ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 26 แผนของซูหว่านเอ้อร์
ซูหนานอีแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้มีคนแอบมองอยู่ และให้หยุนจิ่งก็อย่าส่งเสียง
นางยังไม่รู้ว่า ตกลงเป็นคนของใคร
"จิ่งเอ้อร์ ให้ข้ามาลองเถอะ!"
"ได้"หยุนจิ่งยื่นเบ็ดจับปลาให้นาง"ภรรยาระวังนะ"
"ดูข้านะ!"ซูหนานอีพลิกข้อมือและโยนเบ็ดจับปลาออกไป เบ็ดจับปลาแหลมคมมาก เปล่งประกายแสงออกมา
"อ๊ะ!"เสียงกรีดดังขึ้น จากนั้นเสียง"ตุ่ม"ส่งมา
"ไป จิ่งเอ้อร์ เราไปดูกัน!"
หยุนจิ่งพายเรือไปตามเสียง และก็ได้เห็นมีคนหนึ่งนอนขว้างอยู่บนเรือลำเล็ก กำลังยื่นมือไปดึงคนที่ตกน้ำ ใบหน้าของคนนั้นยังมีแผลเลือดออก เพิ่งโดนเบ็ดตกปลาเกี่ยวนั่นแหละ
เป็นบ่าวสองคนที่ห้ามหนุนจิ่งอยู่บนฝั่งนั่นเอง
ซูหนานอีทำเป็นว่าตกใจ"พวกเจ้าทำอะไรอยู่เนี่ย?"
สีหน้าของหยุนจิ่งมืดมาก"พวกเจ้าตามหลังข้ากับภรรยามา คิดจะทำอะไร?"
บ่าวสองคนรีบส่ายมือ"ท่านอ๋องอย่าโกรธนะขอรับ ท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกบ่าวจะกล้าตามหลังท่านได้ยังไงล่ะ?พวกบ่าวมาใส่ปุ๋ยให้ดอกบัวขอรับ!"
"โกหก!"หยุนจิ่งไม่เชื่อหรอก"พวกเจ้าก็คือตามหลังพวกเรา ยังไม่ยอมรับอีก!"
บ่าวสองคนรู้สึกอึดอัดใจ ท่านนี้ช่าง……
ซูหนานอีเหมือนจะยิ้มอยู่"ท่านอ๋องเป่ยลี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฝ่าบาท พวกมึงกล้านะ กล้ามาตามหลังเขาด้วย อย่าพูดถึงพวกมึงเป็นแค่บ่าวเลย แม้แต่เจ้านายของพวกมึงก็ไม่กล้าทำแบบนี้!"
"ไม่ขอรับ เข้าใจผิดจริงๆขอรับ พวกบ่าวไม่กล้าหรอกขอรับ เจ้านายของบ่าวยิ่งไม่รู้เรื่องเลยขอรับ พวกบ่าวมาใส่ปุ๋ยจริงๆขอรับ"
พวกเขายิ่งเน้นว่าเจ้านายไม่รู้เรื่อง ก็ยิ่งหมายความว่าเป็นเจ้านายของพวกเขาสั่ง
คนสองกราบอย่างต่อเนื่องอยู่บนเรือ คนหนึ่งยังเปื้อนเลือด กลิ่นเลือดแพร่ออกมา ซูหนานอีรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย
"ภรรยา เจ้าไม่ต้องกลัว รอข้าพาบ่าวสองคนนี้ขึ้นฝั่งแล้ว จะไปถามหลี่ชูยวี่!"หยุนจิ่งพูดอย่างโกรธ
ซูหนานอีรู้สึกว่าบ่อน้ำดอกบัวนี้มันแปลกประหลาด ดึงมือของหยุนจิ่นและพูดว่า"ช่างเถอะ อย่าสนใจพวกเขาเลย เป็นแค่บ่าวสองคนเท่านั้น"
"ใช่แล้ว ท่านอ๋อง ท่านก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ ปล่อยพวกบ่าวไปเถอะ"
หยุนจิ่งทำตาขาวใส่พวกเขาอย่างรังเกียจ"ภรรยา พวกเขาน่าเกลียดมาก เราไปกันเถอะ"
"ได้ เราไปกัน ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"
หยุนจิ่งพายเรือ ซูหนานอีอยู่ข้างๆเขา ไม่นานเขาก็ลืมความไม่สบายใจไป พายขึ้นฝั่งอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห็นว่าหลี่ชูอวี่ยังรออยู่บนฝั่ง หยุนจิ่งเห็นเขามา ก็เลยรีบพูดว่า"เข้าออกไป!นี่เป็นปลาที่ข้าตบขึ้นมาเอง! คนของพวกเจ้ายังมาตามหลังข้าอีก น่ารังเกียจจริงๆ!"
หลี่ชูอวี่หยุดอยู่ในที่ไม่ไกล ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม ไม่เห็นถึงความเก้อเขินเลย"ท่านอ๋องจะไปเลยหรือ?ไม่เที่ยวอีกหรอขอรับ?"
