ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 45 อยากกินก็ไปซื้อเอง
หลี่จิ่งหว่านมองหน้าซูหนานองค์การตาเป็นประกาย
จากที่นางดูน่าจะอ่อนกว่านางสองปีได้ หุ่นบางอรชรอ้อนแอ้น คิ้วโก่งเรียงอย่างสวยงาม นัยน์ตาสีนิลเป็นประกาย รอยยิ้มที่เหมือนมองทะลุเข้าไปในความคิดของคนได้
นางระบายยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา: "ท่าน กล้าหรือไม่"
หลี่จิ่งหว่านใจเต้นแรงขึ้นมาทันใด รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมเอ่ยออกมา "กล้า！"
"ดี" ซูหนานอีก็เอ่ยขึ้นทันควัน "ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งคนมารับท่าน ท่านก็วางใจที่จะไปกับเขา พวกเขาเป็นสหายของข้า เชื่อถือได้ ตอนค่ำข้าจะไปหาท่าน"
"ได้"
ซูหนานอีนำท่อนไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจากเอว จากนั้นนางก็เป่าเสียงออกไป หโอกาสแม้กระทั่งหว่านก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ทันใดก็มองเห็นเงาสีขาวมาแต่ไกลจากบนฟ้า
เป็นนกสีขาวตัวเล็กๆ บินมาเกาะที่ไหล่ของซูหนานอี นางลูบหัวของนกน้อยตัวนั้นเบาๆ กระซิบเบาๆ สองสามประโยค นกน้อยก็กระพือปีกบินออกไป
เพียงไม่นาน ก็มีรถม้าวิ่งมาจอดที่ถนน บนรถมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอย่างรีบเร่ง
"คุณหนูซู"
ซูหนานอีหันไปพูดกับหลี่จิ่งหว่าน "ไปเถอะ วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก"
ในใจของหลี่จิ่งหว่านทั้งรู้สึกแปลกใจและตกใจในคราเดียว ที่นางกล้าที่จะเชื่อแม้กระทั่งหนานอีได้เร็วถึงเพียงนี้ และรู้สึกเหมือนกับว่าโชคชะตาชีวิตนางต่อจากนี้อาจจะเปลี่ยนผันไป
รถม้าวิ่งออกไปไกลแล้ว ซูหนานอีก็หันหลังเดินไปยังถนน มองเห็นแผงลอยที่ขายขนม ก็เลือกขนมน้ำตาลที่มีลักษณะเป็นคริสตัลใสมาสองอัน
กลับมาที่ร้านซาลาเปา พอมาถึงร้านข้างล่าง หยุนจิ่งก็มองเห็นนางแล้ว ก็รีบโบกมือให้นาง "เหนียงจื่อ"
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมอง และยังมองเห็นคนที่อยู่ตรงข้ามกับหยุนจิ่งด้วย รอยยิ้มเมื่อชั่วครู่ก็ถึงกับชะงัก
นางก็ค่อยๆ ลดฝีเท้าลง รู้สึกหัวใจร่วงถึงตาตุ่ม แต่ในใจก็บอกกับนางว่า ไม่ได้
ซูหนานอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สลัดความคิดนั้นออกไป นางนั้นอยากจะหยุดเดิน แม้กระทั่งคิดอยากจะยกดาบขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปปักที่หัวของอีกฝ่าย……
นางก้าวขึ้นไปบนชั้นสองทีละก้าว ทีละก้าวที่ความมั่นคง เหมือนกับเหยียบไปตามเลือดของตนเมื่อชาติที่แล้ว
ในที่สุดนางก็เดินมาถึงที่สิ้นสุดของบันไดชั้นสอง ก็กวาดสายตามองขันทีเฒ่าที่กำลังมองมายังนาง "เชิญท่านทางนี้"
ซูหนานอีพยักหน้า เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ
ตอนแรกที่ขันทีเฒ่าผู้นี้นำราชโองการต้องการชีวิตของนาง เข้ามาใกล้หูของนาง……แล้วกระซิบออกมาสองคำดังออกมาอย่างชัดเจน
แต่ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่อดทน ไม่สามารถแสดงท่าทีมีพิรุธออกมาได้
นางยังเดินไม่ถึงโต๊ะหยุนจิ่งก็เกินเข้ามาหาก่อน "เหนี่ยงจื่อ โอ๊ะ นี่ขนมน้ำตาลเจ้าซื้อมาให้ข้าหรือ"
"ใช่แล้ว จิ่งเอ้อร์ชอบไหม" ซูหนานอียิ้มออกมา
