ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 43 พันธมิตรแปรเปลี่ยนเป็นศัตรู
ซูหนานอีมองหยุนจิ่งที่เดินเข้ามาอย่างดีใจ และมองเลยไปข้างหลังเขาก็มีคนสามคนยืนอยู่
หยุนจิ่งชี้ไปที่ชายร่างท้วมที่ยืนอยู่หน้าสุด "เขาเป็นน้องชายของพ่อบ้านจวนอ๋อง คิดบัญชีเก่งที่สุด ทำรายการบัญชีก็ละเอียด เสด็จแม่ถึงกับชมเชย ให้เขามาช่วยเจ้าทำบัญชีเถอะ"
ซูหนานอีถึงกับตกใจเบิกตากว้าง จากนั้นหยุนจิ่งก็แนะนำต่อ "เขาเป็นผู้จัดซื้อของจวนอ๋อง จวนอ๋องของเรามีผู้จัดซื้อมากถึงยี่สิบคน เขาไปต่างเมืองมากที่สุด ทั่วประเทศเขานั้นรู้จักหมด ข้ายกให้เจ้า"
"นี่คือผู้จัดการรองของจวน มีความซื่อสัตย์ ละเอียดรอบคอบ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน เคยทำงานที่สำนักแพทย์หลวง ล้วนรู้จักประเภทยาต่างๆ เป็นอย่างดี ยกให้มาเป็นผู้จัดการร้านของเจ้า!"
ซูหนานอีทั้งตกใจและดีใจในคราเดียว และยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หยุนจิ่งก็กระซิบบอก: "เหนียงจื่อ เจ้าวางใจเถอะ เงินเดือนของพวกเขาจวนอ๋องจะเป็นผู้รับผิดชอบ เจ้าไปต้องจ่ายเงิน เจ้าคิดว่าดีหรือไม่"
ซูหนานอีถอนหายใจยาว ดีที่ไหนกันล่ะ เห็นได้ชัดว่าดีเกินไปแล้ว! อำนวยความสะดวกถึงที่เลย……
"ดี ดีมาก จิ่งเอ้อร์ ขอบคุณเจ้าจริงๆ " ซูหนานอียิ้มสดใสออกมา ยิ่งมองหยุนจิ่งยิ่งน่ารัก "จิ่งเอ้อร์ เมื่อสักครู่ข้าซื้อขนมอร่อยๆ ที่ร้านที่ถนนมาให้เจ้าด้วย"
"จริงหรือ คืออะไร" หยุนจิ่งดีใจถามขึ้นมาทันที
เสี่ยวเถาก็นำขนมงายกขึ้นถวาย "ท่านอ๋อง นี่คือขนมงาที่คุณหนูตั้งใจซื้อจากร้านที่พึ่งทำเสร็จจากเตาร้อนๆ นำฝากท่าน ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งกรอบ!"
