ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 87 พิษร้ายที่สุดในใต้หล้าคือจิตใจคน
ชุนหลิงสะบัดหน้าไปมา เหมือนลมพัดใบไม้อยู่ แล้วชี้นิ้วไปทาง
ซูหว่านเอ้อร์
แววตาซูหนานอี เหลือบมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนทำเป็นมองซูหว่านเอ้อร์
ซูหว่านเอ้อร์อึ้งสีหน้าซีดเผือด พอเห็นชุนหลิงก็รู้สึกเย็นเยือกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นิ้วที่ชี้มาของชุนหลิงราวกับมีดแหลมคมทำให้หล่อนหายใจไม่ออก ไม่เพียงแต่เรื่องล้มเหลวเป็นผุยผง แถมยังมองซูหนานอีด้วยท่าทางหวานกลัว และยังมีหยุงจิ่งอยู่ด้วยอีก
ความสงสัยของซูซืออวี้นั้นพอมีหลักฐานมายืนยันก็โกรธขึ้นมาทันที และไม่ไว้หน้าเซี่ยเถาอีกต่อไปแล้ว กระโดดเข้าไปถีบไหล่ของซูหว่านร์เอ้อร์ “เจ้ามันลูกไม่รักดี! เสียแรงที่ข้าเลี้ยงเจ้ามาจนโตจนถึงป่านนี้!”
ซูหว่านเอ้อร์ที่ถูกเขาเตะจนกระเด็นไปกองกับพื้น ร่างกายคลุกไปด้วยดินกะพริบตาไปมาเกือบจะเป็นลมแล้ว
แม่บ้านชุย ได้แต่กอดแขนตัวเองไว้ตามองนางปริบๆ ไม่ได้เข้าไปพยุงนาง
ซูหว่านเอ้อร์พยุงตัวขึ้นหอบ มองชุนหลิงด้วยแววตาอาฆาต “สาวใช้ชั้นต่ำ!” เจ้าพูดเหลวไหล กล้าพูดใส่ร้ายป้ายสีข้า! ผู้ใดกันให้เจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า หรือเป็นแม่นางแซ่หลิวแพศยานั่น หรือเป็นซูหนานอี”
เซี่ยเถาคิ้วหมวด ในใจคิดว่าทำไมหลานสาวของเขาถึงไร้มารยาทขนาดนี้ ถึงตอนนี้แล้วยังกล่าวโทษแม่นางหลิ่ว หรือว่านางคิดว่าไม่มีแม่นางแซ่หลิ่วแล้วพวกนางสองแม่ลูกแล้วจะสามารถกุมอำนาจในจวนซูได้หรือ เซี่ยเถาขำอยู่ในใจ คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ ไม่สามารถทำให้ฉลาดขึ้นมาได้ เขาค่อยๆ ถอยหลังหลบไปข้างหลังโดยไม่มีใครสังเกตจากนั้นก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ
ซูหนานอีเห็นตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็คร้านที่จะสนใจเขา เขาเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเล็กๆ เท่านั้น
ชุนหลิงปิดเปลือกตาลง น้ำตาไหลลงมา “คุณหนูรอง ท่านพูดอย่างนี้ได้อย่างไร บ่าวมีสภาพเป็นอย่างนี้แล้ว ถึงแม้รอดชีวิตมาได้แต่ก็ยังไม่รู้จะรักษาหายมั้ย ท่านเป็นคนบงการบ่าวเอง ไส่ร้ายป้ายสีท่านแล้วจะมีประโยชน์อันใดกับข้าเล่า”
ซูหว่านเอ้อร์จ้องนางพร้อมกับกำมือแน่น พยายามทนเจ็บแล้วพยุงตัวลุกขึ้นมา “เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นคนของหญิงแพศยาแม่นางแซ่หลิ่วนั่น ไม่ใช่ข้า!”
