ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 60 คนน่ากลัวกว่าผี
ตอนนี้ชายร่างบึกบึนมีท่าทีร้อนรน เขาลำบากตามหานางมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ข่าวคราว ถึงได้ตามเสี่ยวชีเข้าเมืองมา ใจร้อนอยากจะพบกับซูหนานอี กลับคิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอย่างนี้
ซูหนานอีถอดหมวกออก แล้วคารวะชายชาตรีผู้นี้ "ขออภัยด้วย หากข้าไม่พูดอย่างนี้ เกรงว่าท่านจะเสียใจ และจะกระทำเรื่องบุ่มบ่าม"
ชายชาตรีฉายแววตาเจ็บปวด ก็รู้สึกถึงลางไม่ดี แต่ก็กัดฟันเชื่อว่าจะยังมีโชคดี "คุณหนูหมายความว่าอย่างไร ม่านเหนียงของข้า……"
"เมื่อหลายปีก่อน ท่านไปร่วมรบกับกองทัพ จนร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสขาดการติดต่อกับครอบครัว ภรรยาของท่านม่านเหนียงเฝ้าคะนึงหาเป็นห่วงท่านทุกคืนวัน ได้ยินว่าพวกท่านมีอยู่วัดหนึ่งมักมีคนเห็นสิ่งศักดิ์ เขาเลยอยากจะไปไหว้ขอพร ปรารถนาให้ได้ข่าวคราวของท่าน"
น้ำเสียงของซูหนนาอีค่อนข้างเบา ลอยไปตามลมย้ำราตรีที่มีลมพัดเบาๆ ดุจเพลงเศร้า
"ตอนที่นางเข้าไปในวัด แต่กลับมีคนบอกว่า หากจะให้พรสมดังปรารถนาจะต้องมาจำวัดถึงเจ็ดวันถึงจะสมปรารถนา นางจึงได้อยู่ที่วัดต่อ คิดไม่ถึงว่า ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเรื่องขึ้น"
ชายชาตรีหน้าซีด ขมวดคิ้ว "เกิดเรื่องอันใดขึ้น"
"เจ้าอาวาสวัดนั้นเป็นตัวปลอม เรื่องพบวิญญาณก็เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ทว่าเพื่อหลอกลวงประชาชน ฉ้อโกงเงิน และ……ยังหลอกลวงหญิงที่อยากมีบุตรพวกนั้น……"
ชายชาตรีตาจ้องเขม็งทันที "อะไรนะ"
"ภรรยาของท่านม่านเหนียงไม่ได้ไปเพื่อขอบุตร แต่นางมีรูปโฉมงดงาม พระนั่นมีปราถนาร้าย นางถูกหลอกเข้าไปจำวัดต่อ และปรากฏว่าคืนวันนั้นพระนั่นก็เข้าไปที่ห้องของนาง"
"นางนั้นก็ขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ สุดท้าย……ก็ฆ่าตัวตาย พระนั่งเพื่อที่จะปิดบังเรื่องนี้เลยนำศพภรรยาของท่านม่านเหนียงฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้หลังวัด"
ชายชาตรีปากสั่น หางตากร้าวขึ้น กัดฟันดังกรอด อกพองขึ้นด้วยความโกรธแค้นอยู่สักพักถึงได้เอ่ยขึ้นว่า "จะเป็นไปได้อย่างไร …… เป็นไปไม่ได้ ภรรยาข้าม่านเหนียงจะต้องยังมีชีวิตอยู่ เจ้า……พูดเหลวไหล!"
ซูหนานอีไม่ได้ตอบโต้ แบมือออกมาในมือเป็นถุงหอมเก่าๆ ปรากฏตรงหน้าของชายชาตรี พู่เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง แกว่งไปมาราวกับร้องไห้ให้กับเรื่องราวในอดีต
ขาทั้งสองข้างของชายชาตรีนั้นเหมือนกับถูกยึดไว้ไม่ไหวติงอยู่นานถึงได้ขยับ พร้อมกับมือค่อยๆ ชี้ไปที่ถึงหอมด้วยแววตาแดงก่ำน้ำตาก็ไหลออกมา
"นี่คือ……ตอนที่ข้ากับนางต้องแยกจากกันครั้งสุดท้าย ได้ไปที่เที่ยวตลาดด้วยกันและก็ซื้อมา นางบอกว่าจะพกติดตัวทุกวัน"
"ตอนที่พระนั่นสารภาพออกมา ข้าเจอบนร่างของนาง คิดว่าน่าจะช่วยเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนให้กับญาตินางได้"
ชายชาตรีใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา รับถุงหอมมาอยู่ในมือ "สารภาพอย่างนั้นหรือ คนร้ายจับได้แล้วอย่างนั้นหรือ"
"ตอนนั้นก็จับตัวได้แล้ว แต่เพราะความสะเพร่าเขาเลยหนีไปได้"
ชายชาตรีซักถามต่อ "แล้วมีข่าวคราวของเขาหรือไม่ ข้าจะต้องแก้แค้นให้ม่านเหนียงของข้า!"
