ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 17 เจ้ากล้าตบข้า?
บัดนี้สมองของซูหนานอีว่างเปล่า เมื่อครู่นางเพียงแค่ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คาดมิถึงว่าจะถูกหยุนจิ่งกลับคุมเกมเสียเองเช่นนี้
นางหายใจเหนื่อยหอบ ใบหน้าแดงเรื่อร้อนผ่าว มือของนางสัมผัสอยู่ที่หน้าอกของหยุนจิ่ง นางรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอยู่ในฝ่ามือของนาง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าโกลาหลเกิดขึ้นนอกประตู นางจึงได้สติกลับคืนมาและใช้แรงผลักหยุนจิ่ง "มีคนกำลังมา!"
หยุนจิ่งละริมฝีปากออกอย่างมิเต็มใจ "เหนียงจื่อ เหตุใดจึงหวานเช่นนี้?"
เมื่อกล่าวจบเขาก็เลียริมฝีปากตน ซูหนานอีเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ใบหน้าของนางจึงเร่าร้อนราวกับไฟ "เจ้า……"
เสียงตะโกนจากข้างนอกดังเข้ามาขัดจังหวะ "อยู่ในนี้มิผิดแน่! ผลักเข้าไป!"
ดวงตาของซูหนานอีเยือกเย็นลงเล็กน้อย นั่นมันซุนโมโม่ที่อยู่ข้างกายเซี่ยซื่อหรอกมิใช่หรือ? ยังคงชอบใช้แรงตามเดิมสินะ
ซูหนานอีรีบกล่าวกับหยุนจิ่งว่า "จิ่งเอ้อร์ เรามาซ่อนหากันดีหรือไม่ เจ้าเข้าไปข้างในแล้วซ่อน จากนั้นข้าจะไปตามหาเจ้า"
ดวงตาของหยุนจิ่งเป็นประกาย "เอาซี จิ่งเอ้อร์ชอบเล่นกับเหนียงจื่อ!"
ซูหนานอีพยักหน้าแล้วส่งเขาไปในห้อง จากนั้นกลับมานั่งที่โต๊ะและยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
หลังจากจิบชาไปได้เพียงอึกหนึ่ง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง และซุนโมโม่ก็รีบพาคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความดุดัน
"ค้นหาให้……" ซุนโมโม่พบว่าซูหนานอีนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะดื่มชาเพียงลำพัง นางก็หยุดคำพูดของตนลงทันที
เกิดอะไรขึ้น? คุณหญิงกล่าวว่าซูหนานอีแอบพบปะกับชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวมิใช่หรือ?
ซูหนานอีมองลงไปที่ถ้วยชาในมือ น้ำอุ่นสีจาง แต่น้ำเสียงของนางเย็นชายิ่ง "ซุนโมโม่ มาทำอะไรงั้นหรือ?"
ซุนโมโม่เหลือบมองไปทางด้านหลังห้องแล้วกล่าวพลางหัวเราะว่า "คุณหนูมิต้องกังวลไป เราเพียงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณหนูเท่านั้น คุณหญิงจึงได้ส่งข้าน้อยให้มาดู"
"ซุนโมโม่ เจ้าอยู่ในจวนซูของข้ามากี่ปีแล้ว?" ซูหนานอีหันศีรษะของนางไปพร้อมรอยยิ้มไม่เป็นทางการ
ซุนโมโม่มิเข้าใจว่าทำไมจู่ๆเหตุใดนางจึงเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่นางก็ยังมีความเย่อหยิ่งอยู่เล็กน้อยและกล่าวว่า "ข้าน้อยเป็นบ่างรับใช้ประจำตัวของคุณหญิง จึงได้ติดตามคุณหญิงมาที่นี่ด้วย บัดนี้นับได้สอบหกปีแล้ว"
"สิบหกปี" ซูหนานอีพยักหน้า "อืม นับว่านานทีเดียว"
"แน่นอนเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวว่า "มานี่สิ"
ซุนโมโม่ตกใจ นางรู้สึกว่าซูหนานอีน้ำเสียงดูผ่อนคลาย แต่มันก็มีแรงกดดันที่มิอาจต้านทานได้ นางจึงก้าวไปข้างหน้าสองก้าวโดยมิรู้ตัว
ซูหนานอีกล่าวต่อว่า "ขยับเข้ามาอีกหน่อย ข้ามีอะไรจะบอก"
ซุนโมโม่เดินไปหาซูหนานอีและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จู่ๆซูหนานอีก็ตบเข้าให้เสียงดังสนั่น
"เพี้ยะ!" นางตบเข้าที่แก้มซ้ายอย่างเร็วและแรง ซุนโมโม่รู้สึกเพียงว่าหน้านางร้อนผ่าวราวจะระเบิด นางแทบทรุดตัวลงไปบนพื้น ผู้ที่อยู่ข้างหลังนางตกตะลึงและรีบเข้าไปช่วยพยุงเอาไว้
ซุนโมโม่เอามือข้างหนึ่งปิดแก้ม ดวงตาของนางส่งรังสีร้อนแรงออกมา "เจ้ากล้าตบหน้าข้า?"
