ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 24 เกิดอาการ
อย่างที่คิด เมื่อได้ยินคำว่า"กิ่งทองใบหยก รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ซีเฉินก็บางเบาลง
พระสนมเอกหลี่รั่วลั้นเมื่อเห็นสีหน้าของเขานิ้วมือก็เริ่มแข็ง จากนั้นก็ใช้ผ้าปิดปากแล้วหัวเราะออกมา"คุณหนูรองซูใช่หรือเปล่า?คำพูดนี้แม่เจ้าเป็นคนสอนเจ้าใช่ไหม?"
ซูหว่านเอ้อร์ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า และทำความเคารพอีกครั้ง"ใช่เพคะ"
"ไม่น่า……"พระสนมเอกยิ้มอย่างลึกซึ้ง เอียงหน้าไปมองกู้ซีเฉิน"ฝ่าบาท เวลาใกล้แล้ว หม่อมฉันอยากจะไปจุดธูปแล้ว ท่านอยู่พักผ่อนที่นี่สักพักหนึ่งเถอะ"
กู้ซีเฉินจับมือของนางเอาไว้"ไม่ต้อง เจิ้งไปกับเจ้า"
พระสนมเอกดีใจมาก"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
ขันทีเอ่ยเสียงแหลม"ฝ่าบาทเคลื่อนขบวนเสด็จ" องครักษ์ชืออวี้เคลื่อนไหวตามเสียง
ซูหนานอีและหยุนจิ่งตามอยู่ข้างหลัง นางก็ก้มหน้าลง มือกำเป็นหมัด เตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าต้องอดทนเอาไว้
หยุนจิ่งเห็นว่าสีหน้าของนางไม่ค่อยดี ถามอย่างเป็นห่วง"ภรรยา เจ้าเป็นอะไร?"
ซูหนานอีสะกิดให้เขาเงียบ"จิ่งเอ้อร์พูดเบาๆหน่อย ข้าไม่เป็นไร"
หยุนจิ่งยังคงวางใจลงไม่ได้ เอื้อมมือไปจับหน้าผากของนาง และก็จับของตัวเองด้วย
ท่าทางเหมือนจะตลก แต่ซูหนานอีกลับรู้สึกอบอุ่นใจ
"ข้าไม่เป็นไรจริงๆ"
ซูหว่านเอ้อร์อยู่ข้างหลังของพวกเขา เมื่อเห็นท่าทางของนางกับหยุนจิ่ง ดวงตาก็ปรากฏความอิจฉาและเยาะเย้ยออกมา
ซูหนานอี!หน้าไม่อายจริงๆ!
สังเกตถึงสายตาของนาง ซูหนานอีเอียงหน้าไปมองนาง ทำตาหยี ปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายบาฃอย่างขึ้นมา
ซูหว่านเอ้อร์ตะลึง ไม่รู้ความหมายในรอยยิ้มของนาง รู้สึกแต่ว่ามีอันตราย
นางยังไม่ทันได้ปรับตัว องครักษ์ชืออวี้ข้างหน้านี้ก็ยืนเป็นแถว กู้ซีเฉินและพระสนมเอกเดินเข้าไปห้องพระโรงพร้อมกัน
ในห้องเคร่งขรึมมาก เต็มไปด้วยหมอกธูป พระสงฆ์ระดับสูงหลายองค์โค้งคำนับ เสียงสวดมนต์ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบลง
ซูหนานอีมองไปดูพระรูปใหญ่โต พูดตามตรง ก่อนหน้านี้นางมาเชื่อพระเลย และก็น้อยมากที่จะมาวัด แต่ครั้งนี้ นางอยากจะกราบด้วยความจริงใจ
นางยืนอยู่ข้างหลัง และไม่ต้องไปมองสีหน้าและท่าทางของกู้ซีเฉินและพระสนมเอก พนมมือไหว้ และอธิษฐานในใจ
หยุนจิ่งเห็นนางทำแบบนี้ ก็ทำตาม พนมมือและหลับตา
เวลานี้ กู้ซีเฉินและพระสนมเอกคุกเข่าในข้างหน้า คนอื่นก็คุกเข่าตาม ซูหนานอีดึงหนุนจิ่ง เขาจึงลืมตาแล้วคุกเข่าตาม จากนั้นหลับตาอีกครั้ง ไร้เดียงสาและจริงใจราวกับเด็ก
ซูหนานอีมองไปดูหน้าข้างๆของเขา รู้สึกว่าอบอุ่นใจมาก จึงแอบอธิษฐานกับพระว่า"แม้ว่าตลอดชีวิตนี้หยุนจิ่งล้วนไม่สามารถกลับมาเป็นคนปกติ ข้าก็จะอยู่ด้วยกันกับเขา และดีต่อเขา"
ทุกคนล้วนหลับตากราบ ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิด สายตาของซูหนานอีเห็นว่าหลังรูปพระองค์หนึ่งมีมุมเสื้อสีฟ้าอ่อนปรากฏ
แม้ว่าหายไปอย่างเร็ว แต่นางก็มองได้ชัดมาก นานเป็นผ้าชั้นดี ไม่ใช่ผ้าธรรมดา
นางตกใจขึ้นมาทันที เป็นผู้ชายคนหนึ่ง!ในเวลานี้สถานที่นี้ จะมีผู้ชายได้ยังไง?
