ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 59 ละครฉากใหญ่
ซูหนานอีได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ใดมา เดิมทีนางคิดจะมองดูละครฉากนี้อย่างเงียบๆ แต่ก็ดี ละครฉากนี้จะยิ่งเข้มข้น
ซูซืออวี้ยักคิ้วขึ้นถาม "เกิดเรื่องอันใดขึ้น"
บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา "ตอบนายท่าน เป็น…… คุณหนูรองมาขอรับ ต้องการจะบุกเข้ามา"
"เหลวไหล!" ซูซืออวี้ตบโต๊ะ "ไม่ใช่ใข้าห้นางกักบริเวณหรอกหรือ นางมาที่ทำทำไม"
บ่าวรับใช้ไม่กล้าตอบ ซูซืออวี้ก็เอ่ยต่อด้วยความโกรธ: "มัวทำอะไรอยู่ รีบนำตัวนางส่งกลับเรือนไป!"
บ่าวรับใช้ตอบรับคำแต่ยังไม่ทันได้ขยับ ซูหว่านเอ้อร์ก็เดินเข้ามาเสียแล้ว
นางเป็นถึงคุณหนู อีกทั้งยังเป็นคุณหนูรอง จะเข้านอกออกในยังไงก็ได้ เรือนหลังนี้นอกจากแม่บ้านแล้วบ่าวรับใช้ล้วนเป็นผู้ชาย ใครจะบังอาจขวางนางไม่ให้เข้ามาได้ ไม่นานซูหว่านเอ้อร์ก็เดินเข้ามาถึงข้างใน นางไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็เดินเข้าไปจับหมับที่ข้อมือแม่นางหลิว จากนั้นก็ตบเข้าที่หน้าของนาง
เสียงดัง "เพี๊ยะ" จนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ซูหนานอีคิ้วขมวดเล็กน้อย ตาเป็นประกาย จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบอาหารกินอย่างช้าๆ
ซูซืออวี้ยังไม่ทันตั้งสติได้ จ้องดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านิ่ง เซี่ยเถาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย สู้กับซูหนานอีมาเกือบทั้งวัน คิดไม่ถึงว่าจะพลาดเพราะซูหว่านเอ้อร์
แม่นางหลิ่วถูกตบก็ร้องออกมา พร้อมกับใช้มือลูบหน้าตัวเองตาก็จ้องซูหว่านเอ้อร์ "เจ้าเป็นผู้ใน ใยมาตบข้า"
"แล้วทำไมข้าจะตบเจ้าไม่ได้ เจ้าผู้หญิงแพศยา! ข้าตบเจ้าสมควรแล้ว เจ้ายังหน้าไม่อายอีก ยังกล้ามาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงถึงบ้านของข้า ทำไมใต้หล้านี้ถึงได้มีผู้หญิงแพศยาหน้าไม่อายอย่างเจ้าอยู่ด้วย!"
ซูหนานอีขมวดคิ้วขึ้นแล้วน้อย ด่าได้เจ็บแสบเสียจริงๆ ด่าได้แสบมาก ด่ารวมไปถึงซูซืออวี้ด้วย
และตอนนี้ซูซืออวี้ก็โกรธจนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว พอตั้งสติได้ก็ชี้หน้าซูหว่านเอ้อร์แล้วเอ่ย "บังอาจ ! เจ้ารู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา นี่ควรเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคุณหนูผู้ดีอย่างเจ้าหรือ ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แล้วจริงๆ "
ซูหว่านเอ้อร์ยังไม่รู้สึกผิด "นางทำได้ แล้วทำไมข้าจะด่าไม่ได้ หากนางไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นั้น ข้าจะมาด่านางได้อย่างไร ท่านพ่อ ท่านก็อายุมากแล้ว หรือว่าท่านยังจะแต่งภรรยาเข้ามาอีกหรือ"
นี่เป็นเพียงกระดาษหน้าต่างแผ่นบางๆกลั้น เดิมทีซูหนานอีนั้นไม่คิดจะเจาะให้ขาด จะดูว่าซูซืออวี้จะทำอย่างไรต่อไป ซูหว่านเอ้อร์เดินเข้ามาแล้วก็ทำให้โต๊ะอาหารเละเทะไปหมด
ซูซืออวี้ที่ตอนนี้โกรธโมโหจนตัวสั่น หายใจแรงแทบจะล้มลง "เจ้า……"
เซี่ยเถายังมีสีหน้าเรียบเฉย "หว่านเอ้อร์ ห้ามก่อเรื่อง เจ้าทำอะไร ที่นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเจ้า รีบกลับเรือนไปซะ"
ซูหว่านเอ้อร์ที่ตอนนี้เหมือนกับคนบ้า ชี้หน้าเซี่ยเถา "ท่านหุบปาก! เพราะท่านที่เป็นคนต้นคิด
ตัวท่านลุ่มหลงหญิงสาว รับหญิงสาวเข้ามาเป็นอนุคนแล้วคนเล่า ตอนนี้ยังกล้าที่จะมายุแยงให้ท่านพ่อข้าทำเรื่องน่าอายอย่างนี้ด้วย!"