ซูหนานอีลุกขึ้นและเดินเข้าไปหา "ตบเจ้าแล้วอย่างไร? อยู่ในจวนซูมาถึงสอบหกปีแล้ว แต่มิสามารถเรียนรู้กฎเหล่านี้ได้ วันนี้ข้าจะสอนเจ้าเอง! ข้าคือนาย ส่วนเจ้าเป็นทาส! บังอาจเรียกแทนตนว่าข้า เรียกข้าว่าเจ้า? คิดว่าตนเป็นใครกัน? แม้ว่าตระกูลซูจะเป็นเพียงพ่อค้า แต่ท่านพ่อก็เข้มงวดในการปกครองมาโดยตลอด จะปล่อยให้เป็นทาสเช่นเจ้ามาข่มเหงนายได้อย่างไร?"
"คุณหนูเข้าใจบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ" ซูโมโม่กัดฟันกรอด ดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความแค้น "คุณหญิงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณหนู จึงได้ส่งให้บ่าวมาติดตามดู เผื่อว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ่าวจะได้คุ้มกันคุณหนูทันเวลา บ่าวเองก็แค่กังวลใจมากไปเท่านั้น!"
"คุณหญิงหรือ?" ซูหนานอีหัวเราะเยาะเย้ยแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง "เซี่ยซื่อเป็นคุณหญิงตั้งแต่เมื่อไรกัน ก็แค่ภรรยาน้อยเท่านั้น แม้ว่าท่านแม่ของข้าจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่นางก็จะมิมีโอกาสขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาหลวง!"
ซุนโมโม่หายใจหอบ "ในเมื่อคุณหนูใหญ่รู้ว่าตนเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลซู จึงต้องใส่ใจกับคำกล่าวและการกระทำของตนให้มากขึ้น! การนับพบกันชายแปลกหน้าเป็นการส่วนตัวที่นี่ คือการประพฤติที่บุตรสาวแห่งตระกูลซูควรทำงั้นหรือ?!"
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เจ้ากล้ากล่าวมาได้อย่างไรว่าข้านัดพบกับชายแปลกหน้า หึๆ"
"คุณหนูใหญ่กล้าทำ แต่มิกล้ารับงั้นหรือ?"ซุนโมโม่กัดฟันกรอดๆ "บ่าวเองก็เพียงแค่หวังดีกับคุณหนูใหญ่ หากว่าเรื่องนี้ถูกนำไปเล่าต่อ ก็จะทำให้จวนซูเสียชื่อเสียงได้! อีกอย่าง บัดนี้คุณหนูใหญ่ก็ได้หมั้นหมายไว้แล้ว จะต้องการให้จวนอ๋องเป่ยลี้ต้องขายหน้าไปด้วยหรือ?"
ซูหนานอีได้ยินนางกล่าวถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ นัยน์ตาของนางก็หรี่ลงฉายแววอันตรายออกมา "หุบปาก! จวนอ๋องเป่ยลี้เป็นสถานที่ที่เจ้าสามารถกล่าวถึงได้ตามอำเภอใจงั้นรึ?"
ซุนโมโม่ชี้นิ้วไปที่ด้านหลังห้อง "บ่าวเพียงแค่คิดเผื่อคุณหนูใหญ่เท่านั้น ให้บ่าวเข้าไปค้นด้านใน แล้วกุมตัวกลับไปลงโทษเรื่องก็จบ มิเช่นนั้น……"
"มิเช่นนั้นเจ้าจักทำเยี่ยงไร? ข้าคิดว่าข้าคงตบหน้าเจ้าเบาเกินไปสินะ!" ดวงตาของซูหนานอีเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม "เจ้ากล้าที่จะเทน้ำสกปรกมายังจวนอ๋องเป่ยลี้ ช่างกล้าดีเหลือเกิน แน่จริงเจ้าก็ลองดูสิ!"
