ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 23 คือนางนี่เอง
องครักษ์ชืออวี้ ต่างจากองครักษ์อื่นๆ จำนวนของพวกเขาไม่มาก แต่คนหนึ่งสามารถต่อสู้กับศัตรูร้อยคนได้ และไม่ใช่ว่าใครอยากจะสั่งพวกเขาล้วนสั่งได้
ซูหนานอีรู้ว่าความสำคัญขององครักษ์ชืออวี้ และก็แอบคิดในใจ เห็นได้ว่าพระสนมเอกคนนี้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ยิ่งนะ!
มุมปากของนางปรากฏรอยยิ้มที่เยาะตัวเองขึ้นมา แล้วก็หายไปอย่างเร็ว
ไม่ทราบว่าพระสนมเอกคนนี้เป็นใครกันแน่?ยังไงก็ต้องเป็นลูกสาวของขุนนางที่มีเกียรติเหล่านั้นหรอก
"พระสนมเอกทรงเสด็จ!"เสียงที่แหลมดังขึ้น ทุกคนในห้องล้วนคุกเข่า ซูหนานอีก็ไม่เว้น นางก้มหน้า ได้ยินเสียงของเครื่องประดับดังขึ้น และกลิ่นหอมที่เบาบางก็ส่งมา
กระโปรงอันวิจิตรพาดผ่านธรณีประตู ความหรูหราของดอกบีโกเนียปักสีม่วงเข้าสู่ตาของซูหนานอี ไข่มุกตงจูสองเม็ดที่ประดับอยู่บนรองเท้านั้น ทำให้นางรู้สึกแสบตา
นางจำไข่มุกสองเม็ดนั้นได้ กู้ซีเฉินเคยให้นางเห็นมาก่อน เขาบอกว่าไข่มุกตงจูเป็นสิ่งล้ำค่า เม็ดใหญ่ขนาดนี้ยิ่งหายาก รอจนกว่าตอนที่นางถูกแต่งตั้งเป็นพระราชินี จะประดับไว้บนมงกุฎพระราชินีของนาง
คิดไม่ถึงว่า จะมาเจออีกครั้งบนรองเท้าของพระสนมเอก
ตลกจริงๆ
"ถวายบังคมพระสนมเอก!ทรงพระเจริญ!"ทุกคนทำความเคารพพร้อมกัน
"ลุกขึ้นได้แล้ว วันนี้ข้าเชิญทุกคนมา ก็เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกเจ้าหน่อย ถือว่าเป็นการชุมนุมส่วนตัว ตามสบายเลย
"ขอบพระทัยพระสนมเอก!"
ทุกคนกราบขอบพระทัยแล้วก็ลุกขึ้น ซูหนานอียืนอยู่ท้ายสุด การแต่งกายก็ไม่เด่น นางมองไปที่พระสนมเอกตาหนึ่งอย่างเร็ว
คือนางนี่เอง!
พระสนมเอกมีนามสกุลหลี่ คือลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ ตอนที่กู้ซีเฉินยังเป็นพระราชโอรสอยู่ นางก็ชอบเขาแล้ว เคยฝากคนส่งจดหมายมาให้หลายครั้ง ถือว่าเป็นหญิงที่ใจกล้า
แน่นอนแล้ว เรื่องพวกนี้คนอื่นไม่รู้ แต่ซูหนานอีรู้อย่างชัดเจน นางได้เห็นจดหมายเหล่านี้ในห้องหนังสือของกู้ซีเฉิน ตอนนั้นกู้ซีเฉินมีสีหน้าที่ดูถูก ยังได้พูดว่าหลี่รั่วลั้นไม่รู้จักอาย ไม่มีวันชอบนางหรอก
ซูหนานอียังไม่เคยได้เห็นเขารังเกียจคนขนาดนี้ ดังนั้นเลยจำหลี่รั่วลั้นได้
แต่คิดไม่ถึงว่า คนที่เขารังเกียจที่สุด กลับกลายเป็นพระสนมเอกที่ได้รับการโปรดปรานมากที่สุด
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู"เสี่ยวเถาดึงแขนเสื้อของนางเบาๆ"พระสนมเอกกำลังถามคุณหนูอยู่เจ้าค่ะ"
ซูหนานอีฟื้นสติกลับมา และพูดว่า"ขอประทานโทษเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันได้พบกับพระสนมเอก จึงรู้สึกตื่นเต้น ไม่ได้ยินว่าเหนียงเหนียงพูดอะไรเพคะ"
กุ้ยเฟยยิ้มอย่างอ่อนโยน"คุณหนูซูไม่ต้องตื่นเต้น ข้ากำลังพูดว่า ได้ข่าวว่าเจ้าได้ทำสัญญางานแต่งกับท่านอ๋องเป่ยลี้ ไม่ทราบว่าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?"
