ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 90 เเรื่องผิดปกติอย่างนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ
- ตอนที่ 90 เเรื่องผิดปกติอย่างนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง
ซูหว่านเอ้อร์เหมือนกับท้อแท้ เมื่อสักครู่ยังพูดกัดอยู่เลยว่าชุนหลิงแว้งกัดตัวเอง ตอนนี้ยังไม่มีความมั่นใจ แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ นางก็ยังจ้องไปทางชุนหลิง อยากจะรีบเข้าไปฆ่านางให้ตายซะ
เรื่องมาถึงตอนนี้ชุนหลิงก็ไม่เกรงกลัวแล้ว ก้มหน้าลงแล้วแต่นางจะมอง
ซูซืออวี้ที่ตอนนี้สับสนว้าวุ่น อยากจะให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว และไม่อยากคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับซูหว่านเอ้อร์ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องมากเกินไปแล้ว
เขาสั่งคนนำชายกเข้ามา ไม่มีใครปริปากเอ่ยสักคน
ส่วนทางนี้นั้นเงียบผิดปกติ เซี่ยเถาถือโอกาสมาหาแม่นางแซ่หลิว กำชับนางให้อยู่เงียบๆ ไปก่อน อย่าพึ่งเข้าไปแทรก และก็ห้ามไปมีเรื่องบาดหมางกับซูหนานอีเด็ดขาด
แม่นางแซ่หลิ่วถามทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เซี่ยเถาเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้นางฟัง จากนั่งกำชับนางอีกสักกี่ประโยคแล้วก็รีบออกไป
แม่นางแซ่หลิ่วยกมือขึ้นมาสาวพู่ที่อยู่ข้างหู มองดูเองในกระจก หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี นางถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปที่เรือนเซี่ยชื่อ
ระยะเวลาสองสามวันมานี้ เซี่ยชื่อมีสภาพทรุดโทรมดูไม่ได้เอาเสียเลย ใบหน้าซีดหมอง ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะหวีผม ดูแก่ลงไปมาก เหมือนกับแกกว่าเดิมถึงสิบปี
พอเห็นแม่นางแซ่หลิ่วเดินมา เซี่ยชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ใหญ่ให้นางมาช่วย แต่ในใจก็รู้สึกอิจฉาอย่างปิดไม่มิด แล้วพยายามนั่งยืดตัวตรงแล้วนำเงินออกมาวาง
“เจ้ามีธุระอันใด”
แม่นางแซ่หลิ่วมีสีหน้าแตกตื่น ถอยออกมาเล็กน้อยแล้วมองนาง “ท่านยังไม่ทราบหรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูรอง!”
“อะไรนะ!”
ซูซืออวี้กำลังนั่งอยู่เงียบๆ เหมือนกับโดนเข็มปักไว้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง เงาตัวพุ่งเข้ามาหาตรงหน้าซูหว่านเอ้อร์
“ซูหว่านเอ้อร์ ลูกสาวของข้า ……นี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ท่านแม่!” ซูหว่านเอ้อร์พอเห็นนางก็บ่อน้ำตาพังทลายไหลออกมา ในที่สุดก็มีคนเข้าใจนางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“เป็นสาวใช้ชั้นต่ำนี่ทำร้ายลูก”
เซี่ยชื่อมองไปทางชุนหลิง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้าไปตบหน้านางสองครั้ง “ต่ำทราม! หน้าไม่อาย เจ้ายังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีก หน้าจะตายตั้งแต่อยู่ข้างนอกแล้ว จะได้ไม่มาสร้างความเสื่อมเสียให้กับจวนตระกูลซูของเรา ตัวเจ้าเองไม่รู้จักอับอาย ยังคิดมาใส่ร้ายบุตรสาวของข้าอีก! .ใครก็ได้เข้ามานี่! ,มานำหญิงต่ำทรามคนนี้ไปโบยให้ตายไปเลย!”