ซูซืออวี้ได้ยินนางพูดออกมาจากปากว่าหญิงแพศยา ก็โกรธขึ้นมาอีก:”หุบปาก! เจ้าดูเจ้าตอนนี้สิยังหลงเหลือความเป็นคุณหนูอยู่หรือไม่ พูดแต่ละคำออกมาล้วนฟังไม่ได้เป็นคำหยาบคายทั้งนั้น ใครเป็นคนสั่งสอนเจ้ากัน”
ชุนหลิงตาแดงก่ำ มือกำเสื้อตรงหน้าอกแน่นแล้วเอ่ย: “คุณหนู แม้นว่าตอนนี้ข้าจะติดตามแม่นางแซ่หลิ่ว บ่าวโตมาพร้อมกับคุณหนู หลายปีมีนี้ทุ่มเททั้งกายและใจ คอยดูแลและทำตามท่านสั่งทุกอย่าง ……หรือว่าแม้ท่านไม่เห็นแก่ความผูกพันที่เคยมีมาเลย อยากเห็นข้าตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ”
” แค่ชีวิตสาวใช้ชั้นต่ำคนเดียว ตายไปแล้วยังไง!” ซูหว่านเอ้อร์ก็โมโหคลุ้มคลั่งแววตาแดงก่ำ อยากพูดจาร้ายๆ อะไรก็พูดออกมา
ซูหนานอีเห็นว่านางโมโหจนจะใกล้เป็นบ้าไปแล้ว ก็คิดอยู่ในใจ จิตใจคนนี้หากได้ร้ายขึ้นมา นั้นน่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด พอคิดร้ายขึ้นมา น่ากลัวกว่ายาพิษทุกชนิดในใต้หล้าอีก
ซูหว่านเอ้อร์พึ่งพูดจบ ได้ยินเพียงเสียงเย็นเยือกดังขึ้นมา “คุณหนูรองระวังคำพูดด้วย!”
ทุกคนหันกลับไปมอง เป็นใต้เท้าจ้าวนั่นเองที่ยืนอยู่หน้าประตู
หน้าซูซืออวี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำไมใต้เท้าจ้าวมาโดยไม่บอกไม่กล่าวเลยล่ะ และก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้ง มัวทำอะไรกันอยู่
เขาไม่กล้าเชื่องช้า รีบเดินเข้าไปคารวะ ใต้เท้าจ้าวมองนิ่ง “ท่านซู เชิญท่านนำไปที่เรือนรับแขกจะดีกว่า ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาในเรือนหลัง เพียงแต่เมื่อสักครู่เห็นคนยกหญิงสาวใช้เข้ามาในนี้ เลยเดินตามเข้ามา”
ซูซืออวี้ก้มหน้าเกือบถึงเอวแล้วเอ่ยขอรับไม่หยุด
ใต้เท้าจ้าวมองเห็นซูหนานอีกับหยุนจิ่ง “ท่านอ๋อง คุณหนูซู ขอให้พวกท่านไปด้วยกันได้หรือไม่”
หยุงจิ่งมองซูหนานอี ซูหนานอีเอ่ย “ได้”
ใต้เท้าเจ้า “……”
ใต้เท้าจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะใต่สวนให้กระจ่าง”
ซูซืออวี้เดินนำทางอยู่ด้านหน้า ขาทั้งสองข้างก็อ่อน ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่เรือนรับรองของเขาจะเป็นที่ที่ใต้เท้าจ้าวใช้เป็นที่ไต่สวน
ชุนหลิงถูกยกมาถึงหน้าประตู นางเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ไม่ใช่ว่าจะเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว พยายามปีนลงมาจากเปลด้วยตัวเองเข้าไปในเรือนกำลังจะคุกเข่าก็เห็นใต้เท้าจ้าวโบกมือให้ “ช่างเถอะ นั่งเก้าอี้เถอะ”
บ่าวรับใช้ได้นำเก้าอี้เล็กๆ มาให้ ชุนหลิงเอ่ยขอบคุณแล้วนั่งลง
จากนั้นใต้เท้าจ้าวก็สอบสวน: “เจ้าเป็นผู้ใด”
