ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 18 กักบริเวณ
เซี่ยซื่อตกตะลึง นางขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวตำหนิว่า "จะทำท่าทางตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไมเล่า?"
ขาทั้งสองข้างของบ่าวรับใช้อ่อนลงทันที "คุณหญิงได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย เชิญไปที่ห้องโถงด้านหน้า ห้องโถงด้านหน้า……"
"เกิดอะไรขึ้น? รีบกล่าวมา!" ซูหว่านเอ้อร์เร่งเร้า "ซุนโมโม่กลับมาแล้วหรือ?"
" ใช่ เจ้าค่ะ"
ซูหว่านเอ้อร์ช่วยพยุงเซี่ยซื่อเดินออกไปทันที "ท่านแม่ กลยุทธ์ของท่านนี่ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก มาดูกันว่าซูหนานอีมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่!"
"หึๆ นางคงพูดมิได้เต็มปาก!" ดวงตาของเซี่ยซื่อดูเย็นชา "เมื่อถึงเวลาแล้วจงปัดเรื่องในวันนั้นของเจ้าไปที่นางด้วย"
"หว่านเอ้อร์ฟังตามที่ท่านแม่สั่งเจ้าค่ะ"
สองคนแม่ลูกเดินออกจากประตูไป บ่าวรับใช้เมื่อครู่รีบลุกขึ้นวิ่งตามไป "คุณหญิงเจ้าคะ ห้องโถงด้านหน้า……"
"หุบปาก!" ซูหว่านเอ้อร์ตะคอกให้นางหยุด "แม้แต่พูดจายังฟังมิรู้เรื่อง เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้!"
ที่ห้องโถงด้านหน้า ซูซืออวี้รู้สึกปวดหัวยิ่ง มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงนี้ คลื่นแห่งความมิสงบได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
เขาหงุดหงิดเป็นที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มออกมา "โมโม่ ข้าว่าเรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิดกันหรือไม่?"
"เข้าใจผิดงั้นหรือ?" เหยียนโมโม่สีหน้าเย็นชา "ท่านซู ข้าได้เห็นสิ่งนี้กับตาของข้าเอง และข้าก็นำผู้คนเหล่านี้มาด้วยตนเอง จะเกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้นได้หรือ?"
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาที่หน้าผากของซูซืออวี้ เขาเหลือบมองที่ซูหนานอีเพื่อต้องการให้นางออกมากล่าวอะไรสักหน่อย
แต่ซูหนานอีกลับก้มศีรษะลง ไม่แม้แต่จะมองเขา
ใบหน้าของซูซืออวี้ยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ "โมโม่อย่าเพิ่งโมโหไป ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด และจะทำการลงโทษให้เหมาะสม!"
"มิจำเป็นต้องตรวจสอบใดๆอีก หากว่านายท่านซูมีอะไรมิเข้าใจ สามารถเอ่ยถามข้ามาได้โดยตรง ข้าจะบอกเล่าเรื่องนี้เจ้าตั้งแต่ต้นจนจบให้แก่ท่านฟัง การลงโทษอย่างรุนแรงนั้นคือสิ่งที่เลี่ยงมิได้ เนื่องจากผู้ที่บังอาจกล่าวหาว่าที่พระชายาของจวนอ๋องเป่ยลี้ว่าแอบไปนัดพบชายหนุ่มกลางวันแสกๆเช่นนี้ กล่าวหาว่าการพบปะของท่านอ๋องและพระชายาเป็นเรื่องน่าอับอาย แม้ว่านายท่านซูรับได้ แต่จวนอ๋องเป่ยลี้ของเราคงรับมิได้"
ซูซืออวี้แทบสำลัก บัดนี้มิว่าเขาจะกล่าวสิ่งใดออกมาก็มิถูกมิควร มิต่างจากคนเป็นใบ้เอาเสียเลย
เมื่อเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์เดินเข้าไปในลาน พวกนางได้ยินแต่คำว่า "จวนอ๋องเป้ยลี้รับมิได้" สองแม่ลูกก็ได้หันมาสบตายิ้มให้กัน
เซี่ยซื่อเพิ่งจะก้าวขึ้นไปตรงบันไดก็แสร้งทำเป็นเจ็บปวดใจ "นายท่าน หนานอีเป็นอะไรไปกัน? เหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ในครั้งนี้กลับทำให้จวนอ๋องเป่ยลี้ต้องขุ่นเคืองไปด้วย จักทำเช่นไรดี? นับแต่นี้หนานอีจะเป็นเยี่ยงไร? ข้าจะบอกกับพี่สาวที่ตายไปแล้วได้อย่างไร?"
