ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 58 ต่างคนต่างมีแผน
เซี่ยเฉาดื่มชา หลับตาลงไม่มองหน้าเซี่ยชื่อ
"ข้ามาครั้งนี้ ไม่ได้มาเพียงคนเดียว ยังพาคนมาให้เจ้าด้วย"
เซี่ยชื่อมึนงง "ให้ข้าอย่างนั้นหรือ ผู้ใดกัน"
เซี่ยเถานิ่งไปชั่วครู่ "เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง"
"หญิงสาวอย่างนั้นหรือ" เซี่ยชื่อยิ่งอยากรู้ "หญิงสาวที่ไหนกัน"
เซี่ยเถาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วหยุดนิ่ง กระซิบบอก: "ข้านำตัวช่วยมาให้เจ้า ให้นางช่วยให้เจ้าได้ครองหัวใจของซูซืออวี้"
เซี่ยชื่อนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นก็เข้าใจ เพียงไม่นานก็ลุกขึ้น จ้องมองไปที่เขา "เซี่ยเถา ท่านบ้าไปแล้วหรือ แม้ท่านเป็นพี่น้องต่างมารดากับข้า แต่เพื่อร้านยานั่นข้าเคยแย่งกับท่านมาแต่ท่านก็ไม่ควรมาทำร้ายฆ่าอย่างนี้"
เซี่ยเถาขมวดคิ้ว "เจ้าพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าทำร้ายเจ้าได้หรือ ทำร้ายเจ้าแล้วข้าได้อะไร"
เซี่ยชื่อเช็ดน้ำตา โกรธจนตัวสั่น ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโกรธ
เซี่ยเถาได้แต่ถอนหายใจ "เจ้าจะยอมให้ข้าใช้วิธีนี้หรือไม่ เจ้าก็ไตร่ตรองดูให้ดี หลายปีมานี้เขาเชิดชูเจ้าหรือไม่ และตอนนี้ซูหนานอีกำลังจะได้เป็นพระชายา ทำอะไรยิ่งจะเป็นเรื่องยากไม่ใช่หรือ หรือว่าเจ้าจะรอให้ซูซืออวี้เบื่อเจ้า รังเกียจเจ้าแล้วทิ้งเจ้าหรือ"
เซี่ยชื่อที่กำลังลังเล เซี่ยเถาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาลง "ที่นี่คือเมืองซินเยว่ เป็นเมืองหลวง แต่ก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ซูซืออวี้มีเงิน หน้าตาก็ไม่อัปลักษณ์ ที่สำคัญเจ้าไม่มีบุตรชายให้กับเขา ถ้าหากเขาแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอก มีลูกชายหญิง เจ้าก็จะยิ่งถูกกระทำไม่ใช่หรือ"
เซี่ยชื่อหน้าซีดเผือด หันกลับไปมองเขา "ถ้าอย่างนั้น……"
"คนที่ข้าหามา เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เจ้าสามารถที่จะควบคุมได้ แม้ในภายภาคหน้าจะกำเนิดบุตรชาย ก็สามารถเลี้ยงดูให้เป็นลูกของเจ้าได้ เมื่อถึงตอนนี้เจ้าก็เป็นคนตัดสินใจมิใช่หรือ"
เชี่ยชื่อครุ่นคิด เพียงไม่นาน ก็พยักหน้าตกลง
เมื่อฟ้าใกล้พลบค่ำ หยุนจิ่งถึงได้กลับจวนอ๋องไป ก่อนกลับก็อาลัยอาวรณ์ "เหนียงจื่อ พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าอีก"
"ได้ รีบกลับไปเถอะ"
ซูหนานอีเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู มองดูเขาที่เดินไปได้สามก้าวก็หันกลับมามองนาง
และเมื่อจะเดินกลับเรือนก็ได้ยินเสียงเรียกนาง "คุณหนู กรุณาหยุดก่อน"
ซูหนานอีหันกลับไปมอง เป็นคนใช้ข้างกายซูซืออวี้
"มีเรื่องอันใด"
คนใช้คารวะ "คุณหนู นายท่านใช้บ่าวมาเชิญท่านไปกินข้าวที่เรือนใหญ่"
ซูหนานอีรู้สึกแปลกใจ "ไปเรือนใหญ่ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ไปที่เรือนใหญ่ได้"
คนใช้ส่ายหน้า "บ่าวก็มิทราบได้ เชิญคุณหนูไปก็คงจะรู้"
ซูหนานอีพยักหน้า "เจ้าไปบอกท่านพ่อว่าเดี๋ยวข้าไป"