"ข้าไม่เล่นแล้ว เชอะ!"
มือหนึ่งของหยุนจิ่งจับปลา อีกมือหนึ่งจับมือซูหนานอี จากไปอย่างรวดเร็ว
ซูหนานอีเอียงหน้าไปมองบ่อน้ำดอกบัว ดอกบัวสีชมพูกำลังเคลื่อนที่ไปมาตามสายลม สวยงามมาก แต่นางกลับรู้สึกว่าบนร่างกายมีความเย็นชาเล็กน้อย
กลับมาถึงหน้ารถม้า เสี่ยวเถากำลังรออยู่ข้างรถ เมื่อเห็นซูหนานอีและหยุนจิ่งกลับมา ก็รีบขึ้นมาทำความเคารพ
"คุณหนู ท่านอ๋อง!"
ซูหนานอีถาม"ซูหว่านเอ้อร์ไปแล้วหรือ?"
"ไปตั้งนานแล้ว ท่านไม่เห็นหรอก มันน่ากลัวมาก ใบหน้าของนาง……"เสี่ยวเถาลดระดับเสียงลง"พวกเขาล้วนบอกว่า คุณหนูรองไม่เคารพต่อพระ ชุนหลิงยังกลัวจนร้องไห้เลย"
ซูหนานอีรู้สึกสบายใจมาก"จริงหรือ?คาดว่าเป็นเพราะนางทำเรื่องร้ายไปมาก พระยังมาลงโทษนางเลย พอเถอะ เสี่ยวเถา เจ้ากลับไปก่อน ไปสืบค้นข่าว เดี๋ยวข้ากลับดึกหน่อย"
"เจ้าค่ะ คุณหนู!"
หยุนจิ่งพาซูหนานอีกลับไปในจวนอ๋อง เขาบอกว่าพ่อครัวในจวนอ๋องฝีมือดีมาก ทำปลาได้อร่อยมาก
พอเข้ามาในจวนอ๋อง ไท่เฟยกู้ก็รู้แล้ว สั่งให้เหยียนโมโม่ส่งขนมและใบชาไปให้ และก็ฝากบอกซูหนานอีว่าไม่ต้องมาทักทายแล้ว ให้นางกับหยุนจิ่งเล่นให้สนุก
เรือนของหยุนจิ่งใหญ่มาก ฝั่งของประตูรูปดวงจันทร์ก็เป็นสวนเล็กๆ ครั้งก่อนซูหนานอีไม่ได้ดูอย่างตั้งใจ ครั้งนี้สามารถดูได้อย่างละเอียดเลย
ซูหนานอีและหยุนจิ่งดินข้าวเที่ยงด้วยกัน จากนั้นก็เล่นกันที่สวน ครั้งนี้ไม่มีใครมารบกวน สงบและสบาย
"ภรรยา ทีหลังเจ้ามาทุกวันได้ไหม?"หยุนจิ่งมองไปที่นางแล้วถาม
ซูหนานอีกำลังชมดอกไม้อยู่ นางหัวเราะขึ้นมา"ได้ ขอให้ข้ามีเวลาก็มาอยู่กับจิ่งเอ้อร์ ดีไหม?"
หยุนจิ่งหยิบพลั่วขนาดเล็กมา กระซิบถาม"ภรรยา เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้มา ไม่ได้เล่นกับข้า แม่ร่างกายไม่ค่อยดี ข้าก็ไม่อยากไปรบกวนนาง ก็เลยอยู่ที่นี่คนเดียว พูดคุยกับดอกไม้"
คำพูดของเขาทำให้ซูหนานอีเริ่มเจ็บปวดใจ"จิ่งเอ้อร์……"
หยุนจิ่งเงยหน้ามองนางแล้วดีใจขึ้นมาอีก"ตอนนี้ดีแล้ว ข้ามีภรรยาแล้ว"
"ใช่แล้ว"ซูหนานอีจับมือของเขาเอาไว้"จิ่งเอ้อร์มีข้าแล้ว ทีหลังข้าจะดูแลจิ่งเอ้อร์ให้ดี"
"ภรรยาดีจริงๆเลย"จู่ๆหยุนจิ่งก็จับหน้าของนางไว้ แล้วเข้าใกล้นาง
ซูหนานอีคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นก็กังวลใจมาก
น้ำเสียงของหยุนจิ่งแหบแห้ง ดวงตาลึกราวกับทะเล"ภรรยาหวานมาก จิ่งเอ้อร์อยากจะลองชิมดูอีก"
"……"ซูหนานอี
ตอนที่หยุนจิ่งเข้าใกล้มา เกือบจะโดนนาง จู่ๆก็มีคนพูดขึ้นมาจากข้างนอกว่า"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอยู่หรือเปล่า?"
หยุนจิ่งขมวดคิ้ว"น่ารังเกียจจริงๆเลย!"
ซูหนานอีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จูบบนริมฝีปากของเขาอย่างเร็ว"ไปเถอะ!"