ซูหนานอียังมิทันจะกล่าวจบ ก็ได้เอื้อมมือเข้าไปกุมนิ้วของนางไว้
"โอ๊ย!" ซุนโมโม่ร้องออกมาทันที ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
"คุณหนูซูกล่าวได้ดียิ่ง!" ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางประตู จากนั้นเหยียนโมโม่ก็เดินเข้ามา
นางยืนอยู่นอกประตูมาพักหนึ่งแล้ว และรู้สึกพอใจกับซูหนานอีมาก นางชื่นชอบจากใจจริง
ซูหนานอีจำนางได้และปล่อยมือโค้งคำนับอย่างมิถือตัว "อรุณสวัสดิ์เหยียนโมโม่"
เหยียนโมโม่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม "บ่าวมิกล้ารับไว้เจ้าค่ะ"
"คุณหนูซูคงคับใจแย่ อย่างไรเสียคุณหนูก็เป็นแขก เรื่องการลงโทษคนชั้นล่างเช่นนี้ ให้บ่าวจัดการให้เถิดเจ้าค่ะ"
เหยียนโมโม่หันไปมองซุนโมโม่ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นโมโม่เหมือนกัน แต่ซุนโมโม่ก็มิสามารถเปรียบเทียบกับนางได้เลย จึงได้แต่ก้มศีรษะมิกล้าสบตา
เหยียนโมโม่ยิ้มออกมาว่า "จับตัวคนเหล่านี้เอาไว้!"
ซุนโมโม่ตกใจยิ่ง ยังมิทันกล่าวจบก็ได้ถูกคนที่เหยียนโมโม่พามาด้วยเข้าจับแขนจับขาไว้
ใบหน้าของเหยียนโมโม่เย็นชา "ทาสเจ้าเล่ห์เช่นนี้หากอยู่ในจวนอ๋องเป่ยลี้ของข้าคงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว แน่นอนเรื่องนี้ว่าข้าจะนำไปเจรจากับนายท่านตระกูลซูอย่างแน่นอน!"
ซูหนานอีรู้สึกขอบยิ่งนัก "ขอบคุณโมโม่"
เหยียนโมโม่หันกลับมายิ้มให้นาง "คุณหนูซูกล่าวเช่นนี้ทำไมกัน ท่านเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องของเรา การปกป้องท่านคือการปกป้องท่านอ๋องของเราเช่นกัน ว่าแต่ท่านอ๋องอยู่ที่ใด?"
ซูหนานอีหันกลับมาและเดินไปที่ด้านหลัง ดึงหยุนจิ่งที่ที่ซ่อนอยู่หลังม่านออกมา
หยุนจิ่งปรบมือและหัวเราะอย่างมีความสุข "เหนียงจื่อฉลาดนัก หาข้าพบได้ในครั้งเดียว! ว่าแต่ข้างนอกเสียงดังเชียว มีคนมาหาเรื่องเหนียงจื่อหรือ?"
"อืม" ซูหนานอีพยักหน้า "แต่ว่าข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว"
หยุนจิ่งรีบดึงนางเดินออกมา เมื่อเห็นซุนโมโม่และคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ "เหยียนโมโม่ ลงโทษพวกเขาให้สาสม กล้าดีอย่างไรมารังแกเหนียงจื่อของข้า จะปล่อยไปอย่างปรานีมิได้!"
"ท่านอ๋องวางใจได้ บ่าวจะพาพวกเขาไปลงโทษอย่างเหมาะสม!"
ซูหนานอีมองดูหยุนจิ่งด้วยความอบอุ่นในใจ เบื้องบนประทานชีวิตใหม่ให้แก่นางอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้นางจะต้องคุ้มครองหยุนจิ่งให้ได้ จะมิทำให้เขาต้องเดือดร้อนอีก
ขณะนั้นเอง เซี่ยซื่อกำลังรับประทานผลไม้แช่เย็นอยู่ในเรือน นางกำลังเพลิดเพลินกับความเย็นที่หาได้ยากในฤดูร้อน
"ท่านแม่ มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่โรงน้ำชาจวี้ซิงนะเจ้าคะ" ซูหว่านเอ้อร์ปอกองุ่น "หากนางนั่นถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็คงจะมีละครสนุกๆให้พวกเราดูเป็นแน่"
เซี่ยซื่อหัวเราะเบาๆ "มิต้องกังวลไป ซุนโมโม่เก่งกาจเพียงใด นางออกหน้ารับมือเองคงต้องสำเร็จแน่ ทีนี้อยากจะเห็นนักว่านางนั่นจะมีหน้าที่ไหนแต่งเข้าจวนอ๋องเป่ยลี้! หึๆ อยากจะเป็นพระชายางั้นรึ? มิหัดดูเงาหัวตัวเอง!"
นางยังมิทันจะกล่าวจบ จู่ๆก็มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีลนลานว่า "คุณหญิง เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!"