ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 51 นายของเจ้าคือใคร
ซูหนานอีตบลงบนบ่าของเสี่ยวชี "เจ้าทำได้หรือมิ?"
"มิเป็นไรเจ้าค่ะคุณหนู ข้าเติบโตมาบนภูเขาและพบเจอกับสัตว์ร้ายอยู่บ่อย ๆ คุณหนูรีบไปเถิดเจ้าค่ะ!"
ซูหนานอีพยักหน้าและรีบเดินไปกับเสี่ยวเถา
เงาของต้นไม้สั่นไหว การเคลื่อนไหวของเสี่ยวชีรวดเร็วราวกับสายฟ้า นางซ่อนตัวที่ด้านข้างของประตูจันทรา แสงเย็นวาบเป็นประกายปรากฏขึ้นตรงมือของนาง มันคือกริชที่แหลมคม
ด้วยฝีเท้าที่ค่อนข้างเบา ทันทีที่นางข้ามประตูจันทรามา เสี่ยวชีก็กระโดดไปข้างหน้าและจับไหล่ของคู่ต่อสู้ ปลายมีดอันเย็นเฉียบจ่อตรงคอของศัตรู
"อ๊ะ!" อีกฝ่ายหน้าซีดด้วยความตกใจ เสียงอุทานนั้นกลืนกลับเข้าไปในลำคอมิกล้าแม้แต่หายใจ
เสี่ยวชียืนอยู่ข้างหลังนาง มองดูรูปร่างและการแต่งตัวแล้วดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นโมโม่
"เจ้าเป็นใคร?" น้ำเสียงของเสี่ยวชีแหบแห้ง แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก
"ข้า……ข้า……ข้าคือแม่บ้านชุย ท่านผู้แข็งแกร่งโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!"
"เจ้ามาจากเรือนไหน?"
"ข้า ข้าเคยอยู่ที่เรือนบ้านของคุณนายเซี่ย แต่เมื่อวานนี้เองข้าถูกย้ายไปที่เรือนของคุณหนูรอง"
"นี่มิใช่ทิศทางที่จะไปเรือนคุณนายเซี่ยและคุณหนูรอง เจ้าคิดจะทำอะไร?"
"ข้า…… มิได้คิด……"
"จงบอกตามตรง มิอย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!"
"ข้าจะมาพบคุณหนูใหญ่ ข้ามีบางอย่างจะกล่าวกับคุณหนูใหญ่"
เสี่ยวชีใช้มือข้างหนึ่งค้นหาสิ่งผิดปกติในตัวนาง แต่มิพบอาวุธมีคมหรือสิ่งอื่นใด ความดุร้ายในดวงตาของนางจึงค่อยๆจางลง แต่ความระมัดระวังของนางมิได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด "จงยืนอยู่ที่เดิมอย่าขยับเขยื้อน หลับตาลงเป็นเวลาหนึ่งเล่มธูปแล้วค่อยขยับตัว เรื่องในคืนนี้อย่าได้กล่าวให้ผู้ใดฟัง ได้ยินหรือไม่?"
"ข้าได้ยิน ได้ยินแล้ว"
เสี่ยวชีดึงกริชกลับมา เมื่อมองไปรอบๆมิพบผู้ใด นางจึงรีบย่องไปที่ลานในเรือนของซูหนานอี
ซูหนานอีกลับมาถึงในเรือนก็สั่งให้เสี่ยวเถาจัดเตรียมอาหารมา เพิ่งกินไปได้เพียงสองคำ เสี่ยวชีก็กลับมาถึง
"เป็นใครกัน? มีคนสะกดรอยตามเรามาจริงหรือ?" เสี่ยวเถาถามอย่างประหม่า
"เสี่ยวเถา ให้เสี่ยวชีค่อยๆเล่าสิ" ซูหนานอีกล่าวพร้อมกับวางตะเกียบในมือของนางลง
"คุณหนูเจ้าคะ เป็นแม่บ้านที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น"
"เฮ้อ……ทำเอาข้าตกอกตกใจ" เสี่ยวเถาตบหน้าอกของนางเบาๆ แล้วเติมชามซุปให้ซูหนานอี
สายตาของเสี่ยวชีกวาดไปทั่วโต๊ะ และหยุดลงที่จานผัดหน่อไม้
ซูหนานอีดื่มน้ำซุปไปอึกหนึ่งแล้วชี้ไปที่หน่อไม้นั้น ขณะที่เสี่ยวเถากำลังจะเข้าไปตักอาหาร เสี่ยวชีก็เม้มปากแล้วกล่าวว่า "คุณหนูเจ้าคะ ให้บ่าวลองทำดูเถิด"
เสี่ยวเถามองไปที่ซูหนานอี ว่ากันว่าสาวใช้ที่เพิ่งซื้อมามิสามารถรับใช้ข้างกายได้ในทันที ทำได้เพียงเก็บกวาดเรือนเท่านั้น ค่อยๆทำทีละขั้นตอน แต่เสี่ยวเถารู้สึกว่าคุณหนูดูเหมือนจะค่อนข้างชื่นชอบเสี่ยวชีเป็นพิเศษ
ซูหนานอีพยักหน้า "ย่อมได้"
เสี่ยวชีหยิบตะเกียบขึ้นมาและมิรู้ว่าต้องทำอย่างไร นางทำจานหน่อไม้นั้นหก ทำเอาหน่อไม้กองระเนระนาดที่พื้น
"บ่าวสมควรตาย ได้โปรดลงโทษบ่าวด้วยเจ้าค่ะ!" เสี่ยวชีตื่นตระหนกและกำลังจะคุกเข่าลงไป
"มิเป็นไรหรอก ก็แค่อาหารจานหนึ่ง มิจำเป็นต้องทำเช่นนี้" ซูหนานอีโบกมือ
หลังอาหารเย็น ซูหนานอีสั่งให้เสี่ยวเถาไปหาชุดปักผ้าไม้มา ดังนั้นในห้องจึงเหลือเพียงเสี่ยวชีและนางแค่สองคน
นางกำลังถือถ้วยชาไว้ในมือ ชาถูกชงด้วยดอกไม้วางไว้จนเย็นดื่มเพื่อดับกระหายและบรรเทาความร้อนที่นางทำขึ้นเอง
"เสี่ยวชี" นางกล่าวช้าๆ ดวงตามองไปยังกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่ในถ้วยชา "ชาหอมนี้หากฝากไปให้นายของเจ้าสักหน่อย เจ้าคิดว่าเขาชอบไหม?"