เขาซ่อนอยู่หลังรูปพระจะทำอะไร?
ลอบสังหาร?
เป็นไปไม่ได้ ใครจะใส่เสื้อแบบนี้มาลอบสังหาร?
ซูหนานอีเกิดความระมัดระวังขึ้นมา รู้สึกว่าเรื่องของวันนี้แปลกประหลาดมาก
รอบข้างเงียบสงบ จู่ๆแม่นางที่อยู่ข้างๆซูหว่านเอ้อร์กรีดออกมา เหมือนพบเรื่องอะไรน่ากลัว
ทุกคนมองมาตามเสียง เห็นนางกำลังชี้ซูหว่านเอ้อร์ ส่วนซูหว่านเอ้อร์กำลังเการ่างกายอยู่
ใบหน้าของนางมีเส้นแดงเกิดขึ้น บ้างก็หนาบ้างก็บาง เหมือนเป็นเส้นเลือดโผล่ขึ้นมา ดูแล้วน่ากลัวมาก
ซูหว่านเอ้อร์มองไม่เห็นเอง แค่รู้สึกว่าหน้าคันมาก คันจนไม่สบายอย่างยิ่ง อยากจะเกาให้มันสะใจ
คนอื่นเห็นแล้วล้วนตกใจ คนที่อยู่ใกล้นางล้วนหลบหลีกไป กลัวว่าจะติดโรคแปลกของนาง
ดวงตาของกู้ซีเฉินหดลง จ้องไปที่หน้าของซูหว่านเอ้อร์ไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนจะมองทะลุผ่านหน้าของนาง
ซูหนานอีรู้สึกว่าซวยแล้ว เมื่อคืนนางแค่อยากจะสั่งสอนซูหว่านเอ้อร์สักหน่อย ก็เลยใส่ยาพิษในกล่องเครื่องสำอางของนาง แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาที่นี่ ยิ่งคิดไม่ถึงว่ากู้ซีเฉินจะมาด้วย
ทีนี้……เขาจะสงสัยหรือเปล่า?
พระสนมเอกเห็นว่าซูหว่านเอ้อร์กลายเป็นแบบนี้ ก็ปรากฏความตกใจและรังเกียจขึ้นในสายตา"คุณหนูรองซู เกิดอะไรขึ้น?ไปพูดอะไรผิดทำให้พระโกรธหรือเปล่า?"
ซูหนานอีโล่งใจลงมาหน่อย หวังว่าคำพูดแบบนี้สามารถทำให้ความสงสัยในใจของกู้ซีเฉินน้อยลงหน่อยนึง
"อ๊ะ!"ตอนนี้ซูหว่านเอ้อร์ก็คำนึงรูปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้แล้ว คันมากๆ แค่อยากจะเกาไปเรื่อยๆ
พระสนมเอกถอยหลังก้าวหนึ่ง"ฝ่าบาท ข้าว่าคุณหนูรองซูป่วยอย่างกระทันหัน ให้นางลากลับไปก่อนเถอะ กลับไปหาหมอรักษาโรคที่บ้านเถอะ"
กู้ซีเฉินค่อยๆพยักหน้า"ก็ได้"
ซูหว่านเอ้อร์ถูกผู้อารักขาเชิญออกไป เชิญออกไปด้วยวิธีการ"ลาก"
อุบัติเหตุผ่านไป จุดธูปเสร็จแล้ว พนะสนมเอกก็ได้เขย่าเซียมซีออกมา เจ้าวัดเป็นคนมาแก้เนื้อหาในเซียมซีเอง แต่ว่าสิ่งพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกซูหนานอีฟังได้แล้ว
พวกนางถูกพามาถึงข้างนอด เดิมทีซูหนานอียังนึกว่าจะถูกเชิญไปยังห้องทำสมาธิ ดื่มชาอะไรประมาณนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าขันทีพูดตรงๆว่า"คุณหนูทุกท่านก็เหนื่อยแล้ว เวลาก็เริ่มเย็นแล้ว เชิญกลับเดี๋ยวนี้เถอะ"
"???"
ซูหนานอีรู้สึกแปลก นี่ก็จบแล้วหรือ?
คนอื่นล้วนมองหน้าเข้าหากัน หยุ่นจิ่งจับมือของซูหนานอีขึ้นมา"ภรรยา ข้าพาเจ้าไปเดินเที่ยวไหม?"
