ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 38 ข้าเอง ข้ากลับมาแล้ว
เซี่ยหล่านเผยแววตาร้อนรนออกมา ระหว่างที่เขาเดินทางมาที่นี่เขาก็รู้สึกใจตกใจ ซูหนานอีไปที่โรงน้ำชาจวี้ซิงในยามวิกาลอย่างนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่
เขามองเห็นหยุนจิ่งที่อยู่ข้างๆ นอกจากสีหน้าไม่สู้ดีแล้วก็ไม่เห็นว่าได้รับบาดเจ็บอะไร
ซูหนานอีที่แววตาแดงก่ำทำให้เขาใจคอไม่ดี "เกิดอะไรขึ้นกันแน่"
ซูหนานอีกัดริมฝีปากแน่น "ช่วยข้าหาเรือนเล็กๆ สักที่ ต้องเงียบสงบและเป็นความลับ ข้าต้องการรักษาคน ระยะเวลาไม่น่าจะชั่วคราว"
นางก็ไม่อยากที่จะรบกวนแต่เซี่ยหล่าน แต่ตอนนี้มีเพียงเซี่ยหล่านเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของนาง และจะจัดการเรื่องนี้จะพลาดไม่ได้
เซี่ยหล่านพยักหน้าอย่างไม่ลังเล: "ได้"
หยุนจิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็สะกิดแขนเสื้อของซูหนานอี : "เหนียงจื่อ ข้าก็สามารถหาเรือนอย่างที่เจ้าว่าให้เจ้าได้"
ซูหนานอีได้แต่ฝืนยิ้มแล้วเอ่ย ได้แต่ตบไปที่หลังมือของเขาเบาๆ : "ข้ารู้ แต่เรื่องอันตรายอย่างนี้ จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องทำหรอก"
"……"
เซี่ยหล่านนั้นแทบสำลักเลือดออกมา
มิตรภาพระหว่างเราจบกัน !
ซูหนานอีไม่มีเวลามีล้อเล่นกับเขา : "ตอนนี้ได้หรือไม่ ข้าต้องพาคนไปแล้ว"
"ได้" เซี่ยหล่านพยักหน้า "พวกเจ้าเดินออกหน้าประตู เดินทางไปที่ถนนหย่งติ้ง จากตะวันออกไปตะวันตก เป็นเรือนหลังที่อยู่ข้างในสุด ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ที่นั่น"
"ได้"
ซูหนานอีจูงหยุนจิ่งขึ้นรถม้า นั่งรถม้าเลี้ยววิ่งผ่านไปหลายซอย ถึงไปถึงถนนหย่งติ้ง
ถนนหย่งติ้งล้วนเป็นที่อยู่พักอาศัยของพ่อค้า อาณาเขตของบ้านของแต่ละคนนั้นต่างก็กว้างขวาง รถม้าวิ่งอยู่บนถนน ซูหนานอีมองบ้านแต่ละหลังที่วิ่งรถผ่าน ล้วนสวยเป็นที่สะดุดตาสัก
พอไปถึงหลังด้านในสุด กลับเป็นเรือนหลังธรรมดาไม่มีสิ่งใดประดับตกแต่ง ประตูไม้สีดำธรรมดาๆ บนประตูแขวนแผ่นไม้บางประดับด้วยตัวอักษรว่าเรือนมู่
เรือนมู่งั้นหรือ ซูหนานอีไม่เคยรู้จักคนที่แซ่มู่เลย และก็ไม่เคยได้ยินเซี่ยหล่านเอ่ยถึงเลย ทว่า เซี่ยหล่านนั้นรู้จักคนมากค่าหลายตา นางไม่รู้จักก็ไม่แปลก
ขณะที่กำลังจะเคาะประตูนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกจากคนข้างในแล้ว และเป็นเซี่ยหล่านที่รออยู่ข้างในแล้ว "เข้ามาเถอะ"
ซูหนานอีลงจากรถม้า หยุนจิ่งก็ลงมาตามหลัง
"ยังมีเรื่องรบกวนเจ้าอีกเรื่อง ช่วยข้ายกลงมาหน่อย"
เซี่ยหล่านพยักหน้า จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถม้า ซูหนานอีเอ่ย: "ยก" เขาอีกว่าอีกฝ่ายคงได้รับบาดเจ็บถึงได้หมดสติไป แต่คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแววตาใสนั่น
เขาถึงกับตกใจและอาศัยความมืดสลัวยามค่ำคืนที่สังเกตอีกฝ่าย ที่แต่งตัวเป็นขอทานมอมแมมยิ่งทำให้เขาตกใจอึ้ง
เตะเข้าที่ขาของอีกฝ่าย เซี่ยหล่านถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมซูหนานอีถึงบอกว่า "ยก"
หลังจากที่ยกคนเข้าไปในเรือนแล้ว เซี่ยหล่านก็เรียกคนมาทำความสะอาดให้กับเขา ส่วนเขารออยู่ข้างนอกและก็อดที่จะถามซูหนานอีไม่ได้ "คนผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ทำไมเจ้าถึงต้องช่วยเขา ตอนนี้เจ้าก็อยู่ดีแล้วไม่ใช่หรือ จะต้องระวังให้มากที่สุด แม้ว่ามีจวนอ๋องเป่ยลี้คอยช่วยเหลือ แต่เจ้าน่าจะรู้ว่า กู้ซีหนานนั้นโหดเหี้ยมมากเพียงใด เขา……"