เซี่ยเถาที่ตอนนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง แล้วลุกขึ้น "พูดจาเหลวไหล! ช่างสิ้นคิดเหลือเกิน รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดจาอะไรออกมา"
ซูหว่านเอ้อร์ที่ตอนนี้ยังอยู่ในอารมณ์โกรธยังหมายจะเข้าไปตบแม่นางหลิ่ว แม่นางหลิวก็เบี่ยงตัวหลบไปที่ข้างหลังซูซืออวี้ พร้อบกับร้องไห้ลูบหน้าของตัวเอง
ซูซืออวี้กอดนางไว้ ซูหว่านเอ้อร์เห็นอย่างนั้นยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่สนในอะไรทั้งนั้นเข้าไปหมายจะกระชากนางออกมา "เจ้า นางผู้หญิงแพศยา มานี่! ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก จะร้องทำไม ผู้ที่ต้องร้องไห้ควรเป็นท่านแม่ข้าเสียมากกว่า!"
ซูซืออวี้ที่ตอนนี้โกรธจนปากสั่น "หุบปาก! ข้าว่าเจ้านี้ไม่รับการอบรมที่ดี ผู้ใดกันใช้ให้เจ้ากล้าที่จะมาเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ รีบกลับเรือนของเจ้าไปซะ ไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามออกมาแม้แต่ก้าวเดียว"
ซูหว่านเอ้อร์ร้องกริ้ดลั่น "ข้าไม่ไป! นอกเสียจากว่าจะไล่ผู้หญิงแพศยานี้ไป นางคิดว่านางเป็นใคร"
จากนั้นนางก็หันมาหาซูหนานอีที่อยู่ข้างๆ กัดฟันเอ่ย "ซูหนานอี เจ้าจะใจเย็นไปถึงไหน เจ้าจะปล่อยให้หญิงคนนี้มาวางอำนาจบาตรใหญ่ที่นี่หรือ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ"
ซูหนานอีมองไปทางซูซืออวี้ ที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจ "ทำไมหรือ…… แม่นางหลิ่วผู้นี้ไม่ใช่เป็นแม่ครัวที่ท่านพ่อรับเข้ามาทำงานหรอกหรือ"
"หนานอี เอ่อ……" ซูซืออวี้หน้าแดง ไม่รู้เพราะว่าอารมณ์โกรธหรือเพราะอากาศร้อนกันแน่
ซูหนานอีก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา เพียงแต่ว่า ซูหว่านเอ้อร์นั้นก็พูดถูก คนพวกนี้ล้วนหน้าไม่อาย
"ท่านพ่อ ข้าอิ่มแล้ว พวกท่านค่อยๆ กินเถอะ" ซูหนานอีพูดจบก็ลุกขึ้น ปล่อยคนพวกนั้นไว้ข้างหลังแล้วเดินจากไป
พอกลับมาถึงเรือน เสี่ยวเถาที่เห็นนางก็รีบเข้ามาถามทันที "คุณกลับมาแล้ว บ่าวได้ยินมาว่าที่เรือนนายท่านเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ไม่ได้ต่อว่าคุณหนูใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่ต้องไปสนใจหรอก เตรียมสำรับมาหน่อย ข้ายังกินไม่อิ่ม"
"เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเตรียมประเดี๋ยวนี้"
ซูหนานอีนั่งลงบนโต๊ะข้างหน้าแล้วค่อยๆ กินข้าว รู้สึกว่ากินข้าวที่เรือนตัวเองดีที่สุด
นางกินใกล้จะอิ่มเสี่ยวชีก็มาพอดี
"ทำไมไม่พักผ่อนอีกหน่อยล่ะ"
"บ่าวไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ" เสี่ยวชียิ้มกว้างจนเห็นฟัน
ซูหนานอีเริ่มใจอ่อน แม้เด็กสาวผู้นี้ไปทำงานที่ค่อนข้างเสียงอันตราย แต่อายุนางเพียงสิบกว่าปีเอง
ตอนนี้ฟ้าข้างนอกเริ่มมืดลงแล้ว ซูหนานอีครุ่นคิด "เอาอย่างนี้ เสี่ยวเถา เจ้าไปเตรียมชุดกับหมวก เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกด้วยกัน"
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวเถาไปเตรียมชุด เสี่ยวชีก็กระซิบถาม: "คุณหนูจะไปพบคนผู้นั้นหรือเจ้าคะ"
