ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 27 ฮวงจุ้ยพลิกผัน
ซูหนานอีมิได้รอให้ไท่เฟยแสดงท่าทีใดๆออกมา แต่กลับตะคอกชุนหลิงอย่างเย็นชาว่า "หุบปากเสีย! ชุนหลิง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ติดตามเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์เสียจนติดนิสัยไร้กฎเกณฑ์มากขึ้นเรื่อยๆแล้วหรือ!"
ชุนหลิงสะอื้นร่ำไห้ "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรองนาง……"
"คุณหนูซู" หยุนหลิ่วกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ "คุณหนูใหญ่ นางก็เพียงแค่ต้องการช่วยนายของตนจึงทำให้ใจร้อนไปบ้าง การที่นางบุกเข้าไปในจวนอ๋องเป่ยลี้เพื่อเจ้านายของนางอย่างกล้าหาญ นับได้ว่าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ท่านว่ามิน่าสงสารหรือ?"
นี่กำลังกล่าวว่านางใจร้ายต่อหน้าไท่เฟยงั้นหรือ?
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแสร้งทำเป็นประหลาดใจ "คุณหยุนคิดอย่างนั้นหรือ? ตอนแรกข้าคิดว่าเรื่องของซูหว่านเอ้อร์ ถูกตัดสินโดยพระสนมเอกเสียอีก เนื่องจากในวันนี้พวกเราได้ไปจุดธูปเป็นเพื่อนพระสนมเอก เหนียงเหนียงกล่าวว่านางถูกวิญญาณเข้าสิง จากนั้นพระชายาเอกก็ได้พาหมอมารักษานาง นี่มัน……"
"มิใช่ว่าข้ามิอยากแตะต้องน้ำใจนี้ เมื่อกลับไปแล้วข้าจะบอกกับท่านพ่อ เรื่องค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ข้ามิขัดข้อง แต่ข้ามิอยากลากจวนอ๋องเป่ยลี้เข้าไปเกลือกกลั้วด้วย"
ซูหนานอีมิได้กล่าวต่อ นางเชื่อว่าไท่เฟยรู้ถึงประโยชน์ในความหมายนี้ จวนอ๋องเป่ยลี้นั้นมีความรุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัดก็จริงอยู่ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหลังความรุ่งโรจน์นี้มีวิกฤตอยู่หรือไม่?
การที่จะสมาคมกับราชวงศ์ได้มิง่ายเลย ต้องคอยระวังทุกย่างก้าว
ทันทีที่ซูหนานอีกล่าวจบ ไท่เฟยก็นั่งยืดตัวตรง หยุนหลิ่วบีบมือไว้เต็มแรง
"หนานอีกล่าวถูกแล้ว" ไท่เฟยพยักหน้าและเอ่ยชม "เจ้าเข้าใจเหตุผลนี้และช่างมีน้ำใจต่อจวนอ๋องของเรายิ่ง"
การเปลี่ยนคำเรียกจากคุณหนูซูเป็นหนานอี อาจเป็นเพียงมิกี่คำ แต่ช่างก้าวขึ้นไปอีกขั้นใหญ่
ซูหนานอีรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย แต่หยุนหลิ่วกลับต้องกัดฟันกรอดๆด้วยความเกลียดชัง
"ซูหว่านเอ้อร์นั่น หึๆ ทำเรื่องน่าเกลียดในที่สาธารณะเช่นนั้น มิเห็นจิ่งเอ้อร์ของข้าในสายตา" ไท่เฟยตำหนิออกมาอย่างเย็นชา "ดูเหมือนว่าตามปกติแล้วนางก็ไร้ซึ่งมารยาทเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจที่จะถูกสิงร่าง! หนานอีเป็นคู่หมั้นของจิ่งเอ้อร์ของที่แท้จริง ซูหว่านเอ้อร์คือใครกัน เหตุใดนางจึงกล้ามาร้องขอ!"