“ข้าน้อยมีชื่อว่าชุนหลิง” ชุนหลิงเอ่ยตอบเสียงเบา “เมื่อครั้นก่อนเคยเป็นสาวรับใช้ของคุณหนูรอง และเมื่อสองวันก่อนถูกส่งให้ไปเป็นสาวรับใช้ที่ในเรือนของแม่นางแซ่หลิ่วเจ้าค่ะ”
“แม่นางแซ่หลิ่วเป็นผู้ใด” ใต้เท้าเจ้าสอบสวนต่อ
ซูซืออวี้หน้าแดง “เป็น……เป็นแขกคนสำคัญของผู้น้อย”
ใต้เท้าจ้าวพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที หากแม้นต้องการ ยังต้องรบกวนท่านซูเชิญมา”
“ขอรับ ๆ ”
ใต้เท้าจ้าวไต่สวนต่อ: “ชุนหลิง คุณหนูซูไปที่ศาลเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเจ้า ขอร้องข้าใต่สวนหาความจริงเรื่องที่เจ้าถูกทำร้าย เพราะเรื่องของเจ้าทำให้คุณหนูซูถูกเข้าใจผิด เสื่อมเสียชื่อเสียง และโยงไปถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ ดังนั้นเรื่องจริงเป็นอย่างไร เจ้าต้องเล่ามาให้ละเอียด”
ชุนหลิงหายใจเข้ามือกำกระโปรงแน่น ไม่กล้าสบตาซูหนานอี นางรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นซูหนานอีหรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหล่อน ล้วนเป็นคนที่นางไปมีเรื่องด้วยไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก! และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะซูหว่านเอ้อร์บังคับให้นางทำ!
นางกัดฟันแน่นตัดสินใจเล่า: “ตอบใต้เท้า ผู้น้อยมีความผิด! ผู้น้อยถูกบังคับโดยคุณหนูรอง นางให้บ่าวแอบเอาเงินไปให้คนของหอเหมียนชุน อีกทั้งยังให้บ่าวคอยจับตาดูคุณหนูใหญ่แล้วส่งข่าวให้พวกเขา ให้พวกเขามาจับตัวคุณหนูใหญ่ ทำลายความบริสุทธิ์ของนาง ให้นางสูญเสียที่พึ่งใหญ่อย่างจวนอ๋องเป่ยลี้”
ซูหนานอีหน้าซีด เผยสีหน้าเศร้าและตกใจออกมาอย่างเหมาะสม “ซูหว่านเอ้อร์……เจ้ากล้า! เจ้าจะทำร้ายข้าไปถึงไหนกัน กลอุบายชั่วร้ายอย่างนี้เจ้ายังคิดออกมาได้! ข้ากับเจ้ามีความแค้นต่อกันมากขนาดนั้นเลยหรือ”
หยุนจิ่งเห็นนางเสียใจก็รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเดินเข้ามาด่า: “หากเป็นอย่างที่พูดจริง! ไม่ให้ความยุติธรรมกับเหนียงจื่อของข้า เจ้า……ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” แววตาเขาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต ดูออกว่าไม่ใช่เป็นการพูดล้อเล่น
ทั้งห้องต่างเงียบ ซูหว่านเอ้อร์ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น
ซูหนานอีเห็นหยุนจิ่งโกรธโมโหก็รีบเข้าไปกระตุกมือเขาเบาๆ แล้วใช้นิ้วเกาบนฝ่ามือของเขาไปมา หยุนจิ่งรู้สึกจั๊กจี้บนฝ่ามือ ความรู้สึกนี้ลามไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้ไฟโกรธนั้นลดลงได้บ้าง และเขาก็ใจอ่อนลงไปมาก เขาเบี่ยงหัวไปมองซูหนานอี ซูหนานอีก็กะพริบตาให้เขาอย่างซนๆ ไม่มีความรู้สึกเสียใจในก่อนหน้านี้แล้ว
