หยุนหลิ่วแน่ใจว่าผู้หญิงที่อยู่ในถุงนี้ก็คือซูหนานอี นางเดินหน้าขึ้นไปสองก้าวและคุกเข่าลงไป ดวงตาค่อยๆปรากฏน้ำตาออกมา
“คุณหนูซู คุณหนูซู……เจ้าเป็นอะไรเนี่ย?ทำยังไงดี?ไท่เฟยยังจัดงานแต่งอยู่ในจวนให้เจ้ากับท่านอ๋องอยู่เลย แต่นี่มัน……”
“หลายวันนี้เจ้ามาท่านอ๋องบ่อยมาก แม้ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะ แต่ก็รู้สึกว่าเจ้าเป็นลูกสาวของพ่อค้า นิสัยน่าจะตรงไปตรงมา แต่ใครจะรู้ไปล่ะว่าวันนี้กลับประสบอุบัติเหตุเช่นนี้!หากรู้มาก่อน แม้รู้ว่าเจ้าจะไม่สบายใจข้าก็จะพูดโน้มน้าวใจเจ้าบ้าง……”
พอนางพูดเช่นนี้ รอบข้างก็มีเสียงซุบซิบเกิดขึ้นทันที
“ได้ข่าวมาว่าตระกูลซูมีตำแหน่งที่ไม่สูงมากนัก แต่ตกลงเป็นแค่ลูกสาวของพ่อค้าอย่างงั้นหรือ?”
“ยังไม่ทันได้แต่งเข้ามาเลย ก็ไปที่จวนอ๋องบ่อยครั้งขนาดนั้น?นี่ทำได้ยังไง?ไม่มีกฎระเบียบจริงๆดลย!”
“ข้าว่านะ คุณหนูซูคนนี้ประสบเรื่องแบบนี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว หากสามารถอยู่ที่บ้านดีๆ รอวันแต่งงานมาถึงก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”
หยุนหลิ่วได้ยินเสียงซุบซิบของรอบข้าง รู้สึกดีใจมาก แต่ใบหน้ากลับปรากฏความเศร้าโศกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“รีบ รีบกลับไปบอกไท่……”หยุนหลิ่วสั่งสาวใช้ข้างๆ แต่ทันใดนั้นก็สะดุ้ง”ไม่ได้ บอกไท่เฟยไม่ได้ ไม่งั้นไท่เฟยต้องรับไม่ไหวแน่นอน เจ้าไปบอกจวนซูก่อนเถอะ ยังไงก็ต้องพาคุณหนูซูกลับก่อน”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
สาวใช้เดินผ่านฝูงชน วิ่งตรงไปทางจวนซูอย่างเร็ว
หยุนหลิ่วใช้ผ้าปิดตาเอาไว้ ปิดบังความดีใจในสายตาลงไป และบอกกับคนรอบข้างว่า”ทุกท่านคงไม่ทราบว่า ไท่เฟยสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง แต่ยังคงจัดการงานแต่งให้ท่านอ๋องด้วยตัวเองทุกอย่าง หลายวันก่อนเพิ่งจัดเรียงสินสอดครบและส่งไปให้จวนซู……แต่ใครจะรู้ล่ะว่า……”นางร้องไห้อย่างหนัก เหมือนกับว่าเสียใจมากๆ จนทำให้คำพูดข้างหลังยังพูดไม่ออกแล้ว
คนที่ดูสนุกอยู่รอบข้างล้วนเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ มีคนทนไม่ไหวไปแจ้งข่าวให้กับจวนอ๋องเป่ยลี้ตั้งนานแล้ว
ไท่เฟยกำลังนั่งอยู่ระเบียงทางเดินกับเหยียนโมโม่”การที่แต่งงานกับคุณหนูซูเดิมก็เพื่อจะขจัดเสนียดจัญไรและรักษาโรคให้จิ่งเอ้อร์ ทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเช่นนี้ขึ้นมา?ฟังจากความหมายของหยุนหลิ่ว เหมือนกับว่าคุณหนูซูนั้นไม่เป็นมงคลเลย?”
เหยียนโมโม่เทน้ำชาให้นางอีกแก้วหนึ่ง ไม่ร้อนไม่เย็นพอดีเลย”ทุกสิ่งล้วนต้องคำนึงถึงท่านอ๋องเป็นหลัก ส่วนการเปลี่ยนแปลงนั้น หลายปีนี้ท่านอยู่ในวังบ้าง ในจวนอ๋องบ้าง ยังเห็นได้น้อยอีกหรือ?”
ไท่เฟยตะลึง ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาพูดว่า”ก็ใช่นะ”
นางจิบไปอึกหนึ่ง ขมวดคิ้วพูดว่า”ทำไมมันอุ่นล่ะ?”
