ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 52 จริงหรือหลอก
เสี่ยวชีเห็นท่าทางของซูหนานอีเช่นนั้นจึงคิดว่านางมิเชื่อ จึงได้อธิบายต่อไปว่า "นางดูเหมือนขาขวาผิดปกติ เวลาเดินเท้าขวาของนางจะลากพื้นเล็กน้อย ดังนั้นเสียงฝีเท้าจึงมิน่าฟังนัก ประกอบกับที่นางอ้วนท้วมและดูน่าหงุดหงิด"
ซูหนานอีประหลาดใจยิ่งขึ้น "หูของเจ้าดีเช่นนี้เชียวหรือ?"
จากนั้นเสี่ยวชีจึงเข้าใจสิ่งที่นางกล่าวแล้วพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าเกิดและโตในภูเขา ถูกท่านหัวหน้าเก็บมาเลี้ยงดู เขาทำการฝึกฝนตามจุดแข็งของเราที่แตกต่างกันไป"
ขณะนั้น แม่บ้านชุยและเสี่ยวเถาได้เดินเข้าไปด้านใน นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในห้องของซูหนานอี ทันทีที่เข้าประตูมา นางก็คุกเข่าลงโดยมิกล่าวอะไร
เสี่ยวเถาตกใจยิ่ง "เจ้ากำลังทำอะไรอยู่นี่? มีอะไรก็จงกล่าวมา เจ้าทำเช่นนี้จะมิทำให้คุณหนูของเราเสียชื่อเสียงหรือ?"
แม่บ้านชุยก้มศีรษะคารวะซ้ำแล้วซ้ำเล่า "คุณหนูเจ้าคะ บ่าวมิได้หมายความว่าเช่นนั้น บ่าวเพียงอยากจะขอให้คุณหนูช่วยบ่าวด้วย!"
เสี่ยวเถากำลังจะโต้แย้ง แต่ซูหนานอียกมือขึ้นก่อน นางจึงได้เพียงเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธอยู่ข้างๆ
"เจ้าเป็นคนของเซี่ยซื่อ ตอนนี้เจ้าทำงานในเรือนของ ซูหว่านเอ้อร์ หากเจ้ามีอะไรจะขอก็ควรไปขอกับพวกนางสิ เหตุใดจึงต้องมาร้องขอข้า?"
หน้าผากของแม่บ้านชุยโขกลงที่พื้น เสียงของนางสั่น "คุณหนูเจ้าคะ บ่าวอยู่ในจวนพวกนางก็จริง แต่พวกนางมิเคยปฏิบัติกับบ่าวเช่นมนุษย์……"
นางกล่าวพร้อมสะอึกสะอื้นออกมา"เสี่ยวชุยจือลูกชายของบ่าวเสียชีวิตอย่างหาสาเหตุมิได้ บ่าวยังมิได้เจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย คนพวกนั้นก็โยนเขาออกไปทิ้งเสียแล้ว……บ่าวได้เอ่ยถามคุณนายเซี่ย แต่นางก็มิรู้อะไรเลย อีกทั้งยังดุด่าว่าบ่าวพูดมาก บุตรชายของบ่าวทั้งคน จะมิให้บ่าวเอ่ยถามเลยหรือเจ้าคะ?"
"บ่าวถูกย้ายไปที่เรือนของคุณหนูรองตั้งแต่เมื่อวานแต่ วันนี้หลานสาวของบ่าวก็เสียชีวิตลง เพียงเพราะกวาดพื้นโดยมิได้ระวัง จึงทำให้เศษกระเบื้องแตกกระเด็นไปถูกชายกระโปรงของคุณหนูรอง……"
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวรู้สึกขมขื่น มิรู้จะกล่าวกับผู้ใดได้……"
นางหลั่งน้ำตาร่ำไห้ เสียงสะอื้นที่พยายามเก็บเสียงเอาไว้ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกโศกเศร้าในหัว ดวงตาของเสี่ยวเถาก็เริ่มเป็นสีแดง
ซูหนานอีจึงนึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวชุยจือเป็นบุตรชายของแม่บ้านชุย เป็นเรื่องน่าสมเพชจริงๆที่คนอายุเท่านี้ต้องสูญเสียลูกและหลานไป
สิ่งที่นางมิคาดคิดก็คือ เด็กหญิงตัวเล็กๆในวันนี้ จะเป็นหลานสาวของแม่บ้านชุย
"ขอบพระคุณคุณหนูที่จัดหาโลงศพให้หลานสาวของบ่าว ให้นางได้จากไปอย่างสงบ บ่าวขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณหนูยิ่ง……"
แม่บ้านชุยเริ่มนำศีรษะโขกพื้นอีกครั้ง เสียงหน้าผากแตะพื้นดังโครมๆ
ซูหนานอีมองไปที่แม่บ้านชุย นางมิรู้ว่าจริงหรือเท็จเพียงใด แม้ว่าเรื่องที่นางประสบมานั้นจะน่าสงสารสักเพียงไร แต่ซูหนานอีจะมิแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา
"เสี่ยวเถา ช่วยพยุงนางลุกขึ้นเถอะ"
เสี่ยวเถาก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงแม่บ้านชุยขึ้นมา หน้าผากของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงม่วง ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยน้ำตา
"เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร?" ซูหนานอีถาม
"บ่าว……บ่าวอยากจะล้างแค้นให้ลูกชายและหลานสาวเจ้าค่ะ!" แม่บ้านชุยกัดฟันกรอด
ซูหนานอีหรี่ตาเล็กน้อย "เจ้าคิดจะฆ่าเจ้านายหรือ? การที่ทาสรับใช้ทำร้ายนายถือเป็นความผิดทางอาญา"
แม่บ้านชุยลังเลและส่ายหัว "บ่าวมิได้ต้องการฆ่านาย บ่าวเพียงต้องการสอนบทเรียนแก่คุณหนูรองเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ"
แม่บ้านชุยก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า "คุณหนูเจ้าคะ ให้บ่าวเข้ามาทำงานในเรือนคุณหนูได้หรือไม่เจ้าคะ?"