นางมาอย่างกับพายุลม พูดก็รวดเร็วจนซูซืออวี้ยังไม่ทันตั้งตัว จนได้ยินเสียงนางบอกว่าให้ไปโบยให้ตาย เหมือนกับถูกไม้ตีหัวถึงตั้งสติกลับมาได้
ใต้เท้าจ้าววางถ้วยชาลง ก็หัวเราะหยันดังขึ้น: “ท่านซู มิน่าบุตรสาวคนรองของท่านก่อนนี้นี้มักจะลงโทษบ่าวจนตาย สาเหตุมาจากตรงนี้นี่เอง”
ซูซืออวี้อยากจะมุดแผ่นดินหนีเลยทีเดียว เหมือนมาด่าอยู่บนปลายจมูกเขาด่าว่าตระกูลซูไม่สั่งสอนหรอกหรือ
ซูหนานอีเอ่ยเสียงเรียบ: “น้าเซี่ยช่างรู้ข่าวไวเสียจริง ไม่ต้องพูดถึงท่านอ๋อง ใต้เท้าจ้าวก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ที่ศาล แต่ก็อยู่ในช่วงไต่สวน ท่านอ๋องยังไม่ออกความคิดเห็น พอท่านเข้ามาก็คิดจะโบยคนให้ตาย บังอาจมาก”
ซูซืออวี้ทนจนทนไม่ไหวแล้ว ก็เข้าไปจับเข้าที่ข้อมือของนาง “ใครให้เจ้าออกมา ไม่ใช่สั่งกักบริเวณเจ้าหรอกหรือคำสั่งข้าไม่มีความหมายสำหรับเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ไม่ใช่ข้าขัดคำสั่งท่าน เพียงแต่ข้าไม่อยากทนเห็นซูหว่านเอ้อร์ของเราไม่ได้ความเป็นธรรมอย่างนี้! นางมีนิสัยอ่อนโยนจิตใจดี จะทำ……”
“นางอ่อนโยนจิตใจดีอย่างนั้นหรือ” ซูหนานหัวเราะเบาๆ เสียงเหมือนถูกส่งออกมาจากหน้าออก “คิดวิธีร้ายกาจอย่างนี้ออกมาได้ อีกทั้งยังทำร้ายข้าหลายครั้ง ข้าก็พึ่งเคยเห็นนิสัยอ่อนโยนจิตใจงามอย่างนี้”
“เจ้า……” เซี่ยชื่อกัดฟันแน่น แต่พอมองเห็นหยุนจิ่งก็อยู่ด้วย ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ฝืนกลืนลงคอ แล้วหันไปข้อร้องอ้อนวอนกับซูซืออวี้ “ท่านพี่ ซูหว่านเอ้อร์เป็นลูกในไส้ของท่าน ท่านก็เห็นนางเติบโตมายังไง นางเป็นคนยังไงท่านจะไม่รู้เชียวหรือ เพียงแค่คำพูดของสาวใช้ต่ำทรามคนนี้ก็จะ……”
ครั้งก่อนที่ข้ามา เจอคุณหนูซูที่ไม่มีฮูหยินใหญ่ แต่คุณหนูใหญ่ก็ไม่เลวเลยที่เดียว แต่วันนี้ ……” เขาส่ายหัวเบาๆ ความหมายก็คืออย่างที่รู้กันอยู่
ตอนนี้ซูซืออวี้หน้าไม่มีสีแล้ว เขาลากเซี่ยชื่อออกไปข้างนอก “ออกไป! ไสหัวกลับเรือนของเจ้าไปซะ หากกล้าข้ามาวุ่นวายพูดจาเหลวไหลทำให้ขายหน้าอีก งั้น……ข้าก็จะส่งเจ้าไปอยู่ที่ร้านข้างนอก”
เซี่ยชื่อได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจอึ้งไม่พูดอะไรออกมา เหมือนอยากจะพูดอะไร คนของศาลที่ถูกใต้เท้าจ้าวสั่งให้ให้ออกไปหานำหลักฐานมาได้กลับมาแล้ว ทุกคนต่างมองมาที่พวกเขา
ซูหนานอีกวาดสายตามองข้างหลังพวกเขา ว่างเปล่าไม่เห็นคนมาด้วย นางก็รู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้ไปเสียเที่ยวแล้ว
คนของที่ว่าการเข้ามาแจ้ง “รายงานใต้เท้า ข้าได้ไปที่หอเหมียนชุนแล้ว ไม่เห็นคนงานทั้งสองคนขอรับ”
ใต้เท้าจ้าวเลิกคิ้วสูง “ไม่เจออย่างนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร พวกหอเหมียนชุนกล้าซ่อนตัวคนอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ แต่เพราะคนงานทั้งสองคนได้หายตัวไปแล้ว คนของหอเหมียนชุนบอกว่า เมื่อคืนก็ไม่เห็นพวกเขาทั้งสองแล้วขอรับ”