"ข้ารู้" ซูหนานอีตอบเสียงเบา แต่น้ำเสียงกลับเด็ดเดี่ยว "แต่คนผู้นี้ข้าไม่ช่วยไม่ได้ เขาคือลู่ซือหยวน"
เซี่ยหล่านถึงกับตกใจตาโต ชั่วครู่ถึงได้เรียกสติกลับคืนมา "เจ้าว่า……เป็นผู้ใดนะ"
"ลู่ซือหยวน" ซูหนานอีที่หลับตาลงเพื่อบดบังไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
หยุนจิ่งจึงค่อยๆ ตบไปที่ไหล่ของนางเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปลอบ "เหนียงจื่อ……"
เขาไม่รู้ว่าทำไมซูหนานอีถึงได้เจ็บปวดเยี่ยงนี้ แต่เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของนางตอนนี้ มองนางที่ดูเสียใจ หยุนจิ่งก็พลอยรู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน เหมือนกับ……ตอนที่เขาแอบเห็นเสด็จแม่แอบร้องไห้เสียใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมเสด็จแม่ถึงได้ร้องไห้ก็ตาม
ซูหนานอีพยักหน้า ตอนนี้นางไม่สามารถที่จะให้อารมณ์กลับมาปกติได้
ลู่ซือหยวนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าสำนักหุบเขาเทวดา และก็เคยเป็นผู้ช่วยที่มีฝีมือที่สุดของนาง คอยแอบช่วยเหลือนางตลอดช่วงที่อยู่ที่เมืองซินเยว่ เขานั้นรักความสะอาด มักสวมชุดสีขาวสะอาดตา สวมหมวกสีขาว ฝ่ามือแดงเลือดฝาด มีวิชาตัวเบายากที่คนจะตามจับได้อย่างไร้ร่องรอย
แต่ตอนนี้ ซูหนานอีเห็นกับตาว่าผมของเขา หน้าของเขา ตามร่างกายของเขานั้นล้วนเปรอะเปื้อนเหมือนกับขอทานไม่มีผิด มีขาพิการทั้งยังถูกพวกนักเลงรุมทำร้ายอีก
ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
ซูหนานอีรู้สึกว่าใจของตัวเองเหมือนกับถูกก้อนหินก้อนใหญ่หล่นลงมาทับแตกเป็นเสี่ยงๆ
เซี่ยหล่านก็ไม่มีคำพูดใดๆ เพราะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจนเขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
เขากับลู่ซือหยวนมีวาสนาพบกันครั้งหนึ่ง แต่เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น รู้เพียงว่าเขาเป็นผู้ช่วยฝีมือดีและเป็นกำลังสำคัญของซูหนานอี และก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหุบเขาเทวดาด้วย
ผ่านไปสักพัก เซี่ยหล่านถึงได้เอ่ยขึ้นว่า "หลังจากที่ข้ากลับมาแล้ว ไม่เพียงแต่ตามหาครอบครัวของเจ้า ข้ายังได้ไปที่สำนักเย่าหวัง แต่พบว่าพวกเขาล้วนปิดบัง ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบหา ข้าคิดว่าเพราะเจ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกเขาเลยแยกย้ายกันไป ดังนั้นวันนั้นข้าถึงได้บอกกับเจ้าว่า อีกสามวันให้เจ้าไปที่วันเจ้าแม่กวนอิมเพื่อคุยกับเจ้าเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงว่า……"
คิดไม่ถึง ลู่ซือหยวนไม่เพียงแต่ไม่แยกย้าย มิหนำซ้ำยังกลายสภาพเป็นอย่างนี้
เสียงประตูที่ดังมาจากข้างหลัง คนใช้ที่ทำความสะอาดให้กับลู่ซือหยวนก็ออกมา ไอน้ำจากภายในห้องก็ลอยออกมาด้วย
เซี่ยหล่านเอ่ยเสียงเบา "ข้าจะไปเข็นเขาออกมา"
ซูหนานอีเอ่ย: "ไม่ต้อง ข้าเข้าไปเข็นเอง พูดอยู่ที่นี่แล้วกัน"
เซี่ยหลายไตร่ตรองชั่วครู่ในที่สุดก็พยักหน้า แล้วปิดประตู
หยุนจิ่งอยากเข้าไปด้วย แต่ถูกเซี่ยหล่านขวางทางเอาไว้ "องค์ชาย ท่านรออยู่ที่นี่ดีกว่า"