"มิได้ในตอนนี้ หากเจ้ายังอยู่ที่นั่นยังพอจะทำอะไรได้บ้าง หากเจ้ามาที่นี่แล้วจะทำการมิสะดวก เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?"
แม่บ้านชุยตระหนักขึ้นในทันใด "บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ และรอคำสั่งจากคุณหนู"
เสี่ยวเถาส่งแม่บ้านชุยกลับออกไป ซูหนานอีเอ่ยถามเสี่ยวชีว่า "เจ้าคิดว่าที่นางกล่าวเป็นจริงหรือไม่?"
"จะเพียงคิด ฟังหรือรู้สึกมิได้ เราต้องพึ่งพาหลักฐานเจ้าค่ะ" เสี่ยวชีก้มหน้าลงตอบ "คุณหนูเจ้าคะ บ่าวสามารถคอยจับตามองนางได้"
"มิจำเป็นหรอก ไม่ว่าจริงหรือไม่ก็ตามนางก็มิมีประโยชน์มากนัก แม้ว่าซูหว่านเอ้อร์จะมิถูกเราจัดการ นางก็จะได้รับบทเรียนอย่างแน่นอน พวกเรามีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ จะมัวเสียเวลากับคนประเภทนี้ทำไม"
ซูหนานอีหนักใจเล็กน้อย นางมีหลายสิ่งที่ต้องทำจริงๆ ศัตรูในชาติก่อน พ่อแม่ที่หลบหนีไป อาการเจ็บป่วยของหยุนจิ่ง ขาของลู่ซือหยวน และวิญญาณในหุบเขาเทวดา หากมินั่งนับก็มิรู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องทำ
เสี่ยวเถาเดินกลับเข้ามาจากข้างนอก ใบหน้าของนางขมวดเข้ารวมกัน "คุณหญิงเจ้าคะ ฟังดูน่าสงสารยิ่งนัก"
"เสี่ยวเถาเห็นใจนางหรือ?" ซูหนานอีถามด้วยรอยยิ้ม
"ใช่เจ้าค่ะ ลูกชายของนางเสียชีวิตอย่างอนาถมาก นางมิได้แม้แต่เห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้หลานสาวก็มาเสียชีวิตอีก ได้ยินมาว่าหลานสาวของนางยังมิโตเลยด้วยซ้ำ เป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวน้องสาวนาง นางมิได้จะอธิบายให้น้องสาวฟังอย่างไร"
ขณะที่กล่าว ตาของเสี่ยวเถาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
ซูหนานอีตบเบาๆที่ไหล่ของนาง "เอาล่ะ เสี่ยวเถา อย่าได้เสียใจไป"
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวก็คิดถึงครอบครัวบ่าวเช่นกัน"
ซูหนานอีรู้สึกปวดใจ "แล้วครอบครัวของเจ้าเล่า?"
