ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 37 เจ้าคือผู้ใด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า
ซูหนานอีมองดูคนที่เดินออกมาจากรถม้า เขาสวมชุดสีแดง แสงสว่างของจันทราส่องสะท้อนกระทบกับมงกุฎสีขาว เข้ากับชุดคลุมที่เป็นสีแดงเข้มดูแล้วช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
ผิวของเขาขาวมาก ขอบตาคล้ำ แววตาดูเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว
กั๋วจิ้วเหย่ หลี่ชูยวี่
ตอนนี้ในหัวของซูหนานอีเกิดความคิดขึ้นมากมาย หลี่ชูยวี่ออกมาจากซอยด้านหลังจวนตระกูลโจว เขาไปจวนโจวอย่างนั้นหรือ
ซูหนานอีนึกคำพูดของกู้ซีเฉินที่เคยพูดว่า ตระกูลโจวกับท่านแม่ทัพอย่างนั้นมีเรื่องไม่ชอบพอกัน มักมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเสมอจนทำให้เสด็จพี่ของฮ่องเต้อย่างเขาปวดหัวมาก
ซึ่งตอนนั้นก็คือกู้ซีเฉิน
ตอนนั้นเขายังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เขาเป็นเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น
ตระกูลโจวกับท่านแม่ทัพใหญ่นั้นไม่ถูกกันจริงหรือ ซูหนานอีเกิดความสงสัย
อีกคนกุมอำนาจทางทหารและมีเหล่าทหารฝีมือดีอยู่ในมือ อีกคนกุมอำนาจฝ่ายท้องพระคลัง เป็นถุงเงินใหญ่ของราชสำนัก ถ้าหากทั้งสองร่วมมือกัน งั้น……
ซูหนานอีคิดได้ดังนั้นก็เก็บความสงสัยไว้ก่อน แล้วมองไปที่หลี่ชูยวี่เดินเข้าประตูไป
ที่นี่เหมือนเป็นประตูหลังของบ้านใครสักคน ซูหนานอีเอ่ย: "จิ่งเอ้อร์ ไปกันเถอะ พวกเราอ้อมไปดูข้างหน้ากัน"
คืนนี้ถือว่าได้รู้อะไรไม่น้อย ซูหนานอีที่คิดไม่ตก นางคิดว่าถ้าได้หารือกับเซี่ยหล่าน แล้วให้เขาแอบไปสืบหาเบาะแส
"จิ่งเอ้อร์ พวกเราไปหารถม้ากันเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ควรจะกลับบ้านได้แล้ว" ซูหนานอียิ้มให้เขายามพูด "เป็นไงบ้าง สนุกไหม"
หยุนจิ่งพยักหน้า "สนุก อยู่กับเหนียงจื่อ อะไรก็สนุก"
ซูหนานอีกระซิบข้างหูของเขา : "จิ่งเอ้อร์อย่าลืมนะ เรื่องของคืนนี้ห้ามบอกคนอื่นเป็นอันขาด ใครก็ตามก็ห้ามบอก เรื่องนี้เป็นความลับของเราสองคน"
หยุนจิ่งใช้มือปิดปาก ทำตาโตแล้วพยักหน้าเข้าใจ
"อีกเรื่อง ต่อไปไม่ต้องไปเที่ยวกับโจวเฉิงแล้ว ข้าไม่ชอบเขา ต่อไปถ้าเจ้าอยากไปเที่ยวให้มาหาข้า ข้าจะไปเที่ยวกับเจ้าเอง" ซูหนานอีเอ่ยกำชับ
หยุนจิ่งทำตาวาว "ดีๆ เหนียงจื่อดีจริงๆ เลย"
ทั้งสองกลับขึ้นฝั่งเดินไปหารถม้า กำลังจะออกรถ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนคนกำลังทะเลาะกันอยู่
ซูหนานอีไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่หยุนจิ่งเหมือนจะอยากรู้ "เหนียงจื่อ พวกเราไปดูกันหน่อย ไปดูหน่อย ได้ไหม"
ซูหนานอีมองหน้าเขาที่เหมือนรอคำตอบก็ได้แต่พยักหน้าตกลง "ได้ งั้นไปกันเถอะ"
เดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นคนกำลังทะเลาะชกต่อยกันจริงๆ ด้วย มีชายสี่ห้าคนกำลังรุมตีขอทานคนหนึ่งอยู่ ขอทานคนนั้นเหมือนขาไม่ได้หนึ่งข้าง เขาหมอบลงไปมือกำกำปั้นกุมหัวไว้
ซูหนานอีเห็นอย่างนั้นก็คิ้วขมวด คนพวกนี้รังแกคนเกินไปแล้ว