หยุนจิ่งขมวดคิดไม่เข้าใจ "ทำไม ข้าอยากอยู่กับเหนียงจื่อ ผู้นั้นอันตราย"
เซี่ยหล่านหลับตาระงับอารมณ์ อยู่กับคนอย่างหยุนจิ่งไม่รู้จะทำยังไงดี เขาจึงได้หันไปทางอื่นแล้วเอ่ย: "เขาไม่อันตรายหรอก"
"อันตราย" หยุนจิ่งยืนยันเสียงแน่น "ข้าเห็นกับตา ถึงแม้เขาจะขาขยับไม่ได้ แต่เขาลงมือได้เหี้ยมโหดมาก แววตาก็โหดด้วย"
เซี่ยหล่านรู้สึกแปลกใจ หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง "ท่านเห็นเขาลงมือแล้วงั้นหรือ"
"ใช่" หยุนจิ่งพยักหน้า "มีไม่กี่คนที่รุมตีเขา เขาใช้กิ่งไม้แทงเข้าไปที่ขาหนึ่งในคนที่ทำร้ายเขา"
เซี่ยหล่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก มิน่าเล่า……ซูหนานอีถึงได้มีท่าทีเสียใจ
"เขาไม่ทำร้ายหนานอีหรอก เขาเคยเป็นมิตรสหายที่ซื่อสัตย์ของนาง"
หยุนจิ่งขมวดคิ้วมอง "เคยงั้นหรือ"
เซี่ยหล่านตากระตุก ใช่แล้ว ……เคยเป็น อาจจะ……
ซุหนานอีเข้ามาในห้อง ไอน้ำยังคงลอยอยู่เต็มห้องและชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสยายที่ยังชื้นอยู่
เขาผอมลงไปมาก เบ้าตาก็ลึกลงไปมากแววตาที่ดูบอบบางมองมาทางนาง พร้อมที่จะสู้
ซูหนานอีไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของลู่ซือหยวนมองนางเลย นางอดคิดไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตยังไง
ไอน้ำเข้าตาทำให้ตาของนางตอนนี้เริ่มร้อนขึ้นมา นางก้าวเข้าไปหาเขาทีละก้าว ทีละก้าว
จนในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นมือไปสัมผัสเข่าของเขา ลู่ซือหยวนขมวดคิ้วใจเต้น และอยากจะหลบ แต่ถูกนางจับไว้
"ซือหยวน" นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา
ลู่ซือหยวนแววตานิ่ง มือขวาจับเข้าที่ล้อรถพยุงตัวขึ้น มองไปที่หัวของนางเพียงแค่เขาลงมือหัวกะโหลกของนางก็จะแตกกระจาย
"ท่านเป็นผู้ใด"
ซูหนานอีซุดหายใจเข้าแล้วเงยหน้ามองเขา "เพราะข้าไม่อยู่ใช่ไหม ถึงไม่มีใครเตรียมยาให้เจ้าทุกเดือน ทำให้ขาของเจ้าถึงได้ต้องเป็นอย่างนี้"
ลู่ซือหยวนถึงกับเบิกตากว้าง จ้องหน้านาง "เจ้า……"
เขานั้นดวงแข็ง ฝึกกระบี่และวิทยายุทธด้วยปณิธานอันสูงสุดของเขา และเพราะว่าหลังจากถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจึงทำให้ขาของเขามีสภาพเป็นอย่างนี้
ซูหนานอีจะคอยเตรียมยาให้เขาทุกเดือน ค่อยๆ ให้เขารักษาตัวฟื้นฟูลมปราณ และเพราะเหตุนี้ นอกจากพวกเขาสองคนแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้
"ข้าเอง ซือหยวน ข้าคือหนานอี"
ลู่ซือหยวนถึงกลับหน้าซีด แววตาทั้งคู่เปร่งประกายขึ้นมา
"ซือหยวน ข้ากลับมาแล้ว"
……
หยุนจิ่งที่รออยู่ข้างนอกอย่างร้อนใจ เดินไปเดินมาหน้าประตูไม่หยุดและแอบฟังเสียงที่อยู่ข้างใน
เซี่ยหล่านรู้สึกรำคาญแต่ก็รู้สึกตลก "องค์ชาย ท่านช่างสนใจหนานอีเสียจริง"
"แน่สิ นางเป็นภรรยาข้านี่" หยุนจิ่งกลอกตามองเขา "เจ้าไม่ต้องมาคิดเพ้อฝันเลยนะ"
"……" เซี่ยหล่านไออะแอมสองครั้งแล้วใช้มือบังไว้พร้อมกับเอ่ย "นางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ท่านอ๋องข้าจะบอกเจ้าให้นะว่าทางที่ดีอย่านำกฎต่างๆ มาควบคุมนางไว้ มิเช่นนั้น……"
"ไม่มีมิเช่นนั้นอะไรทั้งนั้น" หยุนจิ่งพูดออกมาอย่างจริงจัง แววตายึดมั่น "นางเป็นคนดีที่สุด นางถูกทุกอย่าง"
เซี่ยหล่านกลืนน้ำลายลงคอ ช่างเถอะ เรียบง่ายแต่หยาบคายแต่กลับได้ผลประโยชน์