"มี" ซูหนานอีพยักหน้า "ที่ข้าเชิญท่านเข้าเมืองมานี้ เพื่อที่จะบอกกับท่าน ตอนนี้สืบหาร่องรอยของเขาได้แล้ว เพียงแค่ตอนนี้ยังลงมือไม่ได้ ต้องรออีกสักสองวันก่อน"
ชายชาตรีรู้สึกเจ็บปวด แต่แววตากลับตั้งมั่น แข็งกร้าวราวดั่งไฟลุกโชน "ได้ กี่วันข้าก็จะรอ ข้าจะต้องเป็นคนลงมือสังหารสารเลวนั่น!"
ซูหนานอีเรียกเอาเงินจากเสี่ยวเถามีหลายตำลึง วางไว้บนโต๊ะ "ท่านนักรบ ท่านโปรดรออยู่ที่นี่เถิด ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีผู้ใดเข้ามาได้ จะลงมือได้เมื่อใด ข้าจะให้แม่นางผู้มีมาส่งข่าวให้ท่านทราบ"
ชายชาตรีพยักหน้า "ขอบคุณแม่นางที่คอยช่วยเหลือ เพียงแต่ว่า……แม่นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"
ซูหนานอีนั้นเตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว "ท่านนักรบ ข้าบอกไปแล้วท่านอาจจะไม่เชื่อ"
ชายชาตรีอึ้ง "เพียงแม่นางพูดมา ข้าเชื่อ"
"ได้" ซูหนานอีตอบเสียงดัง "แม่นางม่านเหนียงมาเข้าฝันข้า ข้าเคยไปเข้าร่วมพิธีไหว้พระที่วัดแห่งนั้น ในระหว่างทำพิธีทันใดนั้นก็รู้สึกได้เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ ในขณะที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น แม่นางม่านเหนียงก็บอกเรื่องราวทั้งหมดกับข้า"
"พอข้ารู้สึกตัวขึ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ก็รีบส่งคนไปสืบ พบว่ามีคนผู้นั้นอยู่จริง อีกทั้งวันที่นางไปจุดธูปไหว้พระขอพรเป็นวันเกิดของนาง ข้าไตร่ตรองดูแล้ว สุดท้ายเลยไปแจ้งความ ถึงได้สืบหาคนร้ายมาได้ และหาศพของแม่นางม่านเหนียงจนเจอ ข้าได้นำศพนางมาทำพิธีฝังศพเรียบร้อยแล้ว"
ชายชาตรีก็น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แล้วก็ก้มลงกราบ ซูหนานอีเบี่ยงหลบ แล้วให้เสี่ยวเถาพยุงเขาขึ้น "ท่านนักรบไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ แม่นางม่านเหนียงตายอย่างมีมลทิน เพื่อทำตามที่นางขอไว้ ถือว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว"
"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็ขอบคุณแม่นางที่มีบุญคุณล้นเหลือของข้า"
"ท่านนักรบโปรดทนรอ ต้องมีสักวันที่จะต้องได้เจอศัตรูและแก้แค้นให้แม่นางม่านเหนียง"
ซูหนานอหยิบหมวกขึ้นมาสวมอีกครั้ง แล้วก็เดินนำเสี่ยวเถาออกไป
เสี่ยวเถายังคงรู้สึกกลัวอยู่ เลยอดที่จะถามไม่ได้: "คุณหนู ท่านพูดความจริงหรือเจ้าคะ ว่าแม่นางม่านเหนียงมาเข้าฝันท่าน"
ซูหนานอีในตอบอยู่ในใจว่าไม่แน่นอน บนโลกใบนี้มีวิญญาณเสียที่ไหนกัน แม้จะมีผีนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับคนหรอก ที่นางพูดออกไปอย่างนั้น เพียงเพราะว่าพูดออกไปอย่างนี้จะเป็นเรื่องเหลวไหล แต่กลับทำให้คนเชื่อง่ายที่สุด และไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอื่นมารองรับ
"เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรู้ได้อย่างไร" ซูหนานอีไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม
เสี่ยวเถาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็พยักหน้า "คุณหนู เอ่อ……แล้วตอนนี้คนร้ายอยู่ที่ไหนเจ้าคะ ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก! พวก……พวกจิตใจสัตว์เดรัจฉาน!"