เหยียนโมโม่ยิ้มและพูดว่า”ไท่เฟยไม่ควรกินชาเย็นอีก มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย อุ่นๆแบบนี้กำลังดีเลยเพคะ*
ไท่เฟยถอนหายใจออกมา พยายามกินอีกหลายอึก รอบข้างไม่มีคนอื่นอยู่ นางกระซิบพูดว่า”ความหมายแท้จริงในการแต่งงานกับคุณหนูตระกูลซู ไม่มีใครรู้เนอะ?”
“ไม่มีเพคะ”เหยียนโมโม่ก้มหน้าพูดอยู่ข้างหูของนาง”มีแต่ท่านกับบ่าวรู้อยู่เพียงสองคนเพคะ”
ไท่เฟยพยักหน้าด้วยความพอใจ”แม้ว่าคุณหนูซูจะมีฐานะไม่สูง แต่นิสัยแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้จริงๆ สิ่งที่หายากก็คือหยุนจิ่งชอบ ยังเชื่อฟังกว่าเมื่อก่อนเลย เมื่อวานเพิ่งกลับมาก็ให้ข้าดูไข่เป็ด ยังบอกเรื่องสนุกๆเหล่านั้นให้ข้าฟังด้วย”
“ใช่ไง ท่านอ๋องดีใจมากจริงๆ ยังบอกว่ารีบกลับบ้านคือกลัวว่าท่านจะเป็นห่วงเลย ยังเป็นคุณหนูซูบอกเช่นนี้ให้เขาฟัง”
ไท่เฟยรู้สึกปลื้มใจมาก”ใช่ไง คิดแบบนี้แล้วมันก็ดีนะ ข้าไม่มีความหวังอย่างอื่นแล้ว หวังแต่ว่าจิ่งเอ้อร์ของข้าจะสามารถกลับสู่สภาพปกติ มีชีวิตได้อย่างสุขสบาย อย่างนี้อดีตท่านอ๋องก็จะรู้สึกปลื้มใจเช่นกัน”เมื่อพูดถึงสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว ไท่เฟยมีปรากฏความเศร้าโศกขึ้นมา จู่ๆก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เหยียนโมโม่เตือนด้วยเสียงเบา”รีบอะไร พูดดีๆสิ”
สาวใช้ฟื้นสติกลับมา ทำความเคารพและพูดว่า”กราบทูลไท่เฟย มีคนมาแจ้งว่า ได้พบคุณหนูซูบนถนน คุณหนูซูเต็มไปด้วยแผลบนร่างกาย เสื้อ……เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเพคะ”
สีหน้าของไท่เฟยแข็งตัวไปทันที”อะไรนะ?!”
เหยียนโมโม่ก็เปลี่ยนสีหน้าไป”คำพูดนี้จริงหรือเปล่า?”
“คนนั้นบอกมาเช่นนี้ ยังบอกว่าแม่นางหยุนหลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย กำลังปลอบใจทุกคนอยู่เพคะ”
ไท่เฟยใจเต้นแรงขึ้น นางก็ไม่ได้เพียงแต่เจ็บใจเพื่อซูหนานอี สิ่งสำคัญกว่านี้คือ หากซูหนานอีเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา จวนอ๋องจะรับนางเข้ามาไม่ได้อีก แล้วงานแต่งของจิ่งเอ้อร์จะทำยังไงดีล่ะ?นางรู้สึกมีเลือดพุ่งขึ้นมา ปวดหัวเล็กน้อย เหยียนโมโม่จึงรีบประคองนางเอาไว้
“ลูกสาวของตระกูลค้าขาย ไม่เข้าท่าจริงๆ!”
เหยียนโมโม่ตบหลังของนางเบาๆ ปลอบใจด้วยเสียงเบา”ยังไม่รู้ความเป็นมาของเรื่องเลยเพคะ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นเพคะ และแม่นางหยุนหลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของไท่เฟยก็แย่ลงอีก”นางอยู่ที่นั่นปลอบใจคนอื่นทำอะไร?ไม่ไปปิดบังเรื่องให้ดี ยังจะเปิดเผยให้รู้กันทั่วอีก?”
“เตรียมรถ ข้าจะไปดูเอง!”
เหยียนโมโม่รีบห้ามเอาไว้”ไท่เฟย ตอนนี้ท่านไม่ควรปรากฏหน้า ไม่งั้นให้บ่าวไปแทนท่านเถอะ!”