"เหนียงจื่อรักข้าที่สุด" หยุนจิ่งรับขนมมา แกะห่อออกแล้วดมกลิ่นที่หอมกรุ่นฟุ้งกระจากออกมา "เหนี่ยงจื่อช่างใจดีจริงๆ"
ผู้จัดการเซี่ยกับพวกสามคนต่างก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุกเข่านานแล้วแม้แต่จะหายใจยังไม่กล้า ได้แต่ฟัง แม้แต่เรื่องที่กำลังพูดกันอยู่ก็ไม่พูดต่อแล้วหรือ
นักบัญชีอูเพียงแค่คิดจะข่มขู่ซูหนานอีเท่านั้น แต่ผลปรากฏว่าไม่เพียงจะทำให้ตนเสียงาน ลูกชาย แม้กระทั่งหลานๆ ล้วนก็จะไม่มีงานทำแล้วจะทำอย่างไรละทีนี้ กลับไปเขาจะต้องถูกภรรยาโมโหโกรธจนบ้านแตกแน่
ผู้เฒ่าหลี่เองก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจมิใช่น้อย เขายังไม่ทันพูดอะไรก็จะเสียงานที่ทำอยู่แล้วหรือ
ผู้จัดการเซี่ยยังไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้เขา……มีคนมาแทนเขาแล้วอย่างนั้นหรือ
ซูหนานอีหัวเราะสนใจแต่กับหยุนจิ่ง ผู้จัดการเซี่ยก็อดทนไม่ไหวแล้ว
"คุณหนูซู พวกเราก็จำใจต้องทำ เป็นฮูหยิน ……เซี่ยชื่อสั่งให้พวกเราทำอย่างนี้ พวกเราก็ไม่มีทางเลือก" ผู้จัดการเซี่ยมือกุมท้องส่งเสียงเครียดออกมา
ซูหนานอีหันไปมองพวกเขาสามคน ก็รู้สึกขำอยู่ในใจ
พูดตามจริง ร้านนี้ก็ไม่เหมาะที่จะมารับช่วงต่อสักเท่าไหร่ ตอนนี้นางคิดถูกแล้ว และก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า ผู้จัดการเซี่ย นักบัญชี และยังมีคนรับผิดชอบจัดซื้อ ทั้งสามคนนี้จะต้องมีใครคนหนึ่งไป ต้องทำอย่างนี้ถึงจะสามารถแสดงอำนาจให้เกรงกลัวได้
และหยุนจิ่งที่มาครั้งนี้ยังได้นำผู้ช่วยที่มีฝีมือมาด้วย ยิ่งทำให้ซูหนานอีตัดสินใจได้ง่ายและเด็ดขาด
เรื่องการค้านั้นนางก็ไม่ค่อยชำนาญการ แต่เรื่องวัตถุดิบยา นางถือว่ารู้ดีที่สุดแล้ว
และพอได้ยินผู้จัดการเซี่ยเอ่ยออกมาอย่างนี้ ซูหนานอีก็ยิ้มเย็นชาออกมา "พวกท่านทั้งสามคนลุกขึ้นเถอะ"
ผู้จัดการเซี่ยคิดว่ามีทางรอดแล้ว ก็รีบลุกขึ้น คิดไม่ถึงว่าซูหนานอีเอ่ยขึ้น: "อย่านำคำพูดที่ว่าจำใจต้องทำมาทดแทนความผิดของตัวเองกับข้า พวกท่านคิดอะไรอยู่ ข้านั้นรู้ดี คนฉลาดไม่พูดในที่ลับไขในที่แจ้ง ตอนนี้คนที่มาทำหน้าที่แทนก็มาถึงแล้ว พวกท่านปรึกษากันเองเถอะ"
ทั้งสามคนมองหน้าสบตากัน แววตาก็เปลี่ยนไปทันที
ความสามัคคีที่มีมาก่อนเข้ามาในห้องนี้ตอนนี้ก็เริ่มร้าวแล้ว พันธมิตรที่ตอนนี้กลางมาเป็นคู่ต่อสู้
"คุณหนูซู" ท่านผู้เฒ่าหลี่ที่นิ่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น: "ข้าทำหน้าที่จัดซื้อมาตลอด เรื่องอื่นข้าไม่รู้เห็น ก่อนที่ข้ากลับมาก็ได้ทำรายการมาสองรายการแล้ว ล้วนเป็นคำสั่งของเซี่ยชื่อเรื่องอื่นนั้นข้าไม่เคยทำมาก่อน"
