ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 56 เจ้าเป็นคนสำคัญที่สุดของข้า
ซูหนานอีนั่งอยู่ที่โรงน้ำชาจู้ชิ้งด้วยท่าทีสบาย ใช้เสี่ยวเถาออกไปซื้อขนมกินเล่น เพียงไม่นานเซี่ยหล่านก็มาถึงแล้ว
เซี่ยหล่านยังไม่ทันได้นั่งก็เอ่ยขึ้น: "ศิษย์น้องหลิวอะไรนั่น ไม่ใช่คนเลวอะไร"
"เขาต้องมีอะไรบางอย่างแน่" ซูหนานอีเอ่ยมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ไส้ศึก แต่เรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับเขา"
"เจ้าสามารถสืบได้หรือไม่ว่าเป็นคนของหุบเขาเทวดาหรือไม่ สายของเราที่อยู่ในเมืองซินเยว่นั้นได้ถูกเปลี่ยนก่อนที่กู้ซีเฉินจะขึ้นครองราชย์ เจ้ายังไม่ทันได้เจอ" หากเป็นดั่งที่เสี่ยวชีคิด "ข้าสงสัยกู้ซีเฉินผู้นี้กับศิษย์ของหุบเขาเทวดาจะต้องรู้จักมักจี่กันแน่"
ซูหนานอีพยักหน้า "อาจเป็นไปได้ แต่ข้าเห็นรหัสลับของหุบเขาเทวดาที่ในวัด และประจวบเหมาะกับคนที่แซ่หลิวนั่นปรากฏตัวออกมา คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่"
"รหัสลับอยู่ที่ใด" เซี่ยหล่านถามขึ้น
"อยู่ที่ใต้แท่นองค์เทพ" ซูหนานอีตอบพร้อมกับแววตาเย็นชายากที่จะซ่อนความเกลียดชังไว้ได้ "บนตัวของเขายังมีกลิ่นพิเศษ เพราะมีกลิ่นพิเศษนี้ คนที่เคยใช้กลิ่นก็จะยังคงหลงเหลืออยู่ บางๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานกลิ่นนี้ก็จะยังคงอยู่ แน่นอนว่าคนที่ไม่รู้ย่อมไม่สังเกต ดังนั้นคนที่ทิ้งรหัสลับไว้จะต้องเป็นเขาแน่"
เซี่ยหล่านขมวดคิ้วเล็กน้อย "หมายความว่า เขาจะต้องเป็นคนที่ทิ้งรหัสลับนี้ไว้"
"ใช่แล้ว และเขาจะต้องเป็นคนที่มีฝีมือ ครั้นนั้นข้าทุบอิฐจนแตกกระจาย เขานั้นก็ยกมือขึ้นมาป้องกันตัวไว้ตามสัญชาตญาณ ซึ่งไม่ใช่ท่าทางของคนธรรมดาทั่วไป อีกทั้งเจ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือว่า เขาพึ่งมาถึงเมืองเยว่ พึ่งไม่ถึงไม่ไปเที่ยวที่สนุกๆ แต่มาไหว้วัดเจ้าแม่กวนอิมเก่าๆ โทรมๆ อีกทั้งยังคุ้นเคยกับข้างหลังวัดอีก"
ซูหนานอีส่ายหน้าไปมา "เขายังถามถึงหญ้าไฟวิญญาณของท่านหมอหูเทวดา ถึงอย่างไรคนผู้นี้มีปัญหาแน่"
"ข้าจะไปตามสืบ" เซี่ยหล่านม่านตาปิดลงแล้วดื่มชา "จะต้องมีเบาะแสร่องรอยอยู่แน่"
"แท้จริงแล้วไม่ยากเลย" ซูหนานอีเผยสายตาอาฆาตออกมา "เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า ยังมีซือหยวนยังอยู่"
เซี่ยหล่านตบไปที่ขาของตัวเอง "ใช่แล้ว แซ่หลิวยังไม่ทราบว่าลู่ซือหยวนยังมีชีวิตอยู่ ให้ซือหยวนได้เจอกับเขา"
ซูหนานอีเคาะนิ้วเบาๆ ลงบนมุมโต๊ะ "ข้าขอคิดก่อน จะทำอย่างไรให้เขาเจอซือหยวนโดยคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ"
เซี่ยหล่านตอบรับอย่างรวดเร็ว "ได้ ขอจะรอข่าวจากเจ้า เจ้าคิดดีแล้วเรามาตกลงกันก็พอ"
ทั้งสองแยกย้ายกันออกไป เสี่ยวเถายืนรออยู่ที่ข้ารถม้า พอเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหา กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าก็ได้ยินเสียงคนร้องเรียก "เหนียงจื่อ!"
