ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 22 อย่าให้ข้าต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สาม!
เช้าวันต่อมา เสี่ยวเถายืนปลุกซูหนานอีอยู่ใกล้ ๆ หัวเตียง
"คุณหนู ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ วันนี้เราต้องออกไปข้างนอกแต่เช้านะเจ้าคะ"
เดิมทีซูหนานอีต้องการไปซื้อส่วนผสมของยา เมื่อฟังที่เสี่ยวเถาพูดก็อดสงสัยไม่ได้ "ออกไปข้างนอก?"
"ใช่เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูลืมไปแล้วหรือ?" เสี่ยวเถานำดอกไม้มาเทใส่ขันทองแดง "วันนี้เป็นวันที่ต้องไปกราบไหว้ที่วัดหลิงไงเจ้าคะ"
ซูหนานอีจำไม่ได้แล้วจริง ๆ เสี่ยวเถากล่าวอีกว่า "โธ่ เดือนที่แล้วเพิ่งเลือกวันไปเอง คุณหนูลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ?"
ซูหนานอีไม่ได้อยากจะไป เหล่าผู้หญิงชนชั้นสูงที่ไปกันก็มักไปขอเนื้อคู่ หากมีเวลามากเช่นนั้นจริงไปหาซื้อส่วนผสมของยาเพื่อมาวินิจฉัยสัญญาณชีจรของหยุนจิ่งจะดีซะกว่า
"ไม่ไปดีกว่า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะออกไปหาซื้อของ"
เสี่ยวเถาเบิกตาโต และกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า "คุณหนูล้อเล่นใช่ไหมเจ้าคะ? ทำแบบนี้ได้อย่างไร? พระสนมเอกบอกให้คุณหนูไปนะเจ้าคะ มีคุณหนูจากหลายจวนต่างก็ไปกัน คุณหนูรองก็ไปนะเจ้าคะ "
ซูหนานอีถามซ้ำ "เจ้าบอกว่าใครนะ?"
"พระสนมเอกเจ้าค่ะ วันที่สิบห้าเมื่อเดือนที่แล้ว พระสนมเอกส่งคนมาแจ้งข่าวที่จวน คุณหนูและคุณหนูรอง และยังมีคุณหนูจากจวนอื่นอีกรวมเป็นหกท่าน ไปไหว้พระจุดธูปขอพรที่วัดหลิงไงเจ้าคะ"
"เพียะ!" ซูหนานอีทำด้ามดินสอเขียนคิ้วในมือหักลง
พระสนมเอก?!
"คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ?" เสี่ยวเถาเห็นว่านางมีสีหน้าไม่ดีนัก
ซูหนานอีรีบเก็บและกดอารมณ์ความรู้สึกโกรธแค้นนั้นไว้ "ไม่เป็นไรนะ รีบแต่งตัวเถอะ"
เสี่ยวเถาทำอย่างคล่องแคล่วและมีไหวพริบดี ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ซูหนานอีไม่ได้รู้สึกหิวอะไร แต่ก็ฝืนใจกินไปนิดหน่อย
"คุณหนู ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ รถม้ามารออยู่แล้วเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีพยักหน้า และเดินออกไปยังหน้าจวน เดิมนางคิดว่ารอเวลา และรอให้มีโอกาสได้พบคนในราชวงศ์ ไม่คิดเลยว่าจะหลบหนีไม่พ้น
ไม่เป็นไร ไม่ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ต่อให้เป็นโชคร้ายก็หนีไม่พ้น!
เมื่อซูหนานอีเดินมาถึงที่ประตู ซูหว่านเอ้อร์และชุนหลิงก็ได้เข้าไปนั่งในรถม้าเรียบร้อยแล้ว
ซูหว่านเอ้อร์ใส่ชุดสีแดงที่มีดอกไม้ปักอยู่ที่กระโปรง และมีแถบสีทองพลิ้วไหวอยู่ข้าง ๆ ดอกไม้สะท้อนใบหน้าสีขาวและสวยงามของเธอที่ละเอียดอ่อน ช่างน่าเป็นที่ดึงดูดยิ่งนัก
นางยังใส่เครื่องประดับทับทิมสีแดง ดูแล้วช่างเย้ายวนชวนมอง เปล่งประกายระยิบระยับ และดูมีราคา
ชุนหลิงที่อยู่ข้างนางก็คอยพูดจาประจบสอพลอ "คุณหนู คุณหนูสวยงามมากเจ้าค่ะ จะต้องโดดเด่นที่สุดแน่นอนเจ้าค่ะ! คุณหนูที่จวนอื่นไม่สามารถมาเทียบกับคุณหนูได้แน่นอน ขอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดอีกนะเจ้าคะ เกรงว่าพระสนมเอกก็ไม่อาจสู้คุณหนูของบ่าวได้เจ้าค่ะ"
"พูดมั่วไป" ซูหว่านเอ้อร์พูดตำหนิเบา ๆ แต่ก็แอบหัวเราะยิ้มด้วยความชอบใจ และไม่มีทีท่าว่าจะเอาผิดเลยสักนิด "ช่างปากหวาน ข้าจะไปเทียบกับพระสนมเอกได้อย่างไรกัน?"