ใบหน้าของชุนหลิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของนาง
"เหยียนโมโม่" ไท่เฟยเอ่ยเรียก
เหยียนโมโม่เข้าใจในทันทีและก้าวไปข้างหน้าหาชุนหลิงอย่างเย็นชา กล่าวว่า "จงรีบไปเถิด! เป็นความกรุณาอย่างสูงแล้วที่ไท่เฟยมิลงโทษเจ้า"
ชุนหลิงรีบลุกขึ้นจากพื้น นางเดินด้วยขาอันอ่อนแรงออกจากจวนท่านอ๋องไป
ไท่เฟยจึงได้ให้ซูหนานอีดื่มชาและกินขนมก่อนปล่อยนางกลับไป
หยุนจิ่งส่งซูหนานอีถึงประตูจวน เฮ้อ ต้องส่งนางกลับจวนของนางอีกแล้ว แต่เมื่อเดินทางมาถึงหน้าจวนซูเขาก็กลับอาลัยอาวรณ์
"เหนียงจื่อ วันพรุ่งนี้จะไปเล่นที่จวนกับจิ่งเอ้อร์หรือไม่?"
ซูหนานอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเอนตัวเข้าไปใกล้หูของเขาและกล่าวบางอย่างสองสามคำ ดวงตาของหยุนจิ่งก็เป็นประกายขึ้น "จริงหรือ?"
"จริงสิ ข้าจะมิโกหกจิ่งเอ้อร์แน่" ซูหนานอีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"ตกลง เช่นนั้นจิ่งเอ้อร์จะฟังตามที่เหนียงจื่อกล่าว เหนียงจื่อรีบเข้าไปเถอะ ข้าจะยืนส่งอยู่ตรงนี้!"
หัวใจของซูหนานอีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา "ตกลง เช่นนั้นข้าจะเข้าไปแล้ว จิ่งเอ้อร์เดินทางกลับอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ"
"อืม!"
ซูหนานอีเดินเข้าไปในจวนทีละก้าว ทันทีที่นางเข้าไปถึงลานบ้าน เสี่ยวเถาก็วิ่งเข้ามาหานาง "คุณหนู คุณกลับมาแล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว"
"หืม? มีเรื่องอันใดงั้นหรือ?" ซูหนานอีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"หมอในเมืองนี้ถูกเรียกตัวมาเกือบหมดแล้ว แต่ทุกคนต่างไร้ซึ่งหนทางแก้ไข คุณหนูรองเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาเสียจนจะเสียโฉมอยู่แล้ว! บัดนี้นายท่านเป็นห่วงยิ่งนัก"
ซูหนานอีเย้ยหยันอยู่ในใจ ผลลัพธ์นี้เป็นไปตามความคาดหวังของนาง ในเมืองนี้มีมิกี่คนที่สามารถล้างพิษชนิดนี้ได้
ยังมิทันไร ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างนอก มีคนกล่าวขึ้นที่ลานว่า "คุณหนูใหญ่อยู่หรือไม่? ขอถวายความเคารพต่อคุณหนูใหญ่"
เสี่ยวเถาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนี้ "เป็นหยางโมโม่ผู้ซึ่งรับใช้คุณนายเซี่ย เนื่องจากซุนโมโม่ถูกขายไปแล้ว บัดนี้ทุกเรื่องมีนางเป็นผู้จัดการ"
"จงไปถามว่านางมาที่นี่เพื่อเหตุใด หากถามถึงข้าให้บอกว่าเหนื่อยและอยากพักผ่อน"
"เจ้าค่ะ!"
เสี่ยวเถาเปิดผ้าม่านและเดินออกจากห้องไป นางยิ้มโค้งคำนับหยางโมโม่ "โมโม่ มีธุระใดกับนายหญิงของเราหรือไม่?"