สถานการณ์พลิกผันเพียงพริบตา
ทันใดนั้นชายขอทานก็จับเข้าที่ขาของหนึ่งในชายที่รุมตี มือที่กำปั้นอยู่ก็แบออกในมือของเขามีกิ่งไม่ที่มีปลายแหลม เขาลงมืออย่างรวดเร็ว แทงเข้าไปที่จุดชีพจรตรงขาของชายคนนั้น
"โอ๊ย!" ชายคนนั้นร้องโอดโอยออกมา แล้วล้มลงไป
อย่าเห็นว่าเป็นเพียงกิ่งไม้ท่อนเล็กๆ เลย แม้แต่ใช้ตียังรู้สึกเจ็บ
ขณะเดียวกัน ซูหนานอีมองไปที่หน้าของคนคนนั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงมีเศษหญ้าติดแซมอยู่ด้วย ใบหน้าก็มอมแมม ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ล้างหน้า แต่แววตาคู่นั้นยังวาววับดุดันราวกับเป็นสัตว์ป่าที่โหดร้ายก็ไม่ปาน
ซูหนานอีรู้สึกใจเต้นขึ้นมา เพียงแค่มองสายตาคู่นั้น ในหัวของนางก็เกิดภาพและความทรงจำต่างๆ ขึ้นมามากมาย จะนำคนในความทรงจำกับคนที่อยู่ตรงหน้าคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันไม่ได้
นางอ้าปากค้าง ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมา จนพวกคนเหล่านั้นหายตะลึงแล้วเริ่มจะลงมือกับขอทานอีกครั้ง
ซูหนานอีก็เดินเข้าไปทันที แล้วก็ลงมือต่อยคนพวกนั้นโดยไม่สนใจทันที หยุนจิ่งก็ได้พาคนเข้ามาช่วยด้วย
คนนั้นจะทนไม้ทนมือให้พวกเขารุมต่อยได้อย่างไรกัน เพียงไม่นานก็ต้องเจ็บตัวร้องหาพ่อหาแม่ รีบพยุงตัวขึ้นแล้วก็เผ่นไป
คนที่ยืนมุงก็ทยอยแยกย้ายกันไป
ลมโชยมายามค่ำคืนพัดกระทบกับใบหน้าทำให้รู้สึกเย็นสบาย แต่ซูหนานอีกลับรู้สึกหนาวเหน็บจนถึงกระดูก
นางค่อยๆ หันไปหาหยุนจิ่ง "จิ่งเอ้อร์ ให้พวกเขาขับรถม้ามาที่นี่"
"อ้อ ได้" หยุนจิ่งออกคำสั่งกับเด็กรับใช้ทันทีให้ขับรถม้ามาที่นี่ มาจอดตรงข้างหน้า
ซูหนานอีเดินเข้าไปให้ชายขอทานหายใจเร็วแรงด้วยความตื่นเต้น โดยไม่ปริปาก น้ำตาซึม นางพยายามกลั้นไว้กลัวร้องไห้ออกมา
"ขาของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" นางเอ่ยถาม
ขอทานคนนั้นมองหน้านางด้วยสีหน้าเรียบเฉย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ายังเยาว์วัย เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนแน่ แต่ทำไม่แววตาคู่นั้นถึงได้ทำให้เขาสับสนยิ่งนั้น
เขาหลับตาลง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด "ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าเป็นใครกัน"
เจ้าเป็นใครกัน……เจ้าเป็นใครกัน……
ตอนนี้ในหัวของซูหนานอีมีอยู่แค่สองคำ นางกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า: "ไปกับข้า ข้าจะรักษาขาของเจ้าเอง"
ขอทานไม่ได้มองนางแม้แต่น้อย "ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการ"
ซูหนานอีสูดหายใจเข้าลึกๆ "นางคงไม่อยากเห็นเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้"
ชายขอทานกะพริบตาปริบ ๆ แววตาที่แสดงความอันตรายออกมาโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา
"ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่กลัวตาย ถูกไหม ในเมื่อไม่กลัวตาย ยังกลัวที่จะไปกับข้าอีกหรือ ข้ารับรองว่าข้าจะหาที่ปลอดภัยให้เจ้า มีบางเรื่องที่เกินความคาดคิดของเจ้า" ซูหนานอีพูดกล่อมอย่างใจเย็น