ซูหว่านเอ้อร์กล่าวปลอบโยนเบาๆว่า "ท่านแม่ อย่าเศร้าใจไป ท่านพี่คงจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น ตอนนี้เราคงทำได้เพียงจัดการกับไอ้ชายชู้นั่น จากนั้นส่งท่านพี่ไปยังชนบทสักระยะ เมื่อเวลาผ่านไปก็คงจะดีขึ้นเอง เพียงแต่ว่ามิรู้จะบอกกับจวนอ๋องเป่ยลี้อย่างไร……"
สองแม่ลูกสนทนากันไปมา แต่เมื่อเข้ามาถึงกลับพบว่าห้องนั้นเงียบอย่างน่าประหลาด ทุกคนมองดูพวกนางอย่างคนโง่เขลา
ส่วนซูหนานอีนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างมิรู้สึกรู้สา อีกทั้งดวงตาเผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแต่เป็นประกาย ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่นางคิด
หัวใจของเซี่ยซื่อเต้นแรงโครมคราม นางรู้สึกได้ถึงลางมิดี จากนั้นจึงหันหน้าไปมองซุนโมโม่ที่คุกเข่าต่อหน้าซูซืออวี้ นางถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ อกของนางก็แทบระเบิด
"นี่ นี่มัน……"
เหยียนโมโม่หัวเราะหึๆแล้วมองไปที่ซูซืออวี้ ดูเหมือนคำกล่าวของสองแม่ลูกนี้จะตบหน้าซูซืออวี้เข้าอย่างจัง
เขารู้สึกว่าถูกฉีกหน้าจนมิมีชิ้นดี จึงได้ตบมือลงบนโต๊ะดัง "ตุ้บ!" จนถ้วยชากระเด็นกระดอน
"เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกงั้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าต่างหากที่อยากจะถามเจ้า! ดูว่าเจ้าทำอะไรลงไป?"
เซี่ยซื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก "นายท่าน ข้ามิรู้……"
เหยียนโมโม่ขัดจังหวะขึ้นอย่างเย็นชา "ช่างปัดความรับผิดชอบได้ดีเหลือเกิน คนหนึ่งเป็นภรรยาน้อย อีกคนหนึ่งเป็นบุตรนอกสมรส กลับมาชี้หน้าดุด่าใส่ร้ายคุณหนูใหญ่บุตรสาวผู้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ของจวนซูนี่ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาเสียจริง!"
ภรรยาน้อยและบุตรนอกสมรส คำเหล่านี้แหลมคมดุจเข็มเจาะไปกลางหัวใจของเซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์
ใบหน้าของเซี่ยซื่อเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันใด นางโกรธแต่มิกล้ากล่าวออกมา
ซูหว่านเอ้อร์บิดผ้าเช็ดหน้าในมือของตนแน่นแล้วหันศีรษะมามองซูหนานอีอย่างอาฆาตแค้น
ซูหนานอีเผยอมุมปากของนางขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเยาะเย้ย มิต่างอะไรกับการแล่เนื้อเอาเกลือทาต่อซูหว่านเอ้อร์
เหยียนโมโม่กล่าวอย่างจริงจังว่า "นายท่านซู ไท่เฟยของข้าเคยบอกท่านก่อนหน้านี้ว่าอย่างไร? ให้ท่านดูแลว่าที่พระชายาเป็นอย่างดี ผ่านมาเพียงไม่เท่าไร? ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก เป็นเพราะพวกท่านมิเห็นจวนอ๋องเป่ยลี้ของพวกเราในสายตางั้นหรือ?"
น้ำเสียงของหยุนจิ่งหนักแน่น "ข้าจะรับเหนียงจื่อกลับไปด้วย"
เหยียนโมโม่กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆและคิดในใจว่า "ท่านอ๋องของข้า จะระบายอารมณ์ออกมาย่อมทำได้ แต่จะเอาตัวนางไปมิได้นะเพคะ!"
หยุนจิ่งยังคงทำสีหน้าจริงจังและกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า "ข้าต้องการพาเหนียงจื่อของข้ากลับไปด้วย"
เหยียนโมโม่เหลือบมองไปที่ซูหนานอีซุนหนานอียิ้มกล่าวปลอบโยนวว่า "จิ่งเอ้อร์ ข้าไปเล่นที่ในวังกับเจ้าได้สักพัก แต่ข้าต้องกลับเมื่อท้องฟ้ามืดรอให้เราแต่งงานกันก็จะได้อยู่ด้วยกันทุกวันทุกเวลา"
หยุนจิ่งมองนางอย่างจริงจัง "เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับเจ้าบัดนี้"
"……"
ซูหนานอีพยายามอธิบายอย่างอดทนว่า "พวกเราต้องรอจนถึงวันกำหนดงานแต่งงานจึงจะได้รับพรจากพระเจ้าและจะสามารถอยู่ด้วยกันเป็นเวลาเนิ่นนาน เจ้าอยากอยู่กับข้าตลอดไปหรือไม่?"
หยุนจิ่งกล่าวโดยมิลังเลว่า "อืม จิ่งเอ้อร์อยากอยู่กับเหนียงจื่อตลอดไป!"