ซูหนานอีไม่ค่อยอยากจะเดินเที่ยวในนี้ และกู้ซีเฉินก็ไม่ได้ไปไหนเลย ไปเที่ยวที่อื่นกับหยุนจิ่งยังดีกว่าเลย
นางยังไม่ได้อ้าปาก ขันทีก็ยิ้มและพูดว่า"ท่านอ๋องอย่าเพิ่งไป ฝ่าบาทบอกว่ายังมีเรื่องจะคุยกับท่านขอรับ"
หยุนจิ่งจับมือของซูหนานอีไม่ปล่อยเลย"งั้นภรรยาของข้าก็กลับไม่ได้"
ขันทีไม่ได้ปฏิเสธ"แน่นอนขอรับ"
คนอื่นมีแต่ต้องถอยตัวไป ซูหนานอีกังวลในใจ ไม่รู้ว่ากู้ซีเฉินจะทำอะไร หรือว่ามองอะไรออกได้
หยุนจิ่งไม่กังวลอะไรเลย กระซิบว่า"ภรรยา หลังวัดนี้มีป่าไม้เมเปิ้ลอยู่ พอถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วทิวทัศน์สวยมาก ใบไม้สวยราวกับดอกไม้ไฟ สวยกว่าที่อื่นๆเลย!"
"ใช่หรือ?ข้ายังไม่รู้เลย"ซูหนานอีพยักหน้า"งั้นฤดูใบไม้ร่วงเจ้าไปข้ามาชมทิว?"
"ไม่ต้องรอถึงฤดูใบไม้ร่วง เดี๋ยวฝ่าบาทคุยกับข้าเสร็จ ข้าก็ไปเจ้าไป ใบไม้เขียวก็สวยอยู่ และยังมีบ่อน้ำด้วย เราไปจับปลากันได้!"
เมื่อพูดถึงสิ่งพวกนี้ดวงตาของหยุนจิ่งก็สว่างขึ้นมา เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
ซูหนานอีมองเขาด้วยรอยยิ้ม"ได้สิ ฟังของจิ่งเอ้อร์นะ"
กู้ซีเฉินที่อยู่ที่ไม่ไกลนั้นมองมา ผู้หญิงคนนั้นหุ่นดีมาก นางยืนอยู่ในท่ามกลางแสงอาทิตย์ รอบข้างเหมือนเคลือบด้วยสีทอง
นางกำลังยิ้มอยู่ ในหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าบนโลกนี้มีเพียงหยุนจิ่งคนเดียว
หัวใจของกู้ซีเฉินเหมือนถูกมีดแทง เมื่อก่อนก็เคยมีคนมองเขาเช่นนี้
"ฝ่าบาท"พระสนมเอกเรียกด้วยเสียงเบาๆ
กู้ซีเฉินฟื้นสติกลับมา มองนางและพูดอย่างอ่อนโยน"เสร็จแล้ว?"
"ไปได้แล้วเพคะ"พระสนมเอกปรากฏความเขินอายออกมา
กู้ซีเฉินตบมือของนาง"ได้"
ระหว่างที่สองคนคุยกันซูหนานอีและหยุนจิ่งก็เดินมา
หนุนจิ่งพูดกับกู้ซีเฉินว่า"ฝ่าบาท ท่านมีอะไรคุยกับหยุนจิ่งหรือ?"
พระสนมเอกปิดหน้าและหัวเราะออกมา"ท่านอ๋องมีนิสัยที่ตรงไปตรงมา ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ฝ่าบาทโกรธตั้งนานแล้ว!"
ซูหนานอีก้มหน้าอยู่ สายตาเย็นชามาก รู้อยู่แล้วว่าหยุนจิ่งตอนนี้มีสติปัญญาเหมือนเด็ก เขาสามารถพูดดีแบบนี้กับพวกเจ้าก็ถือว่าไว้หน้าแล้ว ยังมาพูดเยาะเขาอีก พูดให้ใครฟังวะ?
หยุนจิ่งครุ่นคิดสักพักหนึ่ง"ฝ่าบาทจะโกรธหรือเปล่า?หยุนจิ่งพูดผิดหรือ?"
กู้ซีเฉินก็ไม่ได้โกรธ ส่ายมือและพูดว่า"ไม่ เจิ้งชอบการพูดที่ตรงไปตรงมาของหยุนจิ่ง ไม่เหมือนคนอื่น"
ซูหนานอีหัวเราะเย็นชาในใจ ยังไม่ทันปรับตัว ก็ได้ยินกู้ซีเฉินพูดว่า"คุณหนูซู อีกไม่นานงานแต่งของเจ้ากับหยุนจิ่งก็จะถึงแล้ว มีอะไรขาดหรือเปล่า?"
ซูหนานอีก้มหน้าพูดว่า"ไม่ขาดอะไรเลยเพคะ ไท่เฟยกู้เป็นคนที่ใจดี จัดการเรื่องทุกอย่างให้ หม่อมฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย"
พระสนมเอกก็พูดอยู่ข้างๆว่า"ฝ่าบาท หม่อนฉันก็ได้ถามคุณหนูซูไปแล้วเพคะ"
"ฝ่าบาท"จู่ๆหยุนจิ่งก็พูดว่า"เวลาของงานแต่งยังแก้ไขได้ไหม?"