ชุนหลิงกล่าว "บ่าวไม่ได้พูดต่อหน้าคนอื่นนะเจ้าค่ะ"
ซูหว่านเอ้อร์โบกพัดในมือไปมา วันนี้นางตั้งใจประแป้งบนใบหน้าอยู่หลายชั้น ลมพัดมาทำให้มีกลิ่นหอม "ซูหนานอีทำอะไรของนางน่ะ เวลานี้แล้วยังไม่มา! แถมยังต้องมาให้ข้ารอ!"
เมื่อนางพูดจบ รถม้าก็ถูกคน "เพียะ" หนึ่งทีและกระโดดขึ้น ซูหนานอียืนอยู่ที่หน้าประตู
ซูหว่านเอ้อร์กลอกตาไปมา "เจ้ายังรู้หรือว่าต้องมา…"
นางพูดยังไม่ทันจบก็ถูกซูหนานอีพูดด้วยเสียงที่เย็นชา "ออกไป!"
ซูหว่านเอ้อร์สีหน้าตกใจ นึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป "อะไรนะ?"
"ออกไป!" ซูหนานอีพูดออกมาด้วยความอึดอัดใจ "อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สาม ออกไป!"
ซูหว่านเอ้อร์โกรธจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง "ซูหนานอี เจ้าอย่างคิดรังแกข้านะ! พระสนมเอกก็เชิญข้าไป เจ้ามีสิทธิ์อะไรไม่ให้ข้าไป?"
"ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้เจ้าไป ก็แค่ไม่อยากไปรถม้าคันเดียวกับเจ้า" ซูหนานอีหรี่ตามองและกะพริบตาให้นาง "ข้าไม่อยากเดือดร้อนเพราะเจ้า"
ซูหว่านเอ้อร์หายใจถี่ "เจ้าหมายความว่ายังไง?"
เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูซืออวี้ออกมาจากจวนพอดี "เกิดอะไรขึ้น?"
เมื่อซูหว่านเอ้อร์ได้ยินเสียงของเขา ก็ปรับเป็นสีหน้าให้ดูน่าสงสารทันที "ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าพูดกับพี่หน่อยสิ ช่วยบอกให้นางไม่ต้องโมโหเรื่องในวันก่อน อยากไล่ข้าลงจากรถ…"
ซูซืออวี้เลิกคิ้วขึ้น และเหลือบมองไปที่ซูหนานอี ถึงแม้เขาไม่พูดแต่ในใจก็รู้สึกว่าชุดของซูหนานอีช่างดูหยิ่งผยองเอาเสียจริง
ซูหนานอีหัวเราะ "ซูหว่านเอ้อร์ เจ้าคิดว่าคนอื่นตาบอดเป็นใบ้หรือยัง? เป็นแค่ลูกของอนุภรรยา ใส่แบบนี้ไปให้ใครดูหรือ? เจ้าต้องการใส่ไปต้องถูกตาใคร? ยังมีหน้ามาพูดว่าจะเทียบกับพระสนมเอก เจ้ามันไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! ถ้าเจ้าอยากตายก็ไปหาเชือกมาผูกคอตาย อย่าทำให้คนทั้งจวนซูเดือดร้อนไปด้วย!"
ทันใดนั้นซูหว่านเอ้อร์ก็เปลี่ยนสีหน้าไปจนแทบไม่มีสี นางไม่คิดว่าคำพูดเมื่อกี้จะถูกซูหนานอีได้ยินเข้า
ซูซืออวี้ก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันที แทบไม่อยากเชื่อและมองไปที่ซูหว่านเอ้อร์ "เจ้า…."
เมื่อเขามองอย่างตั้งใจ จึงเห็นว่าชุดที่ซูหว่านเอ้อร์ใส่อยู่นั้นไม่เหมาะสม "บัดซบ! รีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้!"
ซูหว่านเอ้อร์เม้มริมฝีปาก ตกใจจนตัวสั่น ยกชายกระโปรงขึ้นและลงจากรถม้าไป ชุนหลิงก็เดินตามลงไป เพื่อที่จะตามให้ทัน "คุณหนู…"
ซูหว่านเอ้อร์ตบลงที่ใบหน้าของนาง "หุบปาก! เจ้ามันปากพาซวย! พระสนมเอกเป็นคนที่คนรับใช้อย่างเจ้าพูดถึงได้หรือ?"
