ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 68 เอาไปเท่าไหร่ก็เอาคืนมา
กลุ่มคนนี้ก็มีเกือบสิบคน มีสองคนที่ถือหีบใบใหญ่ บางคนถือหีบใบเล็ก ล้วนสวมชุดสีน้ำตาลแดง หีบเหล่านั้นล้วนติดกระดาษสีแดงและผูกด้วยผ้าสีแดง
ซูหว่านเอ้อร์เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา “นี่มัน…… นี่มันเป็นสินสอดนี่!”
ดูจากขบวนกลุ่มคนที่มาเยอะกว่าตอนหมั้นกับหล่อนเสียอีก ซูหว่านเอ้อร์มองดูหีบนั่นหรือกล่องนั้น ด้วยแววตาโกรธเคือง
“ไม่ได้ ข้าจะไปดู!” ซูหว่านเอ้อร์สะบัดแขนให้หลุดออกจากมือเซี่ยชื่อแล้วรีบวิ่งไป
เซี่ยชื่อตกใจเกรงว่าจะทำให้คนพวกนั้นตกใจ เซี่ยเถาเอ่ยเสียงเบาด้วยน้ำเสียงโมโห “เจ้าดูสิเจ้าสั่งสอนลูกสาวของเจ้ายังไงถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ แผนที่วางไว้ดิบดี ถูกนางทำพังหมด!”
เซี่ยชื่อก็รู้สึกโมโหเหมือนกัน ในใจยิ่งร้อนรน “ตอนนี้อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย พานางกลับไปก่อนค่อยว่ากัน”
เซี่ยเถาสะบัดแขนเสื้อ: “ข้าไม่สน เจ้าหาวิธีของเจ้าเองก็แล้วกัน” จากนั้นเขาก็กันหลังเดินออกไป
ซูหนานอียังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางนี้ เหลือบมองแม่นางแซ่หลิ่ว ฝืนยิ้มให้กับนาง
ซูหนานอีไม่ชอบเซี่ยชื่อ แต่ก็ไม่ได้มองหญิงที่พึ่งมาได้สองวันด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง “ต้องจัดการอย่างรอบคอบ”
แม่นางแซ่หลิ่วกำลังจะเอ่ยปากแก้ต่าง ทันใดนั้นซูหนานอีก็ลุกขึ้น
นางได้แต่มองหลังของซูหนานอีด้วยสีหน้าสงสาร แววตาขี้ขลาดก็พลันหายไปมีเพียงแววตาแววขึ้น
ซูหนานอีคิดจะกลับเรือนไปดูหยุนจิ่ง เดินยังไม่ถึงครึ่งทางก็มีบ่าวรับใช่วิ่งเข้ามาขวาง “คุณหนูขอรับ โปรดหยุดก่อน!”
“คุณหนู นายท่านให้มาเชิญคุณหนูไปหาสักหน่อยขอรับ เพราะทางจวนอ๋องได้ส่งคนนำสินสอดมาให้”
ซูหนานอีรู้สึกเซ็ง เดินตามเขาไปยังไม่ถึงหน้าประตูก็มองเห็นกลุ่มคนหมู่มากอัดกันอยู่ในนั้น และมีพวกหีบ กล่องต่างๆ วางเรียงรายล้นออกมาจนถึงนอกเรือน มีพวกบ่าวรับใช้ของตระกูลซูแอบมองอยู่ไกลๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
ซูหนานอีเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ แล้วก็มองเห็นเซี่ยชื่อกับซูหว่านเอ้อร์ที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ด้วย
นางเดินเข้าไปในเรือนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เดินผ่านพวกหีบเหล่านั้นเข้ามาในเรือน ซูซืออวี้กำลังพยักหน้าคุยกับคนแก่ท่านหนึ่งอยู่
ซูหนานอีเคยไปที่จวนอ๋องหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเจอผู้เฒ่าคนนี้มาก่อน เลยเดินเข้าไปคารวะ
ซูซืออวี้ใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาวาว “หนานอี นี่คือสินสอดที่ส่งมาจากจวนอ๋อง”