"เขาน่ะหรือ เขาก็อยู่ในจวนของเรายังไงล่ะ" ซูหนานอีเอ่ยออกมาอย่างน่ากลัว "เขาก็คือนักพรตจิน"
เสี่ยวเถาตกใจเบิกตากว้าง "อะไรนะเจ้าคะ จะ……จะเป็นเขาได้อย่างไร เขาเป็นนักพรตไม่ใช่หรือเจ้าคะ"
"พระนักพรต ต่างกันตรงไหน สำหรับคนอย่างนี้แล้ว เพียงแค่เล่นละครหลอกลวงชาวบ้านเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงก็เท่านั้น"
เสี่ยวเถาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว มิน่าเล่าแม้แต่นายท่านยังให้ความเคารพนักพรตจินผู้นี้ มีเพียงคุณหนูคนเดียวที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา อีกทั้งยังพูดเหน็บแนมเขา แต่เขากลับไม่กล้าโต้แย้งแม้แต่คำเดียว ที่แท้เขาก็อยู่ในกำมือของคุณหนูแล้วนี่เอง! เสี่ยวเถาพูดกับซูหนานอีอย่างนับถือ
ซูหนานอีกลับถึงเรือนตัวได้เพียงไม่นาน เสี่ยวเถาก็วิ่งหอบเข้ามา "คุณหนูเจ้าคะ ไอ้คนสารเลวมาแล้วเจ้าคะ"
ซูหนานอีเหลือบมองนาง เอ่ยเสียงเรียบ "เสี่ยวเถา ต้องควบคุมอารมณ์ไว้ ห้ามแสดงออกมาเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นในภายภาคหน้า ล้วนต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ถึงจะเห็นเรื่องราวต่างๆได้ชัดเจน เข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะจำไว้"
ซูหนานอีลุกขึ้นแล้วเดินออกไป "ให้เขาเข้ามาข้างใน"
"เจ้าค่ะ"
ซูหนานอียืนรออยู่ตรงห้องโถง มองดูนักพรตจินเดินเข้ามา "นักพรตจิน ท่านพบข้าก็หลายครั้ง ท่านน่าจะรู้ว่าชายอื่น เข้ามาอย่างนี้ไม่ค่อยเหมาะ"
นักพรตจินยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็ตกใจอึ้งก่อน เขานั้นรู้สึกแค้น ใครอยากจะพบเจ้ากันถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าในมือของเจ้ามีของสิ่งนั้นอยู่ข้าหรือจะมา อีกอย่างมาพบหลายครั้งที่ไหนกัน ครั้งที่แล้วกลับมาจากบ้านตระกูลหลี่ ไม่ใช่เจ้าเองหรือที่บอกให้นำเงินมาให้ หรือแม้แต่ข้าจะนำเงินมาให้ก็เป็นเรื่องผิดหรือ แต่คำพูดเหล่านี้นั้นกล้าพูดเพียงในใจเท่านั้น ความรู้สึกโกรธนั้นทำได้เพียงสุมไว้ในอก
"ขอรับ ครั้งนี้มีเรื่องเร่งด่วน จำใจต้องมา ขอคุณอยู่อย่าได้โกรธเคือง"
"มีเรื่องอันใด พูดมาไม่ต้องมากความ"
"คืนนี้นายท่านซู หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็มาพาข้าน้อย ข้าน้อยได้บอกเรื่องภายในสองปีนี้ไม่เหมาะที่จะมีงงานมงคลของคุณหนูหว่านเอ้อร์ ท่านเหมือนจะ……ไม่ค่อยสนใจเรื่องซูหว่านเอ้อร์ อีกทั้งยังถามข้าอีกเรื่อง"
นักพรตจินพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุด อยากจะเล่นตัวสักหน่อย รอให้ซูหนานอีถามเขา
แต่รออย่างไรซูหนานอีก็ไม่ถามสักที ได้แต่นั่งเงียบ
เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นสบตากับซูหนานอีที่แววตาเย็นเยือก ดวงตาสีนิลคู่นั้นสะท้อนดวงดาวบนขอบฟ้า จนทำให้เขารู้สึกกลัว
เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคือแล้วรีบก้มหน้าลงทันที ไม่กล้าสบตากับซูหนานอี ยิ่งไม่กล้าที่จะเล่นตัวต่อ ก้มหน้าเอ่ยต่อ: "นายท่านซูให้วันเดือนปีเกิดกับข้า ขอให้ข้าช่วยตรวจดูดวงชะตาเกี่ยวกับ……เรื่องวาสนาแต่งงาน"