หยุนจิ่งใช้นิ้วมือจับริมฝีปาก ยิ้มแล้ววิ่งไล่ขึ้นไป
สองคนมาถึงในเรือน พบว่าเป็นโมโม่ที่อยู่ในเรือนของไท่เฟย
โมโม่ก้มคำนับใส่สองคน"ท่านอ๋อง คุณหนูซู มีคนในตระกูลซูมาเจ้าค่ะ เชิญท่านกลับมาเที่ยวหนึ่งเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีตะลึง มีคนในตระกูลซูมา เชิญนางกลับไป?
ซูหนานอีกับหยุนจิ่งเดินตามโมโม่ไปฝั่งของไท่เฟย นางได้เดาความเป็นไปได้หลายๆอย่าง แต่เมื่อเห็นคนต่อหน้านี้ ก็ยังคงเกินความคาดเดา
ชุนหลิงกำลังร้องไห้อยู่หน้าไท่เฟย พอได้เห็นซูหนานอี ก็คุกเข่าต่อหน้าของนาง"คุณหนูใหญ่!ท่านโปรดเมตตา เห็นแก่หน้าของตระกูลซู เห็นแก่หน้าของนายท่าน เห็นแก่หน้าที่เป็นพี่น้องกับคุณหนูรอง โปรดช่วยคุณหนูรองเถอะเจ้าค่ะ!"
ซูหนานอีถอยหลังหนึ่งก้าว ก้มหน้ามองนาง ใต้สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
สีหน้าของไท่เฟยใจเย็น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หยุนหลิ่วอยู่ข้างๆนวดไหล่ให้นาง ก้มลงเล็กน้อย และปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายอันลึกซึ้ง
ซูหนานอีพูดอย่างเฉยๆ"ชุนหลิง ทำไมเจ้าถึงมา?พูดดีๆสิ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
ชุนหลิงเช็ดน้ำตา"คุณหนูใหญ่ ตอนนี้คุณหนูรองป่วยหนัก ไม่มีวิธีอื่นแล้ว……"
ซูหนานอีเจตนาทำเป็นตกใจ"ป่วยหนัก?ป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่?"
ชุนหลิงตะลึง"ก็คือวันนี้ตอนอยู่ในวัดไง คุณหนูใหญ่ ท่านลืมไปแล้วหรือ ท่านก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?"
หยุนหลิ่วพูดอยู่ข้างๆ"แม่นางคนนี้ค่อยๆว่ามา อาจจะเป็นเพราะคุณหนูซูจุดธูปเสร็จก็มาที่จวนอ๋อง ลืมไปแล้วจริงๆ"
ซูหนานอีกวาดมองนางตาหนึ่ง แล้วค่อยๆพูดกับชุนหลิง"ชุนหลิง เจ้าคิดให้ดีก่อนค่อยพูด พระสนมเอกก็บอกแล้วว่า สาเหตุที่ซูหว่านเอ้อร์เป็นแบบนั้น ก็เพราะไม่เคารพต่อพระในตอนจุดธูป ฝ่าบาทและพระสนมเอกล้วนอยู่ตอนนั้น ไม่ได้ลงโทษนาง ก็คือว่าเป็นบุญของนางและตระกูลซูแล้ว"
ระหว่างที่นางพูดก็มองไปที่หยุนจิ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนลง"หากไม่ใช่ว่าวันนี้ท่านอ๋องก็อยู่ด้วย กลัวว่าฝ่าบาทคงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆแบบนั้นหรอก!"
ชุนหลิงได้ยินนางกล่าวถึงฝ่าบาทและพระสนมเอก ก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรทันที
ไท่เฟยฟังถึงตอนนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา"เป็นอย่างนี้นี่เอง แม่นางนี้พอเข้ามาในจวนก็ร้องไห้เลย พูดแต่ให้ช่วยชีวิต ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้น"
ชุนหลิงรีบกราบ"ขอประทานโทษเพคะ เป็นความผิดของบ่าว บ่าวไม่ได้พูดชัดเจน ไท่เฟยโปรดเมตตา ให้หมอหลวงรักษาให้คุณหนูรองหน่อยเถอะ!"
ซูหนานอีถึงจะเข้าใจขึ้นมา ที่แท้แล้วซูหว่านเอ้อร์คิดแบบนี้นี่เอง
ตระกูลซูเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไม่มีสิทธิ์เชิญหมอหลวงไปนักษา คาดว่าพวกเขาคงไม่มีวิธีอื่นแล้ว จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา นึกว่าพูดแบบนี้ต่อหน้าต่อตาไท่เฟย ก็สามารถบังคับให้ซูหนานอีขอร้องไท่เฟยเชิญหมอหลวงมาเพื่อชื่อเสียงและหน้าตาของนางหรือ
แต่นางเป็นคนใส่ยาพิษเอง จะให้ซูหว่านเอ้อร์สมหวังอย่างง่ายๆได้ยังไงล่ะ?