ชายขอทานนิ่งไปชั่วครู่ เสียงลมพัดโดยรอบก็ไม่มีแล้ว พักใหญ่ ซูหนานอีก็ได้ยินเขาพูดออกมา "ได้"
หยุนจิ่งก็รีบเข้ามาช่วยพยุงชายขอทานขึ้นรถม้า ซูหนานอีไม่พูดอะไรจนมาถึงครึ่งทาง นางถึงเอ่ยขึ้นว่า: "ไปโรงน้ำชาจวี้ซิง"
หยุนจิ่งมองหน้านางที่ไม่ค่อยสู้ดี เลยถามอย่างเป็นห่วง "เหนียงจื่อ ตอนนี้โรงน้ำชาจวี้ซิงน่าจะปิดแล้วนะ เจ้าเป็นอะไรไป อยากดื่มชาหรือ พรุ่งนี้ข้าจะไปดื่มเป็นเพื่อนเจ้าเอง ดีไหม"
ซูหนานอีส่ายหน้า "ข้าไม่ได้ไปดื่มชา ข้าไปหาคน"
นางรู้ดีว่าอารมณ์ของนางตอนนี้อาจทำให้เขาตกใจ เลยยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยว่า "ข้าไม่เป็นไร จิ่งเอ้อร์ไม่ต้องห่วงข้า"
หยุนจิ่งที่เห็นนางยิ้มแล้วก็ถึงได้ถอนหายใจโล่งแล้วสั่งคนให้ไปที่โรงน้ำชาจวี้ซิง
โรงน้ำชาจวี้ซิงได้ปิดแล้ว เหลือเพียงโคมไฟที่ส่องสว่างยามค่ำคืน
ซูหนานอีกระโดดลงจากรถม้า หยุนจิ่งก็กระโดดลงตามไปด้วย
ซุหนานอีก็ไม่ได้ห้ามเขา เดินเข้าไปตรงหน้าประตูด้วยกันจากนั้นก็เคาะประตู
ไม่นานก็มีเสียงดังมาจากข้างใน "ลูกค้า ร้านของเราปิดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่"
ซูหนานอีพูดเสียงเบาๆ "เจ้าเปิดประตู"
คนข้างในก็ไม่ได้ปฏิเสธจุดไฟแล้วเปิดประตู
ซูหนานอีกระซิบเบาๆ "เจ้าของร้านของพวกเจ้าล่ะ ให้เขามา"
คนรับใช้อึ้งชั่วครู่มองดูซูหนานอีไม่น่าจะใช่คนธรรมดา พยักหน้าอย่างสงสัย "เจ้าของร้านอยู่ด้านหลัง เชิญท่านเข้ามารอข้างในก่อน"
ซูหนานอีรออย่างใจเย็น เพียงไม่นาน เจ้าของร้านก็สวมอาภรณ์แล้วเดินออกมา
เขาที่เห็นซูหนานอีก็เอ่ยถาม "ท่านคือ……"
ซูหนานอีลุกขึ้น พร้อมหยิบเอากระดาษและพู่กันออกมาแล้วว่าสัญลักษณ์ลงไปแล้วยื่นให้เขา "ข้ามาหาเซี่ยหล่าน ตอนนี้ และก็เดี๋ยวนี้"
เจ้าของร้านที่เห็นสัญลักษณ์ก็ถึงกับหน้าเปลี่ยน นำกระดาษไปเผาไฟ "ถ้าอย่างนั้น ……รอสักครู่ ข้าจะไปตามเขาให้ตอนนี้"
จากนั้นเจ้าของร้านก็ออกไปทางข้างหลังพร้อมกับขี่ม้าที่วิ่งออกไปอย่างว่องไว
หยุนจิ่งมองหน้าซูหนานอีที่สะท้อนแสงไฟ สีหน้าของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ "เหนียงจื่อ เจ้าเป็นอะไร เหมือนเจ้าไม่อารมณ์ดีเลย หรือว่าจิ่งเอ้อร์ทำอะไรผิดไป"
"ไม่ใช่" ซูหนานอีส่ายหน้า "จิ่งเอ้อร์ดีมาก ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องกังวลนิดหน่อย"
หยุนจิ่งกะพริบตาพร้อมทั้งคิดอย่างจริงจัง "เหนียงจื่อ งั้นบอกกับจิ่งเอ้อร์ได้ เจ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่า ถ้าหากจิ่งเอ้อร์มีเรื่องไม่สบายใจก็สามารถพูดกับเจ้าได้"
"ใช่ จิ่งเอ้อร์พูดถูก รอให้กลับไปแล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง"
เพียงแค่หนึ่งก้านธูป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เซี่ยหล่านที่เดินตามเจ้าของร้านด้วยฝีเท้าที่ไว้ดุจลมลอยมา
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น" เซี่ยหล่านพอมาถึงก็เอ่ยถามทันที
ซูหนานอีก็ลุกขึ้น ตาเริ่มแดง
เซี่ยหล่านที่เห็นนางเป็นแบบนั้นก็รู้สึกใจคอไม่ดี