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมองอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็มองเห็นหยุนจิ่งวิ่งมาจากอีกฝั่ง หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ มุมปากยังเปื้อนเศษขนม ด้านหลังยังมีคนติดตามที่วิ่งตามมาจนหอบ
"จิ่งเอ้อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" ซูหนานอีมองชุดเขาที่ตอนนี้เปียกไปด้วยเหงื่อ ก็รู้สึกสงสาร "รีบขึ้นไปบนรถเถอะ จะได้เย็นสบาย"
"ข้าไม่กลัว" หยุนจิ่ง
ตบไปที่จานอาหาร นัยย์ตายิ้มมองไปที่ซูหนานอี "เหนียงจื่อ ข้ามาส่งของอร่อยให้เจ้า เดินมาถึงทางนี้ก็อยากจะซื้อขนมน้ำตาลให้เจ้า แต่ข้าหาร้านหายังไงก็ไม่เจอ ร้านขนมน้ำตาลสักร้านก็ไม่มี"
"โอ๊ะ ร้านเดียวก็ไม่มีเลยหรือ" ซูหนานอีถามอย่างแปลกใจ
"ใช่แล้ว ข้าวิ่งหาหลายที่แล้ว ข้ายังให้พวกเขาไปหาทางนั้น" หยุนจิ่งชี้ไปทางข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังเขา
"ใช่ขอรับ คุณหนูซู ข้าน้อยไปหาแล้ว ไม่มีคนขายขนมน้ำตาลแม้แต่คนเดียวเลย"
ซูหนานอีนึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนั้นนางซื้อขนมน้ำตาลให้กับหยุนจิ่ง และหยุนจิ่งปฏิเสธที่จะให้กับกู้ซีเฉินที่ถามอยากได้ขนมน้ำตาล……ซูหนานอีถึงกับตัวเย็นเยือก ใจของเขาช่างแคบนั้น เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยก็โกรธกริ้วพาลไปลงกับคนขายขนมน้ำตาลอย่างนั้นหรือ
"เหนียงจื่อ เจ้าเป็นอะไรไป" หยุนจิ่งที่กำลังมองหน้านางอยู่ "หรือว่าเจ้าไม่ดีใจแล้ว"
"ไม่ใช่หรอก" ซุหนานอีเรียกสติกลับคืนมา "จิ่งเอ้อร์คงไม่รู้ว่า ตอนนี้อากาศร้อนแล้ว คนขายน้ำตาลอาจจะเกรงว่ายังไม่ทันขายได้หมดขนมน้ำตาลก็คงละลายหมดก่อน ดังนั้น รอให้ถึงฤดูหนาวค่อยมาซื้อ"
"จริงหรือ" หยุนจิ่งเปลี่ยนจากเศร้าเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
"อืม" ซูหนานอีพยักหน้า "ไปเถอะ พวกเราขึ้นไปบนรถม้ากัน"
"ได้" หยุนจิ่งที่ถือจานขนมอยู่ มืออีกข้างก็พยุงซูหนานอี "เหนียงจื่อ ขนมที่อยู่ในกล่องนี้อร่อยมาก ข้าตั้งใจซื้อมาให้เจ้าเลย"
"จริงหรือ จิ่งเอ้อร์ใจดีเหลือเกิน เป็นอะไรหรือ" ซูหนานอีถามอย่างอยากรู้
รถม้าที่ค่อยๆ วิ่งไปข้างหน้า หยุนจิ่งก็นั่งอยู่ใกล้ๆ ซูหนานอี แล้วค่อยๆ เปิดกล่องที่เป็นมีขนมข้างในออกก็มีไอเย็นแผ่ออกมา
ซูหนานอีจ้องมองอยู่ "โอ๊ะ กล่องเย็นช่างประณีตและยังมีผลไม้แช่เย็นอีก!"