"เช่นนั้นต้องรอให้ถึงวันพิธีแต่งงาน จงรออย่างอดทน อีกมินานหรอก"
"ตกลง ข้าฟังเหนียงจื่อ"
เหยียนโมโม่รู้สึกประหลาดใจและซาบซึ้ง ซูหนานอีมิได้ถูกบังคับให้แต่งงานเข้าไปในวัง เมื่อครู่นางกล่าวออกมาอย่างจริงใจและอ่อนโยน นางกล่าวกับท่านอ๋องจากใจจริง
ด้วยความดีงามเช่นนี้ จึงทำให้เหยียนโมโม่มิต้องการปล่อยเซี่ยซื่อและคนพวกนี้ไปง่ายๆ
นางเอ่ยถามซูซืออวี้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "นายท่านซู ความจริงของเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว ท่านจะจัดการเยี่ยงไร?"
ซูซืออวี้ทั้งโกรธทั้งเป็นทุกข์ เขาจ้องไปที่เซี่ยซื่อกล่าวว่า "จงนำทาสซึ่งมิซื่อสัตย์ทั้งหมดเหล่านี้ไปขายให้หมด!"
เซี่ยซื่อเงยหน้าขึ้นทันที นางโพล่งออกมาว่า "นายท่านเจ้าคะ! ซุนโมโม่เป็นติดตามรับใช้ข้ามาจากตระกูลเดิม ท่านจะขายนางตามต้องการได้อย่างไร?"
"หึๆ!" เหยียนโมโม่หัวเราะหึๆ "งั้นตามที่เจ้ากล่าวมา ว่าที่พระชายาของจวนเรายังเปรียบมิได้กับทาสคนหนึ่งรึ?"
ทันใดนั้นคิ้วของซูซืออวี้ก็เลิกขึ้น เขามองไปยังเซี่ยซื่อที่ยังพยายามโต้เถียง จากกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า "หุบปาก! หากเจ้ายังเอ่ยคำใดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจักส่งเจ้าไปยังชนบทเพื่อคิดทบทวน!"
ใบหน้าของเซี่ยซื่อตกตะลึงและมองไปยังซูซืออวี้อย่างเหลือเชื่อ ซูหว่านเอ้อร์รีบดึงแขนเสื้อของนางอย่างเงียบๆ เป็นความหมายว่ามิให้นางกล่าวสิ่งใดออกมาอีก
ซูหนานอีมองอย่างเย็นชาจากด้านข้าง ซูหว่านเอ้อร์ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
ซุนโมโม่ร่ำไห้และโขกศีรษะของตนกับพื้น นางถูกปิดปากเอาไว้จึงมิอาจกล่าวคำใดได้ชัดเจน ซูซืออวี้อารมณ์เสียและโบกมือสั่งให้ลากตัวพวกนางลงไป
ซูซืออวี้ฝืนยิ้มออกมาว่า "เป็นเพราะข้ามิได้ปกครองอย่างเข้มงวด จึงทำให้ทาสในจวนก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ ท่านอ๋องอย่าได้กังวลใจไป คงต้องรบกวนโมโม่ช่วยออกหน้าต่อไท่เฟยสักเล็กน้อยว่านับจากนี้เป็นต้นไปกระหม่อมจะมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก"
เขาหันหน้ามากล่าวกับซูหนานอีด้วยความรักว่า "หนานอี ต่อแต่นี้หากเจ้ามีความคับข้องใจใดๆ ขอเพียงแค่บอกพ่อมา พ่อจะจัดการให้เจ้าอย่างแน่นอน!"
ซูหนานอีมองเขาด้วยรอยยิ้มอันน่าขยะแขยงจริงๆ จากนั้นลุกขึ้นยืนมองไปทางหยุนจิ่ง "จิ่งเอ้อร์ เจ้ามิได้บอกว่าจะพาข้าไปเล่นในจวนหรือ?"
หยุนจิ่งพยักหน้าอย่างมีความสุข "อืมเหนียงจื่อ เราไปกันเลยหรือไม่?"
"ไปสิ" ซูหนานอีเหลือบมองเซี่ยซื่อ "ท่านป้าเซี่ยซื่อข้าได้ยินมาว่าต้นไห่ถังในลานของท่านอุดมสมบูรณ์นัก ตอนนี้อากาศก็ร้อน หากท่านมิมีอะไรจะทำ ข้าแนะนำให้หลบร้อนโดยการอยู่แต่ภายในเรือน และสงบสติอารมณ์ของท่านก็คงดี"
"!!!"
เซี่ยซื่อราวกับถูกฟ้าผ่า นี่เป็นการกักบริเวณนางอย่างนั้นหรือ?
ซูหนานอีนางกล้าดียังไง? !
เซี่ยซื่อมองไปที่ซูซืออวี้ด้วยความตื่นตระหนก