หยางโมโม่ยิ้มออกมาอย่างจอมปลอมว่า "เสี่ยวเถา คุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่หรือไม่? ข้าน้อยเพียงได้รับคำสั่งจากนายท่าน ให้เชิญคุณหนูใหญ่ไปยังเรือนของคุณนายเซี่ย"
ตาของเสี่ยวเถากะพริบ "คุณหนูใหญ่เพิ่งพักผ่อนลงเมื่อครู่ ข้ามิอยากจะรบกวนนาง เอาเป็นว่าข้าจะรายงานให้ฟังทันทีเมื่อนางตื่น"
หยางโมโม่แอบด่าอย่างลับๆในใจ เวลานี้ นางกลับบอกว่าคุณหนูใหญ่พักผ่อนหรือ? ยังมิได้รับประทานอาหารเย็นเสียด้วยซ้ำ เจ้าโกหกใครกัน?
"เสี่ยวเถา จงช่วยรายงานให้ข้าที เป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ"
"ข้าก็มิกล้าหรอก" เสี่ยวเถาส่ายหน้า "บัดนี้คุณหนูเปลี่ยนไปแล้ว นายท่านเองก็กล่าวว่าให้ทำตามความปรารถนาของคุณหนูทุกสิ่งอย่าง"
หยางโมโม่ถอนหายใจออกมา จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าทำท่าทีเหมือนจะร้องไห้ เสี่ยวเถาก้มหน้าแล้วกล่าวขึ้นว่า "หยางโมโม่ ลองคิดดูอีกทีสิ! การที่จะทำลายเวลาพักผ่อนของคุณหนูนั้น ท่านยอมรับผลที่ตามมาทั้งหมดได้หรือ!?"
เมื่อนางกล่าวถึงซุนโมโม่ หยางโมโม่ก็ตัวสั่นเพราะนึกถึงฉากที่ซุนโมโม่ร่ำไห้สะอื้นจากไปในวันนั้น
นางจึงกัดฟันและเดินออกจากพร้อมบ่นออกมาว่า
"เชอะ! ทำเป็นเก่งการอะไร?"
เสี่ยวเถารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ก่อนหน้านั้นคุณหนูเอาแต่ยอมให้คุณนายเซี่ยรังแก เหล่าสมุนที่รับใช้นางต่างก็พากันสอดส่องรายงานแก่นายของพวกนาง บัดนี้เป็นอย่างไรเล่า? ทุกสิ่งสลับสับเปลี่ยน ให้พวกเขาลิ้มรสชาติเหล่านี้บ้าง!
"คุณหนูเจ้าคะ เดาถูกจริงเสียด้วย หยางโมโม่มาเชิญคุณหนูไป"
ซูหนานอีเคยได้ยินเช่นกัน ดูเหมือนว่าเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์คงยังมิยอมแพ้ พวกนางยังต้องการใช้นางเพื่อตามหาหมอหลวง
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบพู่กันขึ้นมาวาดรูปยื่นให้เสี่ยวเถา "เสี่ยวเถา นำสิ่งนี้ออกไปทางประตูหลังแล้วส่งไปยังจวนในตรอกหงซี จำไว้ว่าเจ้าต้องส่งให้ถึงมือชายชราผู้นั้น"
"เจ้าค่ะ คุณหนู"
หยางโมโม่ทำหน้าที่มิสำเร็จ นางกังวลใจยิ่งยังมิทันเดินเข้าไปถึงประตู ก็ได้ยินเสียงร่ำไห้เสียงกรีดร้องออกมา หัวใจของนางก็สั่นสะท้าน
นางกัดฟันเดินเข้าไปในลาน พบว่าเรือนด้านในรกมิเป็นระเบียบ
ซูหว่านเอ้อร์ถูกขับไล่ออกจากวัดกลับมายังจวนของเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อตกอกตกใจเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง
ใบหน้าของซูหว่านเอ้อร์ถลอกเต็มไปหมด บริเวณที่มิถลอกก็เต็มไปด้วยรอยแดงเช่นกัน รอยแดงเหล่านั้นมากมายราวกับหนอน ดูน่าตกใจยิ่ง
"หว่านเอ้อร์……เจ้าเป็นอะไรไป?"