"แม้ว่าหม่อนฉันเสียแม่ไปแล้ว ที่บ้านไม่มีนายหญิง แต่มีการดูแลจากพระชายา ทุกสิ่งก็ถือว่าราบรื่นเพคะ สิ่งทุกอย่างเกือบจัดเสร็จแล้วเพคะ"
ซูหนานอีฟังอยู่ข้างๆรู้สึกโมโหมาก ซูหนานอีกล้าพูดต่อหน้าพระสนมเอกว่าที่บ้านไม่มีนายหญิง มันก็เท่ากับว่าเป็นการบอกกับกุ้ยเฟยว่า แม่ของนางเซี่ยซื่อไม่ใช่ภรรยาเอกไม่ใช่หรือ?
แต่คนรู้จักในนครหลวงล้วนนึกว่าเซี่ยซื่อเป็นนายหญิงของตระกูลซูเลย!
ซูหว่านเอ้อร์รู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้า แสบปวดมาก
พระสนมเอกถอนหายใจออกมา"ถ้าแม่เจ้ารู้ว่าเจ้าแต่งเข้าไปในท่านอ๋องเป่ยลี้ จะต้องปลื้มใจแน่นอน ถ้าหากเจ้ามีอะไรลำบาก บอกข้าได้เลยนะ ข้าจะสั่งคนไปช่วยเจ้า"
ซูหนานอีแน่นอนต้องปฏิเสธ"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับเพคะ"
"มีอะไรไม่กล้ารับเล่า……"
คำพูดของพระสนมเอกเพิ่งพูดไปครึ่งหนึ่ง ข้างนอกก็มีเสียงที่ตกใจดังขึ้นมา"ภรรยา!"
ซูหนานอีได้ยินเสียงนี้แล้วรู้สึกแปลกใจ หันไปมอง ก็เห็นมีสองคนยืนอยู่ตอนนั้น
หยุนจิ่งใส่เสื้อคลุมสีฟ้าปักลายมังกร เข็มขัดหยกผูกรอบเอว ป้ายหยกแขวนอยู่รอบข้าง แสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตามีแต่ความสุข มองไปทางซูหนานอี
ซูหนานอีได้เห็นเขาก็ยิ้มขึ้นมา แต่เมื่อได้เห็นคนที่อยู่ข้างๆเขารอยยิ้มก็แข็งตัวขึ้นมาทันที
กู้ซีเฉินใส่เสื้อคลุมสีดำปักลายมังกรทอง ดวงตาของมังกรเบิกกว้าง กรงเล็บม้วนขึ้น ราวกับว่าจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาสวมมงกุฏสีทอง ผมมักอย่างสูง เผยให้เห็นหน้าผากที่เต็มอิ่ม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเหมือนกำลังยิ้มอยู่ ส่องแสงเจิดจ้าออกมา จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ยืนอยู่ตอนนั้นและส่งสายตามา
จักรพรรดิหนุ่มสง่าผ่าเผย เพิ่งขึ้นครองราชย์กำลังเป็นตอนที่ภูมิใจมากที่สุด
มือของซูหนานอีกำไว้อย่างแน่น เล็บขบที่ฝ่ามืออันบอบบาง ความโกรธในใจกลายเป็นไฟ กำลังเผาอวัยวะภายในของนาง
กู้ซีเฉิน!คิดไม่ถึงว่าจะได้พบในที่นี่!
เขาก็มาด้วย!
ซูหนานอีบังคับให้ตัวเองก้มหน้าไม่ไปดูอีก คนที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์อย่างกู้ซีเฉิน นางห้ามให้เขาจับผิดได้
พระสนมเอกรีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ ส่วนคนอื่นก็คุกเข่าอีกครั้ง
กู้ซีเฉินเดินเข้ามา มุมเสื้อของเขาผ่านข้างๆของซูหนานอีไป ดวงตาของซูหนานอีเกือบจะมีไฟลุกออกมา
"ใฝ่บาททำไมถึงมา?อยู่คุยกับเจ้าวัดอยู่ข้างหน้าไม่ใช่หรือเพคะ?"กุ้ยเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
กู้ซีเฉินยิ้มเบาๆ"คุยกันจบแล้ว เจิ้งมาดูเจ้าหน่อย ข้างหน้าเตรียมได้พอประมาณแล้ว เมื่อไหร่จะไปจุดธูป?"