"ชอบๆ ! ขนมน้ำตาลที่เป็นรูปคนช่างน่ารักเหลือเกิน" หยุนโอกาสชูขนมน้ำตาลขึ้นพร้อมกับเดินไปหากู้ซีเฉิน "ดูสิ สวยหรือไม่"
ซูหนานอีพยักหน้า "สวย"
ซูหนานอีเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับเอ่ยคารวะและทำท่าคารวะ กู้ซีเฉินก็โบกมือให้ลุกขึ้น "แม่นางซูไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ข้า…… ข้าเพียงแค่ออกมาเดินเที่ยวเล่นเท่านั้น บังเอิญพบกันพี่จิ่ง เลยขึ้นมานั่นด้วย"
เขาพินิจมองซูหนานอี เป็นครั้งที่สองแล้วที่พบเจอกับหญิงสาวผู้นี้ ที่ไหนไม่เหมือนดันมีชื่อที่เหมือนกัน จะบังเอิญจริงๆ หรือ
"แม่นางซูก็ชอบขนมน้ำตาลหรือ" กู้ซีเฉินมองแล้วก็ถามออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไร
"ตอบคำถามท่าน ใช่เพคะ" ซูหนานอีหลบตาตอบ "หลังจากที่มารดาผู้น้อยเสียก็ชอบกินขนมน้ำตาลแล้ว จนทำให้ฟันเสียไปหนึ่งเล่นแล้วเพคะ"
กู้ซีเฉินหัวเราะเบาๆ ออกมาแล้วเอ่ย "เพราะไม่มีมารดาคอยกำกับดูแล ดังนั้นถึงได้เป็นอย่างนี้"
ซูหนานอียิ้มโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้ตอบกลับ
นางรู้ว่ากู้ซีเฉินกำลังทดสอบนางอยู่ เพราะหนึ่งในสิ่งที่นางไม่ชอบกินมากที่สุดในชาติที่แล้ว คือขนมหวาน
กู้ซีเฉินเคยเอ่ยว่า หญิงสาวตระกูลอื่นล้วนชื่นชอบขนมหวาน มีเพียงนางที่พิเศษ และเขาก็ชอบความพิเศษของนางเป็นที่สุด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขานำมาทดสอบเสียแล้ว
กู้ซีเฉินนั้นก็วางใจไปส่วนหนึ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมักจะคิดนำหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับซูหนานอีที่ตายไปแล้วมาคิดให้เป็นเรื่องเดียวกัน
"พี่หยุน ยกให้ข้าหนึ่งอันได้หรือไม่" กู้ซีเฉินเอ่ยถาม
ซูหนานอีรู้สึกขยะแขยง รู้อย่างนี้นางซื้อมาอันเดียวดีกว่า จะได้ไม่มีโอกาสให้กับคนผู้นี้
คิดไม่ถึงว่าหยุนจิ่งจะส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ได้หรอก นี่เป็นของที่เหนียงจื่อซื้อให้ข้า ท่านอยากกินก็ให้คนของท่านไปซื้อ"
หยุนจิ่งพูดพร้อมกับชี้ไปทางขันทีเฒ่า
ซูหนานอีรู้สึกดีอยู่ในใจ อยากจะปรบมือให้กับหยุนจิ่งเสียในตอนนี้เลย
กู้ซีเฉินอึ่งไปเล็กน้อยก็หัวเราะออกมา "ข้าผิดเอง ไม่ควรจะแย่งของเจ้ากิน"
ขันทีเฒ่าได้แต่ยิ้มแหย "กระหม่อมจะไปซื้อมาให้พระองค์อันหนึ่งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้อง" กู้ซีเฉินเอ่ย
โบกมือ "ช่างเถอะ กลับ ข้าเหนื่อยแล้ว"
ซูหนานอีก้าวถอยไปหลายก้าว จากนั้นก็ทำท่าคารวะ
หยุกจิ่งก็ลุกขึ้นตาม กู้ซีเฉินเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา "อ้อ ของที่จะประทานให้กับแม่นางซู ที่จวนกำลังจัดการ อีกสองวันคงส่งไปถึง"
"ผู้น้อยขอบพระทัยฝ่าบาท"
จากนั้นกู้ซีเฉินก็หันหลังเดินลงจากร้านไป
ซูหนานอีถึงได้หายใจคล่อง ตอนนี้ข้างหลังของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ขันทีเฒ่ากระซิบเสียงเบา： "ฝ่าบาท อย่าพึ่งทรงกริ้ว กระหม่อมจะให้คนไปซื้อขนมน้ำตาลมาให้พระองค์สักสิบอันเลย หรือให้พวกเขาเข้าวังไปแสดงให้ท่านพระเนตร ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"ช่างเถอะ" กู้ซีเฉินเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ แต่กลับเย็นชา： "หยุนจิ่งเป็นปัญญาอ่อน หรือจะให้ข้าถือสากับคนที่ปัญญาอ่อนอย่างนั้นหรือ ข้าก็คงไม่จะไปถือสากับคนขายขนมน้ำตาลนั่น"
