป
หยวนชิงหลิงเอนกายพิงลงที่ต้นไม้ หายใจเข้าลึกๆ หายใจลึกๆอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถนิ่งสงบลงได้ สวรรค์ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? บ้าไปแล้ว? นั่นคืออวี่เหวินฮ่าว เจ้าคนบ้านั่น นางลูบหน้าอก หายใจเข้าเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆจับต้นไม้ให้ยืนตัวตรง
เมื่อลืมตาขึ้น นางเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ในพุ่มไม้เล็กๆ ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของนางซีด และมีสีหน้าไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง น้ำตาในดวงตาของนาง กำปั้นของนางกำแน่น และท่ายืนของนางแข็งทื่อมาก
คือฉู่หมิงฉุ่ย
สบตามองกันและกันในอากาศ ความเกลียดชังและความริษยาเกี่ยวพันกันอย่างบ้าคลั่ง
ฉู่หมิงฉุ่ยรู้สึกเกลียดชัง และหยวนชิงหลิงรู้สึกเขินอาย เรื่องแบบนี้ไม่ควรให้ใครมาพบเห็น
ยิ่งกว่านี้คนๆนั้นค่อฉู่หมิงฉุ่ย
ฉู่หมิงฉุ่ยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ น้ำตาของนางถูกกลืนกลับ และความหึงหวงบนใบหน้าของนางหายไป นางยืนอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิงและยิ้มอย่างสนิทสนม "เห็นเข้าโดยบังเอิญ เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย"
ศัตรูชูหนามตั้งรับ แม้ว่าจะเป็นมีดเหล็ก หยวนชิงหลิงก็รู้สึกปกติ แต่ทว่า รอยยิ้มในตอนนี้ ช่างเยือกเย็นจริงๆ
นางพูดว่า "ข้ามิได้ใส่ใจ เจ้าใส่ใจหรือ"
ฉู่หมิงฉุ่ยยิ้มอย่างมีเสน่ห์มากกว่าเดิม "เหตุใดข้าถึงต้องใส่ใจด้วย ข้ามีความสุขมาก ในที่สุดพี่ฮ่าวก็หาความสุขของเขาพบแล้ว"
แสร้งได้เยี่ยงนี้เลยหรือ หยวนชิงหลิงไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่ทว่า ยังคงพูดตามธรรมเนียมว่า "ขอบคุณ!"
ไม่อยากขัดแย้งกับนางอะไรอีก เพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางโดยความคิดร้ายหรือการสมรู้ร่วมคิดของนางระหว่างการรักษา
ดวงตาของฉู่หมิงฉุ่ยขุ่นเคืองเล็กน้อย "อันที่จริงข้ายังค่อนข้างยอมรับไม่ได้ แต่ความเป็นจริง ข้าแต่งงานกับฉีอ๋องแล้ว เรื่องในอดีต อะไรที่ควรลืม ก็ควรจะลืมมันไปเสีย มิฉะนั้น มันจะยากต่อการดำเนินชีวิตต่อไป เจ้าพูดถูก เส้นทางที่ข้าเลือกเอง ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ข้าก็ต้องกัดฟันและเดินต่อไป"
หลังจากนั้น นางก็คำนับให้หยวนชิงหลิง "เรื่องตกน้ำ ข้าต้องขอโทษ มันเป็นความผิดของข้า"
หลังจากที่นางกล่าวคำขอโทษ ก็ไม่รอหยวนชิงหลิงตอบกลับใดๆ นางก็หันหลังเดินจากไป
หยวนชิงหลิงประหลาดใจ จู่ๆก็กลายเป็นคนอ่อนโยน ไม่อาจยอมรับได้จริงๆ แต่ว่า ช่างเถอะ ตราบใดที่ฉู่หมิงฉุ่ยไม่ได้มายั่วยวนนางก็เพียงพอ