ซูหว่านเอ้อร์มองไปยังกระจกและเกาตามเนื้อตัว ร้องไห้กล่าวว่า "ท่านแม่ ข้าคันแทบตายอยู่แล้ว ข้าอึดอัดเหลือเกิน……"
เซี่ยซื่อมองมาที่นางและต้องการซ่อนกระจกเอาไว้เพื่อป้องกันมิให้นางมอง แต่ซูหว่านเอ้อร์มือไว นางมองเห็นรูปลักษณ์ของนางในกระจก ราวกับถูกฟ้าผ่า! นางมิอาจเชื่อได้เลย
"กรี๊ด!" นางโยนกระจกทิ้งไป คนในกระจกน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก จะเป็นนางไปได้อย่างไร?!
นางกรีดร้องเสียงแหลม ใบหน้าของนางคันยิ่งนัก จากนั้นก็ร้องไห้โหยหวนเสียงดัง
เซี่ยซื่อตื่นตระหนกพลางปลอบโยน และให้คนไปตามหมอมา แต่หมอที่เชิญมาทุกคนล้วนมิมีใครสามารถทำอะไรได้เลย
เซี่ยซื่อมิรู้จะทำอย่างไรจริงๆ ดังนั้นจึงให้คนไปเชิญซูซืออวี้มา ซูซืออวี้เองก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นสภาพของซูหว่านเอ้อร์
"ท่านนายเจ้าคะ มิว่าท่านจะโกรธเราสองแม่ลูกอย่างไร แต่บัดนี้ท่านควรจะช่วยหว่านเอ้อร์ไปก่อนมิใช่หรือ? ท่านนายเจ้าคะได้โปรด ข้าขอร้อง……"
เซี่ยซื่อร้องไห้น้ำตานองหน้า ซูซืออวี้ก็ใจอ่อน "ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเชิญหมอมามากมายแล้วมิใช่หรือ?"
"หมอธรรมดาทำอะไรมิได้หรอก ไปเชิญหมอหลวงมาเถิดเจ้าค่ะ!" เซี่ยซื่อขอร้อง
ซูซืออวี้ตกใจ "เราจะไปเชิญหมอหลวงมาได้อย่างไร?"
"พวกเราทำมิได้ แต่จวนอ๋องเป่ยลี้ทำได้! ข้าได้ยินมาว่าซูหนานอีไปที่จวนอ๋องเป่ยลี้ทันทีที่กลับมาจากวัด พวกเราไปขอร้องพวกเขาเถิด หนานอีก็อยู่ที่นั่นด้วย นายท่านช่วยพวกเราเจรจาหน่อย ได้หรือไม่เจ้าคะ?"
ซูซืออวี้รู้สึกกระสับกระส่าย แต่ท่าทางอันน่าสงสารของซูหว่านเอ้อร์และเสียงร้องไห้อันโหยหวนของเซี่ยซื่อทำให้เขาสับสน และในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย
คาดมิถึงว่าชุนหลิงจะวิ่งร้องไห้กลับมารายงานว่าจวนอ๋องเป่ยลี้มิยินยอมช่วย อีกทั้งซูหนานอีได้ตำหนินางต่อหน้าทุกคนด้วย!
ซูซืออวี้โกรธมากเมื่อเขาได้ยินดังนั้น เขาได้ให้หยางโมโม่รีบไปเชิญนางมา แต่คาดมิถึงว่าหยางโมโม่จะคุกเข่าลงทันทีที่นางเข้าไปในเรือน
"ท่านนายเจ้าคะ! บ่าวไร้ความสามารถ มิอาจเชิญคุณหนูใหญ่มาได้ ขอนายท่านโปรดลงโทษบ่าวเถิดเจ้าค่ะ!"