หยุนจิ่งสับสนเพียงไม่นานก็เข้าใจ อ้าา นี่คือเกมใหม่ที่เหนียงจื่อเล่น เขาก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย แล้วเรียนแบบท่าทางของซูหนานอี เกาที่ฝ่ามือของนางคืนบ้าง
ซูหนานอีเม้มปากกลั้นหัวเราะ แต่ก็ลามไปถึงคิ้วนุ่ม หยุนจิ่งใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เขาไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร ทั้งผ่อนคลายและรู้สึกไม่สบาย
ใต้เท้าเจ้ากระแอม ทำมือคารวะแล้วเอ่ย: “ท่านอ๋องโปรดอย่าทรงกริ้ว เรื่องนี้หลังจากไต่สวนจนได้ความกระจ่างแล้ว ข้าน้อยจะให้คำตอบอย่างเหมาะสมกับท่านอ๋องและคุณหนูซูอย่างแน่นอน”
หยุนจิ่งที่ได้ยินเขาพูดถึงดึงสติกลับมา หายใจฮึดฮัดอย่างไม่ยอม
ใต้เท้าเจ้ามองซูหว่านเอ้อร์ที่หน้าซีดเผือด ก็ไต่สอนต่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง: “คุณหนูรอง คำให้การของชุนหลิง เจ้ายอมรับหรือไม่”
“ข้าไม่ยอมรับ!” ซูหว่านเอ้อร์ที่ทรุดอยู่กับพื้นพยายามพยุงตัวขึ้นมา: “หญิงรับใช้ชั่วนี้สติฟั่นเฟือนไปแล้ว พูดจาเหลวไหล ยังจะแว้งมากัดข้า นางซัดทอดมาถึงข้าก็ต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ มีหลักฐานอะไร”
ใต้เท้าเจ้าเลิกคิ้วเล็กน้อย หากไม่มีหลักฐานคงตัดสินความเรื่องนี้ไม่ได้
“ฮ่าๆ !” ซูหว่านเอ้อร์หัวเราออกมา “ข้าพูดถูกจริงๆ ใช่หรือไม่ ไม่มีหลักฐานแล้วยังจะพูดเหลวไหลซัดทอดมาถึงเจ้านายเก่า ชุนหลิง เมื่อก่อนข้าดีกับเจ้าเพียงใด จิตสำนึกของเจ้าไม่มีแล้วหรือไง!
ชุนหลิงอ้าปากเอ่ย แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี
ซูหนานอีหรี่ตาลงเล็กน้อย นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของนาง ตั๋วเงินนั่น! . “ใต้เท้า คุณหนูรองให้ข้านำตั๋วเงินกับสองใบไปซื้อคนที่หอเหมียนชุน เป็นตั๋วเงินแลกเงินของธนาคารฮุ่ยเฟิง บนตั๋วยังมีหมายเลขกำกับอยู่!”
ธนาคารฮุ่ยเฟิงถือเป็นธนาคารฝากเงินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซินเยว่ ตั๋วเงินทุกใบล้วนมีหมายเลขกำกับไว้ หมายเลขนี้จะเรียงตามลำดับ แต่ละใบนั้นล้วนสามารถตรวจสอบได้
ใต้เท้าเจ้าพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง ถือว่าเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักพอสมควร ใครก็ได้เข้ามา! ไปนำตัวคนหอเหมียนชุนมาที่นี่!”
ชุนหลิงก็รีบบอกชื่อคนทั้งสองและรูปลักษณ์ที่อยู่ที่หอเหมียนชุน คนของใต้เท้าเจ้าก็ไปนำคนมาอย่างรวดเร็ว
ซูหนานอีมองดูเบื้องหลังของพวกเขาแต่ไกล ในใจก็รู้สึกไม่ดี กลัวว่า……
เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น