มื้อกลางวันนางทานอาหารที่จวนหวายอ๋อง
องค์หญิงลั่วผิงก็เสด็จมาหลังจากที่ทุกคนทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
วันนั้นที่มาเยี่ยมหวายอ๋อง หยวนชิงหลิงก็เคยพบองค์หญิงลั่วผิงแล้ว ในเวลานั้นองค์หญิงลั่วผิงและองค์หญิงฉินผิงอยู่ด้วยกัน องค์หญิงทั้งสองพระองค์องค์สง่างามมาก ณ เวลานั้นหยวนชิงหลิงหลบอยู่ข้างๆ มิได้เข้าไปแนะนำตัว
วันนี้เผชิญหน้ากัน นางก็ไม่อาจเมินไม่สนใจได้
ฮองเฮาทรงมีพระธิดาสามพระองค์และโอรสสองพระองค์
องค์หญิงใหญ่อวี่เหวินจิ้ง ได้รับการแต่งตั้งนามว่าองค์หญิงเหวินจิ้ง ราชบุตรเขยชิวจย่ง บัณฑิตที่สอบผ่านสนามสอบระดับมณฑล และเป็นบุตรชายของครอบครัวตระกูลขุนนาง
องค์หญิงสามอวี่เหวินหลี ได้รับการแต่งตั้งนามว่าองค์หญิงลั่วผิง ราชบุตรเขยชุยหยาง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ในสำนักกรมอาญา
องค์หญิงหกอวี่เหวินฉิน ได้รับการแต่งตั้งนามว่าองค์หลินฉินผิง ราชบุตรเขยถันหมิงเจียง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ในสำนักกรมคลัง
ตำแหน่งของราชบุตรเขยล้วนเป็นตำแหน่งว่าง และไม่สำคัญ
แต่ว่า ราชบุตรเขยขององค์หญิงลั่วผิง ราชบุตรเขยชุยหยาง ซึ่งอยู่ในสำนักกรมอาญา
ตอนหยวนชิงหลิงวางแผนกับอวี่เหวินฮ่าวในจวนองค์หญิง นั่นคือจวนองค์หญิงลั่วผิง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงลั่วผิง
ดังนั้นองค์หญิงลั่วผิงจึงเกลียดหยวนชิงหลิงมาโดยตลอด
หยวนชิงหลิงหลีกเลี่ยงไม่ได้ จำต้องเผชิญหน้ากับองค์หญิงลั่วผิง
องค์หญิงลั่วผิงชำเลืองมองดูนางอย่างเย็นชาและตรัสว่า "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อรักษาเจ้าหก เจ้ามีความสามารถเยี่ยงไรนั้น คนอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่ข้ารู้ดีอยู่แล้ว กระทำเรื่องเลวทรามที่จวนของข้า ข้ายังไม่ได้ถือสาหาความกับเข้าเลย ถึงกับมาฉ้อโกงกัที่จวนหวายอ๋องแล้วหรือ"
หยวนชิงหลิงเข้าใจความโกรธขององค์หญิงลั่วผิงเป็นอย่างดี
สำหรับงานวันเกิดของนางเอง นางเชิญญาติและสหายมาฉลอง เดิมเป็นงานที่เป็นเกียรติมาก ร่วมทานอาหารเย็นและเชิญคณะละคร แต่ว่า เกรงว่าองค์หญิงลั่วผิงคงคิดไม่ถึงว่า คณะละครที่นางเชิญมา ฝีมือการแสดงนั้นช่างห่างไกลจากกว่าสองพ่อลูกจากจวนจิ้งโหว! ทำให้นางต้องอับอาย เสียศักดิ์ศรี ที่ร้ายแรงที่สุดคือ นางถูคนหลอกใช้จนต้องทำเรื่องชั้นต่ำเยี่ยงนั้น ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของนาง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้กระทำผิดอย่างหยวนชิงหลิงไม่สามารถทำเช่นเดียวกันกับตอนที่นางเผชิญหน้ากับพระชายาจี้อ๋องเหมือนในเมื่อครู่ นางหลบตา ฝึกการแสดงของฉู่หมิงฉุ่ย น่าสงสารและพูดกระซิบ "มันเป็นราชประสงค์ของเสด็จพ่อ"