"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลอะเลือนไปแล้ว"
กู้ซีเฉินยกแขนเสื้อขึ้นมา "ในเมื่อข้ามไม่ถือสาพวกเขา ถ้าอย่างนั้นในเมืองนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนขายขนมน้ำตาลแล้ว"
"……พ่ะย่ะค่ะ"
"แม่นางซูหนานอีนั่น กระหม่อมดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร" ขันทีเฒ่ากระซิบเสียงเบา "ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือนิสัยใจคอ ล้วนไม่มีความเหมือน"
"ใช่แล้ว บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป" กู้ซีเฉินถอนหายใจเบาๆ ออกมา "ช่างเถอะ ต่อไปก็จะแต่งกับหยุนจิ่งแล้ว เป็นพระชายาเป่ยลี้แล้ว ก็ไม่มีใครจำชื่อของนางแล้ว ให้เขาใช้ชีวิตกับหยุนจิ่งอย่างสบายเถิด ข้าจะดูว่านางจะอยู่รักกับคนปัญญาอ่อนได้นานเพียงใด"
"……พ่ะย่ะค่ะ"
ซุหนานอีมองหยุนจิ่งที่ยกชูขนมน้ำตาลรูปคนขึ้นมา "จิ่งเอ้อร์ทำไมเจ้าไม่กินล่ะ"
"ข้าเสียดาย" หยุนจิ่งยิ้มตอบ "นี่เป็นของที่เหนียงจื่อซื้อให้ข้า ข้าอยากจะเก็บไว้"
"ไม่เป็นไร จิ้งเอ้อร์กินได้ตามใจเลย ถ้าเจ้าชอบต่อไป ข้าจะซื้อมาให้เจ้ากินอีก"
"จริงหรือ" หยุนจิ่งตาเป็นประกาย "อย่างนั้นข้า……จะกินแล้วนะ"
"กินเถอะ!"
หยุนจิ่งค่อยๆ กัดกินขนมน้ำตาลอย่างระมัดระวัง ทั้งชอบทั้งรู้สึกเสียดายรูปลักษณ์ของขนมทำให้ซูหนานอียิ้มออกมา
"จิ่งเอ้อร์ ฝ่าบาทมาที่นี่ได้อย่างไร"
"เขาก็เดินมาตามถนน พอเงยหน้าเห็นข้าเข้า ก็ตะโกนเรียกข้า ข้าก็โบกมือให้ เขาก็ขึ้นมาแล้ว"
"เขาไม่ได้ถามหรือว่าเจ้ามากับผู้ใด"
"ถามสิ ข้าบอกว่าข้ามากับเหนียงจื่อ" ริมฝีปากแดงระเรื่อเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาล "ข้ายังบอกอีกว่าเหนี่ยงจื่อไปซื้อของอร่อยมาให้ข้ากิน"
"แล้วประองค์ได้ถามเรื่องอื่นอีกหรือไม่" ซูหนานอีค่อยๆ ถาม นางคิดว่าท่าทางกู้ซีเฉินไม่เหมือนกับที่พูดว่ามาเดินเที่ยวเล่นเฉิยๆ
"ข้าขอคิดก่อน" หยุนจิ่งกะพริบตาคิดอยู่ชั่วหนึ่ง "อ้อ ใช่แล้ว เขายังถามข้าอีกว่า ยาหอมบ้วยที่มอบให้ข้ากับเสร็จแม่หมดหรือยัง"
"ยาหอมบ้วยอย่างนั้นหรือ" ซูหนานอีถามอย่างแปลกใจ "ทำไม ในจวนอ๋องไม่มีหรือ ถึงต้องให้วังหลวงส่งมาให้พวกเจ้า"
ยาหอมบ้วย เป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่นหอมชนิดหนึ่ง แม้จะเป็นสิ่งที่หายากมีน้อย แต่ก็ไม่ได้มีราคาแพงเท่ากับทองคำ จวนอ๋องเป่ยลี้สามารถซื้อหาได้อยู่แล้ว
"ใช่แล้ว เสด็จแม่ใช้เครื่องหอมที่เสร็จแม่พระราชทานให้มาตลอด เหล่าวัตถุดิบที่มีคุณภาพเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะทำถุงหอมได้ ฤดูร้อนมีแมลงเยอะ ดังนั้นเลยทำให้หยุนจิ่งหนึ่งอัน"
"เจ้าพกติดตัวมาด้วยหรือไม่"
"เอามา" หยุนจิ่งนำถุงหอมมาให้ซูหนานอีดู "อะ นี่ให้เหนียงจื่อ"
ซูหนานอีรับถุงหอมขึ้นมาคลำดู นางคิดว่าถุงหอมนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
"เหนียงจื่อชอบหรือไม่ ข้าจะให้หยุนหลิวทำให้เจ้า"
ซูหนานอีได้ยินอย่างนั้น ก็เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ "จิ่งเอ้อร์ แม่นางหยุนหลิวเป็นผู้ใด หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า"
YOU MAY ALSO LIKE