"อืม" ซูหนานอีพยักหน้า "ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องได้เจอ เจ้าล่วงหน้าไปก่อน ห้ามเปิดเผยตัว ประเดี๋ยวข้ากับเสี่ยวเถาก็จะตามไป"
"เจ้าค่ะ บ่าวขอตัว"
จากนั้นเสี่ยวชีก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วในความมืด
ซูหนานอีกับเสี่ยวเถาก็เปลี่ยนชุด และสวมหมวก ออกทางประตูหลัง
ระหว่างทางก็เจอเข้ากับแม่บ้านไม่กี่คนที่กำลังเลือกโคมไฟอยู่ ซูหนานอีก็ดึงเสี่ยวเถาไปหลบที่ชั้นวางต้นไม้
"พวกเจ้าว่าคุณหนูรองเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างนี้ วันนี้กล้าที่จะไปก่อเรื่องวุ่นวายที่เรือนนายท่าน ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เรียบร้อยอ่อนหวานราวกับผ้าพับไว้"
"เฮ่อ ใครจะรู้เล่า เดิมทีชื่อเสียงของคุณหนูรองก็……ยิ่งกว่านั้นก็ไม่พูดดีกว่า"
"ที่เปลี่ยนไปมีเพียงคุณหนูรองหรือ พวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่า คุณหนูใหญ่ก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่ก่อนคุณหนูเป็นคนเก็บตัวพูดน้อย แล้วดูตอนนี้สิพูดน้อย แต่…… รู้สึกตัวคุณหนูไม่เหมือนกับ เมื่อก่อน"
"ใช่ ใช่ ทุกครั้งที่ได้เจอคุณหนูใหญ่ แม้แต่จะหายใจข้ายังไม่กล้าเลย แม้แต่กับคุณนายเซี่ยก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้"
"อาจจะเป็นเพราะว่าจะได้เป็นพระชายาแล้ว เลยมีสง่าราศีกระมัง"
"อาจเป็นไปได้……"
รอให้พวกนางเดินไปไกลแล้ว ซูหนานอีถึงได้พาเสี่ยวเถาเดินออกมา เสี่ยวเถามองดูคุณหนูที่เดินไปอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับลมพัด แม้จะรู้สึกสงสัยเหมือนแม่บ้านพวกนั้น แต่ก็ยังมีความรู้สึกภูมิใจและดีใจมากว่า
เรือนหลังนั้นอยู่ในซอยที่ค่อนข้างห่างไกล ที่นี่มีคนอยู่พลุกพล่าน ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นและเหมาะแก่การซ่อนตัว
"คุณหนู ที่นี่คือที่ใดกันเจ้าคะ" เสี่ยวเถากระซิบถาม
รอบตัวมืดไปหมด มีเพียงแสงสว่างจากแสงจันทร์ เงาต้นไม้โยกไปมาบนกำแพงเมือง เหมือนกับภูตวิญญาณยิ่งทำให้คนรู้สึกหลอนอกสั่นขวัญหาย
"เสี่ยวเถาไม่ต้องกลัว" ซูหนานอีกระซิบบอก เดินไปเคาะประตู
เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงถามออกมา "ใคร"
"ท่านนักรบ รบกวนเปิดประตูด้วย"
เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างใน มีคนเดินออกมาเปิดประตูสะท้อนกับแสงจันทราเป็นชายทหารร่างบึกบึน "เจ้าเป็นผู้ใด"
ซูหนานอีตอบ: "คนที่เชิญท่านเข้าเมือง"
ชายบึกบึนเปิดประตู หลบให้ซูหนานอีเข้าไป
ในห้องมีแสงไฟสลัว แม้จะดูธรรมดาแต่สะอาดสะอ้าน ชายบึกบึนก็เดินตามเข้ามา
ซูหนานอีอาศัยเสียงไฟสลัวๆ พิจารณา เขาน่าจะอายุราวสามสิบปี โครงหน้าเหลี่ยม ผิวดำหยาบกร้าน ไว้หนวด สวมชุดโทรมๆ ยืดตัวตรงลำตัวแข็งแกร่ง ดูออกว่าไม่ใช่คนธรรมดา
"เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่" ชายร่างบึกบึนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงรีบร้อน "แม่นางม่านภรรยาของข้าตอนนี้อยู่ที่ใด"
ซูหนานอีสูดลมหายใจเข้าเบาๆ "ท่านนักรบ ขออภัยที่ต้องพูดปดกลับท่าน"
ชายบึกบึนถึงกับอึ้ง แววตานิ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว "เจ้าหมายความว่าเช่นไร ทำไมต้องพูดเท็จกับข้า"