เขาพูดพร้อมกับยื่นรายการมาให้ ตามหลักแล้วเรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องส่งต่อหน้าแม่นาง แต่มีการกำชับจากจวนอ๋องมาว่าจะต้องส่งถึงมือคุณหนูซูถึงจะได้
ซูหนานอีอ่านดูรายการจนตาลาย ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ด้านข้างถึงกับหัวเราะแล้วเอ่ย: “คุณหนูซูทำให้ท่านอ๋องรักถึงเพียงนี้ ไท่เฟยก็ยิ่งโปรดปราด มีบัญชาให้ข้าน้อยให้ส่งของเหล่านี้มาให้ เดิมทีควรจะส่งมาถึงตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว แต่มีของบางอย่างยังต้องทำอย่างประณีต เลยมาช้า”
ซูหนานอีเก็บรายการไว้ “หนานอีขอบพระทัยไท่เฟย และขอบพระทัยท่านอ๋อง ลำบากท่านผู้เฒ่าแล้ว”
ท่านผู้เฒ่าก็ยิ้ม: “คุณหนูซูเกรงใจเกินไปแล้ว”
ซูหนานอีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยถาม “แล้วสินสอดก่อนหน้านี้เล่า จะต้องคืนหรือไม่”
ที่จริงแล้วทางฝั่งไท่เฟยไม่ได้ตรัสเอ่ยถึงเรื่องนี้ ที่จวนก็ไม่ได้ขาดสิ่งของของพวกนี้ ข้าไม่สามารถตอบได้
ซูหนานอีพยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยถามต่อ ที่จริงถ้าจะคืนสินสอดก็คงจะไม่เป็นมงคล ถ้าอย่างนั้นนำของเหล่านี้ส่งไปที่บ้านเกิดของไท่เฟย เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย และถือว่าทำให้ไท่เฟยวางใจ ให้พวกเขาได้รู้ว่าไท่เฟยไม่ได้ลืมพวกเขา”
ผู้เฒ่าตาวาวขึ้น พยักหน้าทันที ซูหนานอีมีสีหน้าเหนียมอาย “หนานอีเพียงคิดว่าจะทำให้ไท่เฟยคลายความกังวลได้บ้าง”
“วิธีของแม่นางซูนี้ดีทีเดียว” ผู้เฒ่าระเบิดหัวเราะออกมา “หากไท่เฟยทรงทราบจะต้องพอพระทัยแน่”
พูดก็ถูก สินสอดเหล่านี้หากเอาคืนกลับไปที่จวนเอ๋อ ระหว่างทางมีคนเห็นคงไม่ดีแน่ หากไม่นำกลับไป คุณหนูซูใช้หรือไม่ใช้ ล้วนมรรูปโฉมงามอยู่แล้ว
ท่านผู้เฒ่ามองไปทางซูซืออวี้
ซูซืออวี้นั้นพูดอะไรไม่ได้ แน่นอนว่าทำได้เพียงตอบรับคำแล้วเรียกบ่าวไปจัดการ
ข่าวนั้นไวยิ่งกว่าอะไร ซูหว่านเอ้อร์ถึงกับอึ้ง ก่อนหน้านี้นางกล้าที่จะก่อเรื่องวุ่นวาย แต่ตอนนี้คนของจวนอ๋องมาเรียกสินสอดคืน หล่อนก็หาเหตุผลที่จะไม่นำออกมาไม่ได้
“ท่านแม่ จะทำอย่างไรดี”
เซี่ยชื่อมองนางด้วยสีหน้าตื่น รู้สึกกลุ้มใจ “เอาออกมาแล้วนำกลับไปคืนก็จบแล้ว จะทำอย่างไรได้อีกเล่า”
“แต่ว่า……” ซูหว่านเอ้อร์ทำหน้าลำบากใจ “แต่ว่ามีเครื่องประดับบางชิ้นข้ามอบให้คนอื่นไปแล้ว จะยังมีทองใบข้าก็มอบเป็นรางวัลไปแล้ว……”
เซี่ยชื่อที่ตอนนี้โกรธมาก “เจ้าว่าอะไรนะ มอบให้คนอื่นไปแล้ว มอบให้ผู้ใด ทำไมเจ้าไม่เคยเล่าให้ข้าฟังเลย ยังมีอีก ทองใบนั่นอีกเจ้าให้ไปเท่าไหร่”
ซูหว่านเอ้อร์พูดตะกุกตะกัก ไม่กล้าพูดออกมา ที่จริงแล้วนางก็จำไม่ค่อยได้แล้ว
ตอนนี้เซี่ยชื่อหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อยากจะตบนางจริงๆ “อย่างอื่นพอว่า แล้วเครื่องประดับล่ะเจ้ามอบให้ผู้ใด ของอย่างนี้……มอบให้คนอื่นได้อย่างไร เจ้านะเจ้า!”