เสี่ยวชีเงยหน้าขึ้นทันที ความตกตะลึงในดวงตาของนางเผยออกมาแวบหนึ่ง จางนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูคือนายของเสี่ยวชี"
"เสี่ยวชี ข้าได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ ณ ประตูจันทรา ทักษะและปฏิกิริยาของเจ้า อีกทั้งเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผัดหน่อไม้นั้นมีพิษ? พิษที่ข้าใส่นั้นคนธรรมดามิอาจมองออกหรอกนะ"
"……" เสี่ยวชี
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้น คิ้วอันบอบบางของนางค่อยๆลดลงความเย็นชาลง เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนซึ่งปกติแล้วนางจะมีให้หยุนจิ่งเท่านั้น
"หยุนจิ่งกำชับเจ้าไว้อย่างไร? แล้วส่งเจ้าไปให้แม่บ้านหยาได้อย่างไร?"
เสี่ยวชีเม้มริมฝีปากของนางโดยมิกล่าวอะไรสักคำ ซูหนานอีเผยอริมฝีปากเล็กน้อย "เจ้ากล่าวว่าข้าเป็นนายของเจ้า มิใช่หรือ ทำไมเล่า? เหตุใดจึงมิกล่าวความจริง?"
เสี่ยวชีคุกเข่าลงด้วยขาข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า "คุณหนูเจ้าคะ มิใช่ว่าเสี่ยวชีมิบอกความจริง แต่……แต่เสี่ยวชีมิอาจปิดบังเอาไว้ได้สำเร็จ หากว่าภารกิจล้มเหลวก็ต้องกลับไปรับโทษ"
ซูหนานอีมองนางอยู่ครู่หนึ่ง "แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องปกปิดข้า?"
"ท่านหัวหน้ากล่าวว่าท่านอ๋องชอบคุณหนูจากใจจริงและต้องทำสิ่งต่างๆอย่างระมัดระวัง อย่าให้ผู้ใดจับผิดได้ จึงจัดการให้เสี่ยวชีเข้ามาในเรือนนี้ก่อน แล้วอีกสองสามวันให้เสี่ยวชีอธิบายแก่คุณหนูถึงเรื่องเหล่านี้…..มิเช่นนั้นเกรงว่าคุณหนูจะเกิดแรงกดดันเจ้าค่ะ"
นางหยุดลงชั่วคราว "อันที่จริงแล้ว บ่าวใช้มิเข้าใจความหมายของท่านหัวหน้า แต่ท่านหัวหน้ากล่าวเช่นนั้น"
ซูหนานอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก หัวหน้าคนนี้เป็นคนรอบคอบและคุ้นเคยกันดี นางมิใช่หญิงสาวผู้ไร้เดียงสา และมิใช่หญิงสาวที่ถูกประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน นางเคยเห็นทหารต่อสู้กันในสนามรบและการฆาตกรรมโดยหน่วยยามลับ คำว่า "หัวหน้า" จากปากของเสี่ยวชีนั้น ประกอบกับทักษะการต่อสู้ของเสี่ยวชี ทำให้นางรู้ได้ว่าเสี่ยวชีมิใช่คนธรรมดา การฝึกฝนคนให้มากความสามารถเช่นนี้ต้องใช้เงินและเวลามากมาย ก่อนหน้านั้นนางบอกหยุนจิ่งว่าให้หาคนให้นางสักคนหนึ่งเพื่อคอยส่งข่าว คิดมิถึงว่าเขาจะส่งคนเช่นนี้ส่งมา หัวหน้าผู้นั้นคงกลัวว่านางจะรู้ตัวตนของเสี่ยวชีจึงทำให้รู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงต้องการซ่อนความลับนี้เอาไว้ รอให้เสี่ยวชีเข้ามาอยู่ในเรือน ทุกคนคุ้นเคยกับการมีตัวตนของนางแล้วค่อยอธิบาย
"ช่างเถิด" หัวใจของซูหนานอีอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย "ลุกขึ้นเถิด ข้าจะส่งเจ้ากลับไปหรอก เจ้าอยู่ที่นี่ได้"
เสี่ยวชีมีความสุขมากและเงยหน้ามองขึ้นไปยังซูหนานอี
"แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่ง"
"เชิญคุณหนูกล่าวมาเถิดเจ้าค่ะ"
ความอบอุ่นบนใบหน้าของซูหนานอีค่อยๆลดน้อยลง "ในเมื่อเจ้าอยู่ต่อที่นี่ นับจากนี้เจ้าจะเป็นของคนของข้า การที่ข้าให้หยุนจิ่งหาคนมาให้นั้น ข้าต้องการให้หากำลังเสริมคอยช่วยข้า มิใช่มาจับตามองข้า เข้าใจหรือไม่?"