"ใช่แล้ว" หยุนจิ่งที่เห็นนางอารมณ์ดี ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข "ข้ารู้ว่าเหนียงจื่อจะต้องชอบ ข้าตั้งใจซื้อผลไม้แช่เย็นที่เหนียงจื่อชอบ หวานด้วย ข้าถือมาด้วยความเย็นก็ไม่คลายลงเลย"
มองหน้าเขาที่มีสีแดงจากแสงแดด หน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งแววตาที่เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงสว่างนั่น ซูหนานอีก็รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาอยู่ในใจ นางจับมือของหยุนจิ่ง "จิ่งเอ้อร์ เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน"
หยุนจิ่งก็จับมือของซูหนานอีแน่น "ข้าต้องดีกับเหนียงจื่ออยู่แล้ว เจ้าเป็นคนสำคัญที่สุดของจิ่งเอ้อร์"
เสี่ยวเถาที่นั่งอยู่ตรงมุม ก็เขินหน้าแดงจนต้องหันหน้าออกหน้าต่างไม่กล้าหันกลับไปมอง
ซูหนานอีหัวเราะออกมาเบาๆ "อย่างนั้น จิ่งเอ้อร์ก็เป็นคนสำคัญที่สุดของข้า"
"หา จริงหรือ" หยุนจิ่งดีใจหันหน้ามองออกไปข้างนอก "เหนียงจื่อพูดจริงหรือ"
"จริงแท้แน่นอน" ซูหนานอีพูดอย่างจริงจังพร้อมกับพยักหน้า
"ข้ามีความสุขจัง เหนียงจื่อ จิ่งเอ้อร์มีความสุขจังเลย" หยุนจิ่งไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของเขาตอนนี้อย่างไรดี ทำได้เพียงจับมือของนางไว้พร้อมกับพูดว่าตัวเองมีความสุขซ้ำไปซ้ำมา
ซูหนานอีแอบหัวเราะเยาะชาติที่แล้วของตนเอง ช่างโง่เขลายิ่งนักที่ยกหัวใจให้กับคนอย่างกู้ซีเฉิน
รถม้าวิ่งใกล้มาถึงจวนตระกูลซู เสี่ยวเถาก็มองเห็นรถม้าจอดอยู่ข้างหน้าจวน เอ่ยเรียกเสียงเบา "คุณหนู ไม่ดีแล้ว เขามาที่นี่ได้อย่างไร"
"ผู้ใด"
"พี่ชายของคุณนายเซี่ย และยังมีคนติดตามมาด้วย ข้าไม่รู้จักเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีแหวกม่านดู เป็นกลุ่มคนยืนอยู่ข้างรถม้า คนหนึ่งกำลังขนของ อีกคนกำลังพูดคุยอยู่
"ไม่ต้องสนใจพวกเขา" ซูหนานอีเอ่ย "พวกเราไม่จำเป็นต้องหลบพวกเขา"
ในระหว่างที่พูดรถม้าก็วิ่งมาถึงหน้าจวน เสี่ยวเถากระโดดลงมา ตามมาด้วยหยุนจิ่ง แล้วยื่นมือขึ้นรับซูหนานอี
ซูหนานอีกำลังยื่นมือออกไป นางยังไม่ทันได้ลงจากรถม้า ก็ได้ยินเสียงคนซุบซิบกันแปลกๆ "โอ๊ะ กล้าใกล้ชิดกับชายอื่นกลางวันแสกๆ ตระกูลซูย้ายเข้ามาที่เมืองซินเยว่นี้แล้ว แล้วใยไม่รู้จักอบรมสั่งสอนเสียบ้าง"
ซูหนานอีกวาดสายตามองด้วยสายตาเย็นชาและเฉียบแหลม จนทำให้ชายคนนั้นรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
เสียวเถาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ "ใต้เท้าเซี่ย ท่านพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร คุณหนูของเราจะไม่ได้รับการอบรมได้อย่างไรกัน"
เซี่ยเถาร้องหึออกมา "โอ๊ะ นี่ใช่เสี่ยวเถาหรือไม่ ทำไม ตอนนี้เจ้ากล้าต่อความกับข้าแล้วหรือ นี่หรือที่เรียกว่าได้รับการอบรม"
"ท่าน……"
"ข้าคิดว่า คนที่ไม่ได้รับการอบรมน่าจะเป็นท่านมากกว่าเสียกระมัง มาส่งเสียงก่อกวนอยู่ที่หน้าจวนซูของข้า ใช้คำหยาบคาย เรื่องของตระกูลซูเรา เป็นเรื่องที่ท่านเอาไปนินทาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
ซูหนานอีเดินไปตรงหน้าเซี่ยเถา ยืดตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ หยุนจิ่งยืนอยู่ข้างๆ นาง สีหน้านิ่งน่าเกรงขาม
เซี่ยเถาขมวดคิ้ว หรือว่าที่น้องสาวบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก เพราะถูกซูหนานอีหญิงร้ายผู้นี้เข้ามาขัดขวาง ตอนนี้ดูแล้ว ยัยเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
"ซูหนานอี เจ้าบังอาจมาก! กล้ามาพูดอย่างนี้กลางถนน ไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่า!" เซี่ยเถาคิดอยากจะสั่งสอนซูหนานอี แล้วง้างมือหมายจะตบ
เขาที่กำลังจะง้างมือขึ้นนั้น หยุนจิ่งก็เข้ามาจับมือเขาไว้ จ้องด้วยสายตาดุจคมมีดน้ำแข็ง "กล้าแตะต้องเหนียงจื่อของข้า เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!"
หยุนจิ่งใช้แรงทั้งหมดผลักเซี่ยเถาจะลอยกระเด็นออกไป ราวกับถุงผ้าที่ลอยกระเด็นมาตกบนถนนหน้าประตู
เซี่ยเถาร้องหึออกมายังไม่ลุกขึ้น
หยุนจิ่งที่ยังรู้สึกโกรธอยู่ คิดจะเข้าไปซ้ำ แต่ก็ถูกซูหนานอีรั้งไว้ มีเรื่องกับคนอย่างนี้ไม่คุ้มหรอก
นางนั้นอยากจะกลับเข้าจวน ก็มีคนเดินออกมาจากรถม้าของตระกูลเซี่ยนั่น