ชุนหลิงหลับตาลง และตบหน้าตัวเองอีกสองครั้ง "เจ้าค่ะ คุณหนูพูดถูก บ่าวผิดเองที่พูดออกไป!"
ซูหนานอีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ขึ้นรถม้าไป ซูซืออวี้ยิ้มให้ "หนานอี ไปแล้วเจ้าก็ช่วยดู ๆ น้องสาวของเจ้าด้วยนะ นาง…"
"เจ้าบอกให้นางพูดน้อย ๆ ลงก็ได้แล้ว หรือไม่ก็แกล้งเป็นใบ้ไปเลย" ซูหนานอีหัวเราะชอบใจ "ถ้าจะใช้โอกาสนี้เล่นอุบายอะไร หรือคิดทำไม่ดีละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ"
ซูซืออวี้สำลัก เขามองซูหนานอี ลูกสาวที่เคยเป็นคนเงียบ ๆ และดื้อรั้นตอนนี้ไม่เพียง แต่ฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเธอสว่างมากจนดูเหมือนว่าเธอสามารถรับรู้ทุกอย่างได้
ซูหนานอีไม่ต้องการพูดพร่ำอีกต่อไป บอกให้เสี่ยวเถาออกเดินทาง "ไปได้แล้ว"
ซูซืออวี้ประหลาดใจ "เจ้าไม่รอหว่านเอ้อร์หรือ?"
"ให้นางนั่งรถม้าคันอื่นมา กลิ่นหอมบนตัวนาง ดมแล้วอยากจะอาเจียน"
"…" ซูซืออวี้
รถม้าออกเดินทางไปข้างหน้า และเดินทางออกไปทางนอกเมือง วัดหลิงเป็นวัดที่มีเครื่องหอมมากที่สุดในบริเวณวัดใกล้เคียง และอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมือง
ซูหนานอีหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถม้า เสี่ยวเถาเรียกเบา ๆ "คุณหนู ถึงจวนเทียนอีแล้วเจ้าค่ะ!"
เปลือกตาของซูหนานอีสั่น แต่นางก็ไม่ได้ลืมตามอง "ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว"
ใช่ ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว เพราะนางรู้แล้วว่าท่านพ่อท่านแม่ของนางปลอดภัย และนับเป็นโชคดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น…ติดหนี้นาง นางจะต้องเอาคืนทุกอย่างกลับมา!
ซูหนานอีกำมือแน่นอย่างอดไม่ได้ที่จะเตือนตัวเองว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอ และนางต้องอดทน!
เนื่องจากวันนี้พระสนมเอกมาไหว้พระขอพร ดังนั้นวัดหลิงจึงมีการเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว นำน้ำมาสาดไปที่พื้นเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นขึ้น นอกจากพวกนางที่ถูกเลือกมา คุณหนูเหล่านั้นยังสามารถนำคนรับใช้คนสนิทติดตามมาได้อีกหนึ่งคน และนอกจากนี้ใครก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้
ก่อนที่ซูหนานอีจะมาถึงก็ได้มีคุณหนูสองคนมาถึงก่อนหน้า แต่นางไม่รู้จักพวกเขาทั้งสองเลย
นางก็ไม่ได้สนใจ เข้าไปนั่งข้างในยังตำแหน่งที่นั่งของนางอย่างเงียบ ๆ
ซูหว่านเอ้อร์เปลี่ยนเป็นชุดสีแดงเลือดนก และไม่ได้เปลี่ยนทรงผม เมื่อนางเดินเข้ามานางก็ไม่ได้สนใจซูหนานอี และเดินตรงไปหาคุณหนูสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า และพูดคุยหยอกล้ออย่างนุ่มนวล
เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ คุณหนูคนอื่น ๆ ต่างก็เดินทางมาถึงแล้ว ดวงตาของซูหนานอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางก็ไม่รู้จักใครสักคนเลย
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาคิดหัวข้อในการสนทนา
ในเวลานี้ เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู คณะองครักษ์ที่สวมชุดสีสดใสเดินเข้ามา เสียงพูดคุยที่ดังอยู่ในห้องก่อนหน้านี้ก็เงียบลง
องครักษ์เหล่านั้นสีหน้าไม่แสดงความรู้สึก เกราะสีดำของพวกเขาส่องแสงสะท้อนที่เย็นยะเยือก และหมวกเกราะประดับด้วยพู่สีแดงสด ทำให้ผู้คนเกรงกลัว
ซูหนานอีหรี่ตาลง องครักษ์ชืออวี้!
ทำไมถึงเป็นพวกเขา?