ใต้เท้าจ้าวถึงกับตกใจ หันไปมองชุนหลิง
ชุนหลิงก็มีสีหน้าร้อนรน “นี่…… ใต้เท้า บ่าวก็ไม่รู้เรื่อง เรื่องที่บ่าวกล่าวมาล้วนเป็นความจริงทั้งหมด”
“ข้าถามเจ้า เมื่อคืนวาน พวกเขานำเจ้าไปที่ใด”
“เอ่อ……” ชุนหลิงส่ายหน้า “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ ตอนนั้นบ่าวถูกทำให้สลบไป ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด”
นางพูดไปหน้าก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด เหตุการณ์เมื่อคืนวานนางไม่มีวันลืมจนวันตาย แต่ไม่กล้าพูดออกมา กำมือแน่นเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
ซูหนานอีคาดเดาว่า บ่าวรับใช้สองคนนั้นอาจจะถูกฆ่าปิดปากแล้วก็เป็นได้ เลยมีการเปลี่ยนตัวผู้ร้ายตั้งแต่แรกแล้ว
หากไม่มีหลักฐานแล้ว ใต้เท้าจ้าวก็รู้สึกลำบากใจ อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ว่าความจริงๆ ยังพูดข่มขู่ว่าจะตัดสินโทษอะไร หนำซ้ำยังอยู่ที่บ้านของเขาอีก
เซี่ยชื่อก็สาดน้ำมันเข้าใส่อีก เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นก็เข้าไปฟุบลงกับพื้นตรงหน้าใต้เท้าจ้าว “ใต้เท้าเจ้า ตามหลักแล้วข้าไม่ควรจะพูดมาก แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงความบริสุทธฺ์ของบุตรสาวของข้า อยากให้ท่านไต่สวนให้กระจ่างด้วยเถิด ไม่ใช่เพียงเพราะสาวใช้ชั้นต่ำนี่ก็ตัดสินความว่าบุตรสาวข้ามีความผิด……”
ชุนหลิงรีบเอ่ยสวนปฏิเสธทันควัน “บ่าวไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ……”
เหมือนจะทะเลาะขึ้นมาต่อหน้าใต้เท้าจ้าว ใต้เท้าจ้าวเลยโบกมือเอ่ยอย่างขอไปที: “เอาล่ะๆ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน ถึงแม้จะมีคำให้การของแต่ละคน แต่ข้าเชื่อว่า ความยุติธรรมอยู่ในใจของตัวเองอยู่แล้ว ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ข้าจะไม่ยอมรามือง่ายๆ หรอก ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ตาม ชุนหลิงเป็นผู้ถูกกระทำนั้นเป็นเรื่องจริง จุดประสงค์เพื่อทำร้ายคุณหนูซูก็เป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เจ้าเป็นคนกระทำผิดจะยอมรับหรือไม่”
ชุนหลิงตัวสั่น ค่อยก้มหัวลงพื้น “ผู้น้อย ยอมรับเจ้าค่ะ”
“ดี ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ข้าจะกลับจวนก่อน รอให้หาข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้ว จะมีคนนำตัวเจ้ากลับไป อีกทั้งจะนำตัวเจ้าไปกักขังชั่วคราว รอให้ข้าไขคดีให้กระจ่าง ค่อยตัดสินความอีกที วิธีนี้เจ้ายอมหรือไม่”
ชุนหลิงก้มหน้ากัดฟันแน่น นางไม่อยากยอมรับวิธีการนี้ เพราะหนึ่งนางได้ยอมรับผิดแล้ว สองนางก็ไม่มีที่ไป หากยังอยู่ที่จวนนี้ล่ะก็ นางที่เป็นเพียงสาวใช้จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของสองแม่ลูกนั้นได้อย่างไร ไม่แน่อาจจะแม้แต่ชีวิตก็อาจจะไม่มีเหลือแล้ว!