“ข้านึกว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของข้า ใครจะคิดว่าจะมีวันที่เอาคืนไปได้” ซูหว่านเอ้อร์ออกมาอย่างเสียใจ
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว เอาไปให้ผู้ใด รีบคิด ส่งคนไปเอาคืนมา !” เซี่ยชื่อชี้นิ้วไปที่หัวของนางแล้วเอ่ย
ซูหว่านเอ้อร์ตกใจตาโต “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ของที่ให้ไปแล้วมีเหตุผลที่จะเอาคืนด้วยหรือ ข้ายังจะมีความเป็นคนอยู่หรือ”
“นั่นมันไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป เจ้าไม่เอาคืนมา แล้วจะไปหาที่ใดที่มีรูปลักษณ์เหมือนกันมา เจ้าจะรักษาหน้าหรือจะรักษาชีวิตของเจ้ากันล่ะ” เซี่ยชื่อแววตาแดงก่ำด้วยความโกรธ “เจ้าช่างกล้านัก! ก่อนหน้านี้ที่เจ้ามาถามเอากุญแจกับข้า ข้านึกว่าเจ้าจะเอาไปเพียงแค่เล่นเท่านั้น ใครจะคิดว่าเจ้า……”
เซี่ยชื่อที่ตอนนี้โกรธโมโหจนไม่มีแรงพูดต่อแล้ว ฉุดลากนางกลับไปคิดที่เรือน จดรายการออกมาแล้วสั่งให้คนไปเอาคืนมา
เหล่าคนที่ถูกให้เครื่องประดับก็โกรธจนคลั่ง ด่าคนที่ไปเอาของคืนอย่างไม่มีชิ้นดี อีกทั้งยังฝากมาด่าซูหว่านเอ้อร์ด้วย
ชื่อเสียงของซูหว่านเอ้อร์ตอนนี้ถือว่าป่นปี้แล้ว
เรื่องก็เป็นอย่างนี้ และก็มีของบางอย่างที่นำกลับคืนมาไม่ได้ มีบางคนไม่ยอมรับ มีบางคนไม่ทราบว่าเอาไว้ที่ใด หายไปแล้ว ให้คนอื่นบ้าง
เหล่าทองใบ แท่งเงิน ซูหว่านเอ้อร์บอกว่าใช้ไปอย่างน้อยพันตำลึง ตอนนี้จำเป็นต้องให้เซี่ยชื่อชดใช้คืนให้นาง เงินที่เก็บหอมรอมริบมาก็มีไม่ได้มาก
คนของจวนอ๋องรอที่จะตรวจสอบ สุดท้ายมีเครื่องประดับไม่กี่รายการที่ไม่ตรง ซูหว่านเอ้อร์ก็หาออกมาไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์เคร่งเครียดมาก
ตอนนี้หน้าซูซืออวี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ท่านผู้เฒ่าดื่มชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาพูดกับซูหนานอีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่กับคนอื่นไม่ใช่
“ของอย่างนี้ก็ทำหายได้อย่างนั้นหรือ คุณหนูรองหาผลประโยชน์เข้าตัวเกินไปแล้ว”
หน้าซูซืออวี้แดงก่ำไม่รู้จะพูดยังไงต่อ หันไปหาซูหนานอีให้นางช่วยพูดอะไรสักหน่อย
ซูหนานอีเอ่ย: “ท่านผู้เฒ่า ท่านว่าอย่างนี้ดีหรือไม่ ของเหล่านี้พอถึงตอนนั้นก็ต้องไปแลกเป็นเงิน ถ้าอย่างนั้นสิ่งของที่หายไปตีเป็นเงินออกมา ท่านคิดว่าอย่างไร”
สีหน้าของท่านผู้เฒ่าถึงดีขึ้นมาหน่อย ขณะที่กำลังคิดไตร่ตรองอยู่นั้น หยุนจิ่งได้ยินข่าวก็รีบมาทันที “ท่านอาหรง ทำตามที่เหนี่ยงจื่อว่าเถอะ!”
ท่านผู้เฒ่าตกใจที่หยุนจิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย รีบลุกขึ้นก้าวออกไปคารวะ : “โอ๊ะ ท่านอ๋องท่านมาได้อย่างไร”
“ข้าเอาผลไม้เย็นมาส่งให้เหนียงจื่อ มาตั้งนานแล้ว เจ้ารีบเร็ว ทางนี้เสร็จเรื่องแล้วข้าจะได้ไปกินผลไม้เย็นกับเหนียงจื่อแล้วออกไปเที่ยวข้างนอก!” หยุนจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน
“ขอรับๆ ” ท่านผู้เฒ่าไม่กล้าเชื่องช้า ทำตามที่ซูหนานอีบอก นำของมาตีเป็นราคาเงิน ซูซืออวี้จ่ายออกมาสามพันกว่าตำลึง ถือว่าชดใช้ได้แล้ว
ซูซื้ออวี้รู้สึกโมโหซูหว่านเอ้อร์อยู่ในใจที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย!
หลังจากจัดการเรื่องเสร็จ ซูหนานอีนั้นไม่อยากสนใจเรื่องเหล่านี้แล้ว ปล่อยเรื่องนี้ไว้ให้ซูซืออวี้จัดการเอง นางกับหยุนจิ่งกลับไปที่เรือนแล้วนำผลไม้เย็นกับกล่องยาออกมา แล้วไปที่เรือนเล็ก
ระหว่างทางตอนผ่านน้าประตูที่ว่าการจิงจ้าวหยุนจิ่งก็กระซิบ: “เหนียงจื่อ ที่นี่แหละ หญิงคนนั้นถูกคนพามาที่นี่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
และประจวบเหมาะกับใต้เท้าจ้าวนั่งเกี้ยวกลับมาพอดี ซูหนานอีมองดูเขาที่มีท่าทีเร่งรีบเดินเข้าประตูไป พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ใต้เท้าเจ้าท่านมีเรื่องยุ่งแล้ว