คนใช้รับคำก็เดินจากไป เสี่ยวเถาก็กระซิบ: "คุณหนู ท่านจะไปหรือไม่เจ้าคะ"
"ไปสิ เขาทำอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว ข้าอยากจะดูว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่"
ซูหนานอีกลับมาเก็บของพร้อมเตรียมตัวไปเรือนใหญ่ ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา เป็นเสียงของเสี่ยวเถาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ "คุณหนูเจ้าคะ เสี่ยวชีกลับมาแล้ว"
"โอ๊ะ" ซูหนานอีก็ดีใจ เสียวชีทำงานได้เร็วกว่าที่นางคิดไว้อีก
"เสี่ยเถา เจ้าไปรอข้างนอกก่อน ห้ามให้ใครเข้ามารบกวน"
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวชีเข้ามาในห้อง
คารวะซูหนานอี ซูหนานอีพยุงนางให้ลุกขึ้น "ลำบากเจ้าแล้ว เรื่องที่ให้ทำเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดีหรือไม่"
เสี่ยวชีพยักหน้า "คุณหนูทั้งหมดราบรื่นดีเจ้าค่ะ เดิมทีก็เป็นกังวล แต่บ่าวทำตามคำสั่งของคุณหนู นำจดหมายส่งให้เขา พอเขาอ่านจดหมายก็รับปากทันที"
"จัดการดีแล้วหรือยัง" ซูหนานอีเอ่ยถาม "ไม่มีใครพบใช่ไหม"
"ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวระวังตัวอย่างดี" เสี่ยวชีเอ่ยตอบ "บ่าวได้จัดการนำเขาไปไว้ในที่เรือนหลังเล็กตามที่คุณหนูบอกแล้ว เขาบอกว่ารอให้คุณหนูไปพบเขา"
"ได้ เจ้าทำได้ดีมาก" ซูหนานอียกขนมว่างที่อยู่ในจานบนโต๊ะส่งให้นาง "เจ้าลำบากมากแล้ว กินขนมนี้ก่อน เดี๋ยวให้เสี่ยวเถาเตรียมอาหารให้ คืนนี้ก็พักผ่อนให้สบาย เรื่องอื่นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู"
ซูหนานอีสั่งให้เสี่ยวเถาดูแลเสี่ยวชี แล้วไปที่เรือนของซูซืออวี้คนเดียว
นางเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงคนข้างในพูดคุยกัน
"น้องเขย เจ้าดูเอาเถิด เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร เราเป็นผู้อาวุโสต้องมารอก่อน นางยังไม่มา เจ้าว่าอย่างนี้รู้ความหรือไม่" เป็นเสียงของเซี่ยเถา
ซูซืออวี้ก็หัวเราะออกมา "บุตรสาวของข้าบางคราวนั้นพิถีพิถันสักหน่อย ออกมาพบคนข้างนอกต้องเปลี่ยนชุด ไม่ค่อยมีเวลานัก อีกอย่างข้าก็เรียกนางมาโดยไม่บอกล่วงหน้า"
เซี่ยเถาส่งเสียงหึออกมา "พูดอย่างนี้ท่านก็ไปเรียกนางอีกเถิด เป็นเด็กเป็นเล็ก นี่ยังไม่ทันได้เป็นพระชายาเลยนะ"
ซูหนานอีเอ่ยออกมาเสียงเย็นชา: "เป็นไม่เป็นพระชายา ข้าก็คือคุณหนูซูแห่งตระกูลซู ต่อหน้าบิดาของข้า กล้าใส่ร้ายข้า นี่คือวาจาของแขกของเซี่ยชื่อหรือ"
เซี่ยเถาหันหน้ามามอง สีหน้าไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่พูดอะไร
ซูซืออวี้หัวเราะตายิ้ม "หนานอี มาๆ"
ซูซืออวี้เดินเข้ามา นางก็คารวะซูซืออวี้ "ท่านพ่อ"
ซูซืออวี้ชี้ไปที่เซี่ยเถา "มาคารวะท่านลุงของเจ้า"
ซูหนานอีระบายยิ้ม "แปลกจริงๆ มารดาข้ามีน้องชายเพียงคนเดียว เป็นนายด่านอยู่นอกเมือง ไม่ทราบว่าท่านนี้เป็นลุงของตระกูลใด"
พูดต่อหน้าเซี่ยเถาโดยไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เซี่ยเถาตอนนี้อยากจะตบโต๊ะระบายอารมณ์ แต่ทำได้เพียงอดทนไว้ "ใช่แล้ว หนานอีเทียบกับหนานอีในเมื่อก่อนไม่ได้ ไม่เคารพข้าที่เป็นลุงผู้นี้แล้ว"