หัวใจของเสี่ยวชีสั่นสะท้าน นางก้มศีรษะลงและกล่าวว่า "คุณหนูมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ นับจากนี้คุณหนูจะเป็นนายคนเดียวของเสี่ยวชี"
"อืม" ซูหนานอีครุ่นคิดอยู่สักครู่ "คนที่คอยปกป้องหยุนจิ่ง……"
"มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านอ๋องมีหัวหน้าคอยดูแล คุณหญิงมิจำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้"
"ดีแล้ว" ซูหนานอีรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย แต่ก็สับสนเล็กน้อยเช่นกัน "ในเมื่อพวกเจ้าคอยปกป้องอยู่อย่างลับๆ แล้วเหตุใด…… หยุนจิ่งจึงได้รับบาดเจ็บ?"
ดวงตาของเสี่ยวชีมืดมนลง "เรื่องนี้เสี่ยวชีก็มิแน่ใจ ในตอนนั้นเสี่ยวชียังอายุน้อย เสี่ยวชีจำได้เพียงท่านหัวหน้าเคยกล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุด คาดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นคงจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น……"
แววตาของซูหนานอีก่อตัวเป็นน้ำแข็ง นางเดาถูกแล้ว อาการบาดเจ็บของหยุนจิ่งถูกจัดวางโดยเจตนา
คนคนนั้นเป็นใครกัน? กู้ซีเฉิน?
แต่เพราะเหตุใดเล่า? ในเวลานั้นกู้ซีเฉินยังคงเป็นเพียงองค์ชาย และมิใช่คนโปรดที่สุดด้วยซ้ำ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หยุนจิ่งจึงได้รับการสนับสนุนจากเสด็จป้าของเขา ยิ่งกว่านั้น หยุนจิ่งมิใช่องค์ชายมันเป็นไปมิได้ที่จะไปแข่งขันกับเขาเพื่อแบ่งบัลลังก์ ในเวลานั้นยังมีองค์รัชทายาทและองค์ชายอื่นๆอีกมากมาย ถึงอย่างไรก็คงมิถึงมือหยุนจิ่ง
เมื่อพบว่านางเกิดความสงสัย เสี่ยวชีจึงกล่าวว่า "คุณหนูเจ้าคะ หัวหน้ากำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ ได้โปรดอย่ากังวลไป"
ซูหนานอีก็นึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ "เสี่ยวชี ข้าขอถามเจ้าอีกสักหน่อย เจ้ารู้หรือไม่……"
เพิ่งเอ่ยไปได้เพียงสองคำ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากในลาน อีกทั้งมิใช่เพียงคนเดียว ซูหนานอีจึงหยุดลงทันที เสี่ยวเถาเปิดผ้าม่านเข้ามา ในมือถือผ้าปักดอกไม้เอาไว้ ใบหน้าดูมิค่อยมีความสุข
"เกิดอะไรขึ้น?" ซูหนานอีถามและมองออกไปนอกหน้าต่าง "ใครอยู่ข้างนอกกัน?"
"แม่บ้านชุยเจ้าค่ะ" เสี่ยวเถาทำหน้าบึ้ง "บ่าวมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางกล่าวว่าต้องเข้าพบคุณหนูเดี๋ยวนี้ คุณหนูเจ้าคะ นางเป็นคนจากเรือนคุณนายเซี่ยนะเจ้าคะ"
ซูหนานอีหัวเราะเบา ๆ "ข้ามิกลัวหรอก แม้แต่เซี่ยซื่อข้ายังมิกลัว แล้วจะกลัวเพียงหญิงรับใช้นางเชียวหรือ? เอาเถอะ ให้นางเข้ามา"
"เจ้าค่ะ"
ทันทีที่เสี่ยวเถาออกไป เสี่ยวชีก็กระซิบว่า "ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะเป็นคนที่ข้าเพิ่งจับได้เมื่อครู่"
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของนางรู้สึกประหลาดใจ