ไท่เฟยครุ่นคิดสักพักหนึ่ง”ก็ได้ ต้องตรวจเรื่องให้ชัดเจน”
“เพคะ ไท่เฟยวางใจได้เพคะ”
เหยียนโมโม่ประคองนางนั่งลง และสั่งให้สาวใช้ดูแลให้ดี จากนั้นถึงรีบไปสถานที่เกิดเหตุ จวนอ๋องรับรู้เรื่องนี้ จวนซูก็รู้ด้วย
สาวใช้ของหยุนหลิ่วมาแจ้งว่า พบซูหนานอีในปากซอย ถูกคนโยนทิ้งลง ร่างกายห่อแค่ถุงอย่างเดียว สิ่งสำคัญกว่านี้ก็คือ ถูกหยุนหลิ่วของจวนอ๋องเป่ยลี้รู้เรื่องนี้ด้วย สีหน้าของซูซืออวี้ซีดขาว เกือบจะล้มลงพื้น ถูกพ่อบ้านประคองเอาไว้วิ่งไปที่ปากซอย ซูหว่านเอ้อร์ที่ถูกเขาทอดทิ้งนั้นลุกขึ้นมาจากพื้น ความเศร้าบนใบหน้าหายไปหมด หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ฝั่งของปากซอยนี้ครึกครื้นมาก ซูหนานอีดื่มชาอยู่และมองลงไปข้างล่าง ตอนแรกๆรู้สึกโกรธขรึมมากแต่ตอนนี้นางไม่โกรธแล้ว อยากจะลองดูว่าแม่นางหยุนหลิ่วคนนี้แสดงได้เก่งขนาดไหน
หยุนจิ่งรีบมองไปดูคนข้างล่าง กระซิบพูดว่า”ภรรยา พวกเขาเหมือนกำลังด่าเจ้ากับจวนอ๋อง”
“จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องรีบ”ซูหนานอีตบมือของเขาเบาๆ”ให้พวกเขาพูดไปเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่จำเป็นต้องโกรธเพราะคำพูดพวกนี้หรอก”
หยุนจิ่งหายโกรธนิดๆ มองไปดูหยุนหลิ่วที่กำลังร้องไห้อยู่ ขมวดคิ้วขึ้นมา”ทำไมนางถึงน่ารังเกียจขนาดนั้น”
“จิ่งเอ้อร์ไม่ชอบนางหรือ?”
หยุนจิ่งพยักหน้าอย่างไม่ลังเล”ไม่ชอบ”
เขาคิดสักพักหนึ่ง แล้วพูดอีกว่า”นางเหมือนกับพระสนมเอก”
ซูหนานอีใจสั่นเล็กน้อย”งั้นก็ไม่ต้องไปสนใจนางเลย”
“เออ”
จู่ๆข้างล่างก็เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง คิอซูซืออวี้ที่อยู่ใกล้ที่นี่มาถึงก่อน เขาลงจากรถม้าอย่างสะดุด รอบข้างมีคนพูดว่านายท่านซูมาถึงแล้ว กลุ่มคนถึงเดินแบ่งทางอยู่สองข้าง
เขาเดินเข้าไปข้างในสุดอย่างชักช้า มองไปดูคนที่อยู่บนพื้น ยังไม่ทันมองได้ชัดเจน หยุนหลิ่วก็เดินมาพูดว่า”คิอนายท่านซูหรือเปล่า?”
ซูซืออวี้พยักหน้า สาวใช้ของหยุนหลิ่วพูดว่า”คนนี้เป็นแม่นางหลิ่วของจวนอ๋อง คือแม่นางของเราให้ข้าไปแจ้งท่านเจ้าค่ะ”
ซูซืออวี้กล่าวขอบคุณ หยุนหลิ่วกำลังร้องไห้อยู่ ขอบตาแดงก่ำไปหมด”นายท่านซูไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็เสียใจเพื่อคุณหนูซูเช่นกัน มันก็ช่าง……นายท่านซูพานางกลับไป รักษาให้ดีเถอะ”
ซูซืออวี้ตาฝาดเล็กน้อย มองไปดูคนอยู่บนพื้นตาหนึ่ง ยังไม่ทันได้เห็นหน้า หยุนหลิ่วก็พูดต่อว่า”คุณหนูซู……กลัวว่าบาดเจ็บหนักมาก ทำให้คนรู้สึกทนดูไม่ได้”
ซูซืออวี้แค่มองไปดูขาที่เผยออกมาและบาดแผลที่บวมแดง ใจเต้นแรงมาก ไม่อยากจะดูตาที่สอง
“ไม่ทราบว่าฝั่งของไท่เฟย……”
หยุนหลิ่วฟังเขาถามแต่ท่าทีของไท่เฟย ไม่ไปสนใจบาดแผลของซูหนานอีเลย แอบหัวเราะเยาะในใจ”ตอนนี้ไท่เฟยยังไม่รู้ แต่……เรื่องนี้น่าจะปิดบังไม่ได้ นายท่านซูรีบเตรียมตัวเถอะ”
ร่างกายของซูซืออวี้ยืนไม่สนิท พ่อบ้านรีบประคองเอาไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ซูหนานอีก็ฟังอย่างชัดเจน นางไม่เคยคาดหวังว่าซูซืออวี้จะเป็นห่วงนาง พอได้เห็นท่าทีของเขา ในใจก็เย็นชาขึ้น
นางเอียงหน้าไป เห็นว่ามีรถม้าค่อยๆเข้าใกล้มา ดึงหยุนจิ่งและพูดว่า”จิ่งเอ้อร์ เจ้าดูสินั่นเป็นรถม้าของจวนอ๋องหรือเปล่า?”
MANGA DISCUSSION