ใบหน้าเขาที่ทั้งแดงและหยาบกร้าน แววตาแดงก่ำ: "ข้าต้องเลี้ยงดูครอบครัว ข้ารักงานนี้ ท่านอย่าไล่ข้าออกเลย ต่อไปข้าจะตั้งใจทำงาน ท่านสั่งอะไรข้าก็จะทำตาม"
เซี่ยหนานอีก็รีบเอ่ยขึ้นบ้าง "คุณหนูซู ผู้เฒ่าหลี่พูดถูก เซี่ยชื่อนั้นเป็นเจ้าของร้าน นางสั่งให้พวกเราทำอะไร พวกเราก็จำใจต้องทำอย่างนั้น ขอท่านเข้าใจเราด้วย"
"ท่านไม่ใช่ญาติของเซี่ยชื่อหรอกหรือ ทำไม ตอนนี้ถึงไม่ออกหน้าแทนนางล่ะ" ซูหนานอีหัวเราะเบาๆ
ผู้จัดการเซี่ยส่ายหน้าไปมา "ญาติอะไรกัน ลำดับเครือญาติห่างกันแล้ว เพียงแค่มีแซ่เดียวกันเท่านั้น และในใต้หล้าแซ่นี้ก็มีคนใช้เยอะแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่แล้ว ท่านว่าใช่หรือไม่"
ซูหนานอีหัวเราะหึสั้นๆ เขาพูดอย่างนี้ทำให้รู้สึกไมู่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี
นักบัญชีอูรู้สึกประหม่ามากที่สุด เขาอยากจะพูดแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี คำพูดเมื่อสักครู่นั้นถือว่าจบแล้ว ตอนนั้นอยากจะกลับไปแก้ไขก็ไม่ได้แล้ว
แต่พอคิดถึงว่าตัวเองถูกไล่ออก เหงื่อก็ชุ่มไปทั้งตัว
คิดไปคิดมา เขาก็คุกเข่าลงจนได้ยินเสียงเข่ากระแทกพื้น ตุ๊บ "คุณหนูซู ข้าผิดไปแล้ว ตอนนั้นข้าอารมณ์ชั่ววูบ พูดจาสามหาว ขอให้ท่านอย่าหารือข้าเลย"
ทุกคนที่เห็นเขาทำอย่างนั้นก็ตกใจ ซูหนานอีเองก็ไม่คาดคิด ว่าเขาจะทำอย่างนี้
ผู้จัดการเซี่ยก็ไม่ต่างกัน กลืนน้ำลายลงคอ : "ท่านอู ก่อนหน้านี้พูดว่าอย่างไร ท่านไม่ใช่บอกว่าท่านเป็นนักบัญชี ไม่เกรงกลัวกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็ต้องมีนักบัญชีใช่หรือไม่"
นักบัญชีอูได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับส่งสายตาใส่ "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ข้าพูดอย่างไรเมื่อไหร่กัน ผู้เฒ่าหลี่ ท่านได้ยินหรือไม่"
ผู้จัดการเซี่ยก็ส่งสายตาข่มไปทางผู้เฒ่าหลี่
ทั้งสามคนนี้ต้องมีหนึ่งคนที่ต้องไป จำเป็นต้องมือสองคนต้องร่วมมือกัน และนักบัญชีอูนั้นก่อนหน้านี้ไม่ให้ความเคารพซูหนานอี เขานี้มีโอกาสได้ไปสูง
มองดูพวกเขาที่กำลังเริ่มจะกัดกัน ซูหนานอีนั้นไม่อยากจะดูต่อ "พอแล้ว พวกท่านไม่ต้องมาแสดงความซื่อสัตย์ต่อหน้าข้าอีก ล้วนไปทำงานของตัวเองเถอะ ดูพฤติกรรมของพวกท่านสามวันก่อนค่อยว่ากัน!"
ทั้งสามต่างก็หุบปากลง ก้มหน้าแล้วก้าวถอยออกไป
เสี่ยวเถาที่กลั้นหัวเราะ แล้วกระซิบกับซูหนานอี: "คุณหนู ท่านสุดยอดไปเลย พวกเขาทั้งสามคนก่อนหน้าเป็นอย่างหนึ่ง ตอนก็พลันเปลี่ยนเป็นอย่างนี้แล้ว!"
ซุหนานอีไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะนางนั้นก็อยากให้ผลออกมาเป็นอย่างนี้
หยุนจิ่งก็พยักหน้าด้วย : "เหนียงจื่อของข้าฉลาด พวกเขาทั้งสามคนล้วนโง่เขลา!"
"ถูกต้อง พวกเขาโง่ๆๆ " ซูหนานอีเช็ดมุมปากให้เขา เช็ดเศษงาที่ติดอยู่มุมปากเขา "จิ่งเอ้อร์อร่อยไหม"
"อร่อย หวาน เหนียงจื่อเจ้าก็กินด้วย" หยุนจิ่งพูดพร้อมกับส่งขนมงานที่ตนกัดไปแล้วครึ่งหนึ่งป้อนเข้าปากซูหนานอี
ซูหนานอีไม่ต้องคิดอะไรมากก็กัดเข้าไปหนึ่งคำ "อืม อร่อยจริงๆ จิ่งเอ้อร์ยังอยากกินอะไรอีก ข้าจะพาเจ้าไปกิน วันนี้เจ้าช่วยข้าได้มาก เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่!"
"จริงหรือ ข้ายังอยากกินขนมชานจากับเก๋าลัด!"
"ได้ ไม่มีปัญหา" ซูหนานอีตอบอย่างสบาย
หยุนจิ่งกระโดดโลดเต้นดีใจ ซูหนานอีทำท่าคารวะคนที่หยุนจิ่งพามาทั้งสามท่าน ทั้งสามไม่กล้ารับการคารวะ ก็หลบไปด้านข้างพร้อมกับคารวะกลับ
"ลำบากทั้งสามท่านแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ยอมมาช่วยข้าในครั้งนี้ ทว่า ร้านข้านั้นเป็นเรื่องเล็กๆ คงเทียบไม่ได้กับจวนอ๋องที่ต้องการทุกท่าน ต่อไปข้าจะจัดการเอง ถ้าหากวันหนึ่งมีเรื่องยุ่งจนไม่ไหวจริงๆ คงได้รบกวนทุกท่านมาให้ความช่วยเหลือ"
ทั้งสามคนเอ่ยออกมาพร้อมกัน : "คุณหนูซูเกรงใจเกินไปแล้ว"
หยุนจิ่งขมวดคิ้ว : "เหนียงจื่อ เจ้าไม่รับพวกเขาไว้ที่นี่หรือ พวกเขาล้วนมีความสามารถ อีกทั้งเสด็จแม่ก็เห็นด้วยแล้ว"
"ข้าทราบ ซึ้งในน้ำพระทัยของไท่เฟยมาก แต่เพราะพวกเขามีความสามารถ ดังนั้นไม่ควรจำนำคนมาใช้ไม่เหมาะกับงาน ไม่ควรทำให้พวกเขาตกอยู่ในที่ลำบาก ข้าขอดูพวกเขาก่อน ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ ข้าจะต้องขอร้องให้จิ่งเอ้อร์ช่วย ดีหรือไม่"
"งั้นก็ได้ พูดแล้วนะ"
"ได้"
จากนั้นคนทั้งหลายก็เดินออกมาจากเรือน ร้านก็กลับมาสู่ภาวะปกติ และก็ไม่มีใครกล้าแอบอู้งาน ทุกคนล้วนทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่
ซูหนานอีมองดูดวยสายตาเยาะเย้ย ไม่เอ่ยอะไรออกมาก็เดินออกไป ผู้จัดการเซี่ยก็ลุกขึ้นเดินตามไปส่ง
ซูหนานอีไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย ให้พวกเขาทั้งสามกลับเรือนไปก่อน และให้เสียวหลิวกลับไปก่อนด้วย นางกับหยุนจิ่งก็ขึ้นรถม้าของจวนอ๋องไป
ปล่อยม่านลง แล้วก็ถามขึ้น: "จิ้งเอ้อร์ ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้าว่าข้าอยู่ที่นี่"