. “ผู้น้อย ยอมรับวิธีการนี้เจ้าค่ะ”
ซูหนานอีแอบชื่นชมอยู่เงียบๆ ใต้เท้าจ้าวช่างมีความสามารถจริงๆ ในระหว่างที่คิดนั้นก็ได้มีการจัดที่พักให้กับชุนหลิง เรือนจำหญิงแม้นฟังแล้วดูน่ากลัว แต่เป็นการป้องกันความปลอดภัยให้กับชุนหลิง เพื่อไม่ให้ถูกปองร้ายจนตาย
ใต้เท้าจ้าวลุกขึ้นยืนแล้วหันมาหาซูซืออวี้ : “ท่านซู ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอตัวก่อน หากภายภาคหน้าส่งมา ขอให้ท่านให้ความร่วมมือด้วย ท่านวางใจได้ ข้าจะพยายามรักษาหน้าของสกุลซูไว้ให้มากที่สุด เมื่อถึงตอนนั้นจะส่งคนมานำตัวไปทางด้านหลังจวน”
ตอนที่เขาเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมานั้น หันไปทางซูหนานอีกับหยุนจิ่ง เห็นได้ชัดว่าหน้าตาที่ว่านี้หมายถึงหน้าตาของพวกเขา
ซูซืออวี้มีเหตุผลอะไรหรือที่จะไม่ รับปาก รีบพยักหน้าทันที ได้แต่ถอนหายใจโล่งอยู่ภายในใจ
จากนั้นเดินออกมาส่งใต้เท้าจ้าว ชุนหลินก็ถูกนำตัวออกไปด้วย ซูหว่านเอ้อร์กับเซี่ยชื่อก็ทรุดนั่งลงกับพื้นนิ่ง
เมื่อสักครู่เห็นเหตุการณ์ที่พวกนางเผชิญที่อันตรายที่สุดตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่เมืองหลวง
ซูหนานอีส่งสายตาประกายและเย็นเยือก เดินมาอย่างไม่ใส่ใจ “ซูหว่านเอ้อร์ ยกก้อนหินมาทับขาตัวเอง สนุกหรือไม่”
ซูหว่านเอ้อร์ก็พูดออกมาอย่างไม่ยอม “อย่าพึ่งได้ใจไป”
ซูหนานอีขมวดคิ้วเล็กน้อย “้โอ๊ะ? เจ้าพูดอย่างนี้ แสดงว่ายังไม่ยอมแพ้สินะ ยังมีวิธีใดอีก”
หยุนจิ่งเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ: “เจ้ากล้า!”
ซูหว่านเอ้อร์เม้มฝีปากแน่นไม่กล้าโต้ตอบ เซี่ยชื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กอดนางไว้แน่น
ซูหนานอีก้มหน้าลงมองพวกนางสองแม่ลูก: “ซูหว่านเอ้อร์ หมั่นสะสมบุญไปเถอะ สาวใช้ที่เจ้าสั่งโบยจนตายไปไม่กี่วัน เจ้าลืมไปแล้วหรือ ชุนหลิงติดตามเจ้ามานานหลายปี หากนางตายไปแล้ว เจ้าลองเดาดูสิว่า วิญญาณของนางจะมาหาใคร”