พระสนมเอกใช้มือปิดหน้าอกไว้"ฝ่าบาทมาแบบไม่มีเสียงเลย หม่อมฉันตกใจไปหมดเลยเพคะ"
กู้ซีเฉินยิ้มลึกกว่าเดิมอีก"เจิ้งห้ามพวกเขาพูด เพื่อที่จะดูว่าเจ้าคุยอะไรกับพวกนาง"
พระสนมเอกถึงนึกขึ้นว่าคนอื่นยังทำความเคารพอยู่"เอ๊ะ มัวแต่คุยกัน ฝ่าบาท พวกเขายังทำความเคารพอยู่เลยเพคะ!"
กู้ซีเฉินจึงสั่งให้ลุกขึ้นได้
หยุนจิ่งวิ่งมาถึงข้างๆซูหนานอีตั้งนานแล้ว ดึงนางขึ้นมาทันที"ภรรยารีบลุกขึ้นมาสิ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ?"
ในสายตาของเขาไม่มีคนอื่น มีแต่ซูหนานอี
ซูหนานอียิ้ม"จิ่งเอ้อร์ ข้าโชคดีที่ได้มาจุดธูปพร้อมกับกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง"
"จุดธูปไม่สนุก"หยุนจิ่งพึมพำอยู่"เจ้าวัดข้างหน้าพูดแล้วทำให้คนรู้สึกปวดหัวมาก พูดไม่รู้จักจบ ภรรยา ข้าพาเจ้าไปเที่ยวที่อื่นดีไหม?"
ซูหนานอียิ้มขึ้นมาเล็กน้อย"จิ่งเอ้อร์อย่าโวยวาย เดี๋ยวจุดธูปเสร็จค่อยว่ากันอีกที"
หยุนจิ่งจนปัญญา แต่ก็ไม่ได้ไม่สบายใจ กระพริบตา"งั้นก็ฟังภรรยาละกัน"
กู้ซีเฉินไม่ได้พูดอะไรเลย กำลังฟังคำสนทนาของพวกเขาสองคนอยู่ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หยุนจิ่งเชื่อฟังคำพูดของผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้เลย
ซูหนานอี ลูกสาวคนโตของตระกูลซู ลูกสาวของพ่อค้า แค่ว่า……นามสกุลซูเช่นกัน
บังเอิญจริงๆเลย!
สมองของกู้ซีเฉินปรากฏผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทำให้ใจลอยไปสักพักหนึ่ง
ซูหนานอีก้มหน้ายิ้ม ลักษณะที่นางโน้มน้าวใจหยุนจิ่งนั้น ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนเคยเห็นมาจากไหน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับซูหนานอีคนนี้
"ฝ่าบาท?"พนะสนมเอกเรียกเบาๆ
กู้ซีเฉินฟื้นสติกลับมา"อะไรนะ?เจ้าพูดอะไรอยู่?"
"หม่อมฉันพูดว่า ท่านดูสิ ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องเป่ยลี้กับคุณหนูซูดีจริงๆเลยเพคะ!"
กู้ซีเฉินยิ้มขึ้นมา มองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยน"ยังไง เจ้าว่าเจิ้งไม่ดีต่อเจ้าหรือ?"
พนะสนมเอกหน้าแดงขึ้นมา"ฝ่าบาท……"
ซูหนานอีฟังคำพูดนี้แล้ว รู้สึกมันน่าเกลียดมาก กู้ซีเฉินนี่ช่างแสดงเก่งจริงๆ!
มีเสียงที่น่าฟังดังขึ้นมา"หม่อมฉันว่า ฝ่าบาทกับพระสนมเอกถึงเป็นกิ่งทองใบหยก!"
สายตาของซูหนานอีปรากฏความเยาะเย้ยขึ้นมา ซูหว่านเออร์คนนี้ชอบเป็นจุดเด่นอยู่ตลอดที่เลย!
คำว่ากิ่งทองใบหยกเป็นการบ่งบอกถึงสามีภรรยา ตกลงคำพูดนี้เป็นการตบหน้าของใครเนี่ย?