"เจ้าจะใช้เสด็จพ่อเพื่อปราบปรามข้างั้นหรือ " องค์หญิงลั่วผิงขมวดคิ้ว
"มิกล้า!" หยวนชิงหลิงโบกมืออย่างรวดเร็วและส่ายหน้า "อันที่จริง ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเสด็จพ่อถึงทรงรับสั่งเยี่ยงนั้น"
องค์หญิงลั่วผิงเพียงต้องการจะระบายความโกรธ แต่ตอนนี้นางเห็นความน่าสงสารของนาง ไฟโกรธในท้องของนางก็ลดลง
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพระชายาจี้อ๋องไม่ได้ตั้งใจจะรามือ ช่วยองค์หญิงลั่วผิงอย่างเต็มกำลัง
นางก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมสีหน้าที่ปลอบโยน "พระชายาฉู่ เรื่องการรักษา เจ้าสามารถบอกองค์หญิงได้ วันนี้เจ้าตำหนิข้าและพระสนมหลู่ที่ไม่ทราบกฎการรักษา องค์หญิงทรงมีความรู้ที่กว้างขวาง พระองค์จะทรงเข้าใจแน่ ทำไมเจ้าไม่บอกองค์หญิงเสียก่อน จะได้ไขข้อสงสัยขององค์หญิง"
หยวนชิงหลิงเหลือบมองที่พระชายาจี้อ๋อง เหตุใดทุกที่ต้องมีปากพล่อยๆของนางนะ?
องค์หญิงลั่วผิงได้ยินว่านางยังกล้าประณามพระสนมหลู่และพระชายาจี้อ๋อง ทันใดนั้นก็เยาะเย้ย "น่าเกรงขาม ช่างน่าเกรงขามนัก พอได้รับราชโองการของเสด็จพ่อ ก็ไม่แยกแยะความสูงต่ำเลยสินะ แม้แต่พระสนมหลู่และพระชายาจี้อ๋องยังกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์? เจ้านี่มันต่ำต้อยเลวทรามนัก จำไม่ได้หรือไงว่าตำแหน่งพระชายาฉู่ของเจ้านี้ได้มายังไง วันนี้จะให้ข้าพูดถึงเรื่องน่าขยะแขยงที่เจ้าก่อขึ้นในจวนองค์หญิงต่อหน้าทุกๆคนหรือไม่ ในชีวิตข้า ข้าเคยพบเห็นผู้คนมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เจ้าแต่งงานกับเจ้าห้า ซึ่งมันทำให้ราชวงศ์มัวหมองอย่างแท้จริง"
คำพูดเหล่านี้ เก็บอยู่ในใจขององค์หญิงลั่วผิงมาหนึ่งปีเต็ม วันนี้ถือโอกาสระบายต่อหน้าทุกคน จู่ๆก็มีความสุขขึ้นมาทันที
หยวนชิงหลิงก็มีความสุขมากขึ้นเช่นกัน เพราะผู้คนมักจะนิ่งเงียบไม่ยอมพูดออกมา และความแค้นก็จะดำเนินต่อไป แต่เมื่อความแค้นถูกปลดปล่อย จิตใจก็จะสงบลง
นางยืนอย่างเรียบร้อย และคำนับต่อองค์หญิงลั่วผิง "องค์หญิง ข้าขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนองค์หญิงเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เรื่องนี้ข้าผิดไปแล้ว ตอนนี้เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับมัน ข้าเองก็รู้สึกอึดอัด อับอาย ผิดหนึ่งก้าว ก็ผิดทุกๆก้าว แม้แต่ตัวข้าเองก็ให้อภัยตัวเองไม่ได้ และเพราะความคิดส่วนตัวของข้า ข้าทำร้ายท่านอ๋อง ในปีนี้ ท่านอ๋องต้องเสียชื่อเสียงเพราะข้า เสด็จพ่อทรงผิดหวังต่อเขามาก วันนี้ ต่อหน้าทุกคน ข้าต้องขอโทษท่านอย่างจริงใจ และ ข้าจะไปขอโทษท่านอ๋องภายหลังด้วย!"