"บ่าวใช้มิรู้" เสี่ยวเถาก้มหน้าร้องไห้น้ำตาคลอ "บ่าวตามท่านอาและอาสะใภ้มาตั้งแต่ยังเด็ก และมิได้พบพวกเขาอีกเลยตั้งแต่เจ็ดขวบที่เข้ามารับใช้คุณหนู"
ซูหนานอีทำตัวมิถูก นางอยากจะปลอบใจก็มิรู้จะกล่าวเช่นไร เดิมทีนางอารมณ์ดีทีเดียว แต่กลับถูกแม่บ้านชุยทำให้เป็นเช่นนี้
ซูหนานอีเข้านอนแต่หัวค่ำแต่ก็หลับมิลง มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด กระทั่งในที่สุดนางก็สะลึมสะลือหลับตาลงเริ่มฝันร้าย
ไฟไหม้เมื่อชาติก่อน เลือดนองเต็มพื้น ใบหน้าที่พร่ามัวของพ่อแม่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องในความฝัน
นางรีบลุกขึ้นนั่งทันที เหงื่อเย็นเยือกไหลริน
เสี่ยวชีเคาะประตูจากด้านนอก"คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?"
ซูหนานอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ข้ามิเป็นไร ไปนอนเถอะ"
"บ่าวมิเป็นไรเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีจับไปยังถ้วยชาสมุนไพรแล้วยกดื่ม เมื่อกำลังจะล้มตัวลงนอน นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น
เสียงนั้นมิดังเท่าไรนัก เพราะดังมาจากระยะไกล แต่ในค่ำคืนที่เงียบสงัดเช่นนี้จึงได้ยินชัดมาก
ซูหนานอีลุกจากเตียงอีกครั้ง เสี่ยวชีกระซิบจากข้างนอกว่า "คุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวไปดูเอง"
"อืม ระวังตัวด้วย"
ในเวลานี้ เรือนของซูหว่านเอ้อร์ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทุกคนในเรือนลุกขึ้นมา ทั้งภายในและภายนอกรวมถึงตรงลานกว้างก็ถูกจุดไฟขึ้น
ผมของซูหว่านเอ้อร์ยุ่งเหยิง ใบหน้าของนางซีดเผือดดวงตาของเต็มไปด้วยความสยดสยอง นางนั่งหดตัวลงที่มุมเตียง กอดตัวเองด้วยมือของนางทั้งสองข้าง สายตามองดูผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่วางไว้ข้างเตียง ผ้าเช็ดหน้านั้นเป็นสีเหลืองอ่อนๆซึ่งเป็นวัสดุที่พบได้ทั่วไป บ่าวรับใช้ส่วนใหญ่ใช้ผ้าเช่นนี้ ผ้าเช็ดหน้าชุ่มไปด้วยเลือด ตรงมุมปักดอกไม้ดอกเล็กๆเอาไว้ มันคือผ้าเช็ดหน้าของเจ้าหนูที่ตายไปนั่นเอง
ซูหว่านเอ้อร์มองไปยังผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆอันเจ็บปวดเมื่อตอนเสียชีวิตก็ลอยออกมา นางกรีดร้องว่า "เร็ว! เอามันโยนทิ้งไป โยนมันทิ้งไป!"
ชุนหลิงรีบก้าวเข้าไป นางเองก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่บัดนี้นางจะมัวแต่กลัวมิได้ จึงหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง จับผ้าเช็ดหน้าแล้วโยนออกไปข้างนอก
ซูหว่านเอ้อร์ตะโกนร้องอยู่ในห้องว่า "เผา เอามันไปเผา!"
"เจ้าค่ะคุณหนู" ชุนหลิงรีบหยิบตะเกียงข้ามาแล้วเผาผ้าเช็ดหน้าเป็นเถ้าถ่าน
ซูหว่านเอ้อร์เหลือบไปเห็นเลือดเปื้อนผ้าคลุมเตียงอยู่เล็กน้อย นางก็หดตัวเข้ามาอีกครั้ง "มานี่ มานี่! เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ข้าด้วย!"
ชุนหลิงพาบ่าวอีกสองคนเข้ามากำลังจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ทันใดนั้นซูหว่านเอ้อร์ก็กระโดดออกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า "ไม่ไม่ไม่! เปลี่ยนทั้งเตียง!"
ชุนหลิงลำบากใจเล็กน้อย เมื่อมองดูเตียงไม้แกะสลักแล้วนางก็เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า "คุณหนูเจ้าคะ คือ……บ่าวขยับมิได้ หรือพรุ่งนี้……"
"ไม่!" ซูหว่านเอ้อร์กรีดร้อง "ไม่นะ เจ้าต้องเปลี่ยนให้ข้าตอนนี้ เจ้านี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ เรื่องแค่นี้ก็ทำมิได้หรือ ให้ตายสิ สมควรตายสิ้นดี!"
สาวรับใช้จึงก้มหน้าลงมิกล้ากล่าวอะไรออกมา แต่ซูหว่านเอ้อร์ก็มิยอมแพ้ นางร้องไห้และกรีดร้องเสียงดัง ด้านในเรือนจึงมีแค่ความยุ่งเหยิงจนมิมีใครสังเกตเห็นเงาบางคนอยู่บนต้นไม้ที่ลาน