"ท่านพ่อ" ซูหนานอีที่แววตาเย็นชา "ท่านพ่อเรียกข้ามามีเรื่องอันใด ถ้าหากไม่มีเรื่องอันใด ลูกของตัวกลับก่อน ดีกว่าอุดอู้อยู่ที่นี่"
"หนานอีอา" ซูซืออวี้เรียกเสียงเบา "ช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ในฐานะที่ข้าเป็นพ่อไม่ดูแลเจ้าให้ดี เจ้าก็อยู่ก่อนเถอะ อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนพ่อสักครั้งเถอะ"
กินข้าวที่นี่อย่างนั้นหรือ ซูหนานอีนั้นไม่อยากกินสักนิด แต่นางก็รู้ดีว่า ที่ซูซืออวี้เรียกให้นางมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง นางอยากจะดูว่ามีอะไรกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่มีความสุข เซี่ยเถาผู้นี้อย่าหาได้มีความสุขเลย
"ได้ ลูกจะกินข้าวเป็นเพื่อนท่านพ่อ" ซูหนานอียิ้มออกมา แล้วเดินเข้าไปนั่ง
"ได้ ได้" ซูซืออวี้พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยสั่งบ่าว "ตักข้าวเถอะ"
บ่าวรับใช้เอ่ยรับคำสั่งแล้วเริ่มตักข้าว เหล่าสาวใช้ก็ทยอยนำอาหารเลิศรสเข้ามาวางบนโต๊ะ
ทันใดนั้นซูหนานอีก็ได้กลิ่นหอมบางๆ กลิ่นหอมนี้รวมอยู่ในอาหาร เป็นกลิ่นพิเศษ และเวลานี้เสียงกระดิ่งดังขึ้น ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมอง สุดท้ายก็มีหญิงสาวเดินถือถาดเดินเข้ามา ในถาดมีซุปอยู่สามอย่าง นางเดินมาอย่างมั่งคง กระโปรงไม่ขยับเวลาเดิน นัยน์ตายิ้ม
ซูหนานอีมองมาก็จำนางได้ทันที นี่เป็นหญิงสาวที่มากับเซี่ยเถาไม่ใช่หรือ
นางเหล่มองซูซืออวี้ที่มองหญิงสาวผู้นี้ มองตั้งแต่บนลงล่างอย่างพิจารณาอย่างละเอียด ดูน่าเป็นที่น่าพอใจ
เซี่ยเถาที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับมีท่าทีครุ่นคิด
มองดูท่าทางของทั้งคู่ ซูหนานอีเข้าใจได้ทันทีว่าเซี่ยเถาพาหญิงสาวผู้นี้มามีจุดมุ่งหมายใด ทันใดนั้นก็ทั้งโกรธทั้งดีใจขึ้นมา
รับไม่ได้จริงๆ
ทว่านางไม่เอ่ยอะไรออกมา ทำเป็นไม่เห็นอะไรแปลกไป เพียงแต่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ: "ท่านนี้……เป็นแม่ครัวคนใหม่หรือ"
ซูซืออวี้ไอกระแอม ละสายตากลับมา เซี่ยเถาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น: "หากคิดว่าเป็นแม่ครัว ลองชิมสักหน่อย"
ซูหนานอีหัวเราะซิกๆ "ช่างแปลกเสียจริง ใครเป็นใคร อะไรที่เรียกว่าแม่ครัวก็คือแม่ครัว ถ้าหากข้าบอกว่าเป็นอย่างอื่นก็ได้หรือ"
"ข้าน้อยแซ่หลิว คารวะนายท่านซู คุณหนูซู" หญิงสาวเอ่ยปากพูดพร้อมทำท่าคารวะพร้อมทั้งส่งถาดที่อยู่ในมือให้ "นี่คือซุปไก่ที่ข้าตุ๋นเองกับมือ เชิญท่านทั้งสามลองชิม"
ซูหนานอีไม่ได้เอ่ยอะไร ตัดสินใจแล้วว่าจะรอดูละครสักหน่อย อยากจะดูว่าชายทั้งสองคนจะร้องเพลงจีบหญิงอย่างไร
"แม่นางหลิวเกรงใจเกินไปแล้ว เจ้าเป็นแขก ทำไมถึงได้เข้าครัวได้ล่ะ มาเถอะ นั่งกินข้าวด้วยกัน" ซูซืออวี้รับถาดด้วยตนเองพร้อมเอ่ยเชิญ
เซี่ยเถาตาเป็นประกาย มองท่าทีของซูซืออวี้อย่างพึงพอใจ
"หลิวเอ้อร์ ในมือท่านซูให้เจ้ามานั่ง เจ้าก็มานั่งเถอะ"
แม่นางหลิวก็นั่งลง ยืดตัวตรง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก