ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 16 ปัจจุบัน
ที่ในโรงน้ำชา หลังจากที่ทั้งสองได้คุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับซูหนานอีในวันที่ฆ่าตัวตาย เซี่ยหล่านก็ได้นำข่าวเกี่ยวกับตระกูลซูเล่าสู่ให้นางฟัง
"เจ้าหมายถึง ท่านพ่อท่านแม่ของข้ายังมิตาย? พวกเขายังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ?"
เซี่ยหล่านพยักหน้า "อืม พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ บัดนี้ข้ายังหาพวกท่านมิพบ แต่ข้ามั่นใจว่าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้"
นางร่างกายอ่อนแรง ดูผ่อนคลายลงทันที "ดี ช่างดียิ่งนัก"
เมื่อได้สติกลับคืนมา นางก็รีบกล่าวทันทีว่า "ข้าต้องการหาท่านพ่อท่านแม่พบโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพวกท่านทั้งสอง มิฉะนั้น หากเราปล่อยให้กู้ซีเฉินหาพบก่อน……
มิได้การละ เซี่ยหล่านเจ้าติดต่อไปยังหุบเขาหมอเทวดาให้ข้าได้หรือไม่?"
ทั้งโลกรู้ว่าหุบเขาหมอเทวดาเป็นของตระกูลซู แต่พวกเขามิรู้ว่าหุบเขาหมออันลึกลับในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้เป็นของซูหนานอี
มีสาวกมากมายอยู่ในหุบเขาหมอเทวดานี้ นางต้องการส่งคำสั่งด่วนไปยังทุกคน ให้ปกป้องท่านพ่อท่านแม่ของข้าอย่างสุดกำลัง!"
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย "สาวกในหุบเขาหมอเทวดาเกือบล่มสลายไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในตระกูลซู คาดว่าคงได้ยินเรื่องราวของเจ้ามา บัดนี้เจ้าจะยังสามารถ……"
"ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องใดอยู่ สาวกหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นอาจจำใบหน้าของข้ามิได้ แต่พวกเขาตระหนักดีถึงวิธีการใช้เข็มเงินของข้า อีกทั้งยังมีตราเหล็กนั่นอีก"
เซี่ยหล่านโล่งใจ "เป็นเช่นนี้นี่เอง"
"ว่าแต่ ตัวตนใหม่ของเจ้าตอนนี้เป็นผู้ใด?"
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้น "คุณหนูตระกูลซู"
เซี่ยหล่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ตระกูลซูหรือ? ยังมีตระกูลซูใดในเมืองซินเยว่อีกงั้นหรือ?"
"ตระกูลซูเล็กๆ ซึ่งย้ายมาเมืองซินเยว่ได้มินานนัก ชื่อเรียกของร่างนี้คือซูหนานอีเช่นกัน"
"แค่กๆ!"
เซี่ยหล่านตั้งใจจะจิบชาเพื่อผ่อนคลาย แต่คาดมิถึงว่าประโยคของซูหนานอีเมื่อครู่จะทำให้เขาถึงกับสำลัก
"แค่กๆๆ เจ้าว่าอย่างไรนะ? นางชื่อซูหนานอีด้วยงั้นรึ?"
นางพยักหน้า "แต่เจ้าสามารถวางใจได้ ที่ผ่านมานี้มีคนเพียงมิกี่คนที่รู้จักชื่อซูหนานอีของข้า นอกจากกู้ซีเฉินแล้วก็มีเพียงผู้ประกาศพระราชกฤษฎีกานี้เท่านั้น"
เซี่ยหล่านเช็ดมุมปากของตนอย่างรวดเร็ว "ข้าแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนชื่อของเจ้าเสีย หากว่าชื่อนี้รู้ไปถึงกู้ซีเฉิน เขาจะสงสัยเจ้าอย่างแน่นอน เขาผู้นั้นช่างโหดร้ายอำมหิต"
"ข้าไม่เปลี่ยน บัดนี้เขามิอาจเข้ามาแตะต้องข้าได้ง่ายๆ และเข้ามิถึงตัวข้า"
เซี่ยหล่านเลิกคิ้วขึ้น "หืม? เจ้ามีวิธีใดงั้นหรือ? ตระกูลซูนี้ก็แค่พ่อค้าเล็กๆคนหนึ่งมิใช่หรือ?"
ซูหนานอีเลิกคิ้ว เมื่อนางกำลังจะกล่าวบางสิ่งออกมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ด้านนอกโรงน้ำชาดังขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะควบคุมเสียงให้เบา แต่ทักษะของเซี่ยหล่านนั้นยอดเยี่ยมจนเขารู้สึกได้
ถ้วยน้ำชาในมือถูกบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย เกิดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นที่มุมปากของเขา "ตามมาเร็วเช่นนี้เชียวหรือ? ติดตามได้เยี่ยมดีเดียว"
ซูหนานอีชะงักลงเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ "มีคนกำลังติดตามเจ้าอยู่หรือ?"
เซี่ยหล่านเลิกคิ้วขึ้น "ข้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้า เมื่อข้าเดินทางมายังเมืองซินเยว่ พวกเขาจะมิส่งคนมาติดตามข้าหรือ?"
หัวใจของซูหนานอีเต้นโครมคราม
"เจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังถูกติดตาม แล้วเหตุใดเจ้ายังมาที่โรงน้ำชากับข้า?"
เซี่ยหล่านหัวเราะเบาๆ "มีอะไรรึ? กลัวว่าข้าจะนำความเดือดร้อนมาให้เจ้าหรือไร?"
นางเม้มปากมิได้กล่าวอะไรออกมา
เซี่ยหล่านรู้สึกกังวลขึ้นมา "อย่าได้โกรธไปเลย ข้าแปลกใจที่ได้พบเจ้า จึงมิได้สนใจสิ่งอื่นใดก็เท่านั้น"
ซูหนานอีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "เจ้าเตรียมมาพร้อมหรือไม่?"
"แน่นอน"
"มิต้องห่วง ข้าสั่งให้คนของข้าปกปิดร่องรอยของเจ้าแล้ว แต่นอกจากคนที่ตามข้ามา ยังมีคนในจวนซูกำลังติดตามเจ้าอยู่ด้วย"
นางส่งเสียงออกมาเบาๆอย่างมิแปลกใจ "ข้ารู้"
"รู้ก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ"
ซูหนานอีประหลาดใจ "จะไปที่ใดกัน?"
"แน่นอนว่าเปลี่ยนห้องใหม่"
เมื่อกล่าวจบ เซี่ยหล่านก็เคาะกรอบประตูสามครั้งแล้วก้มลงสัมผัสใต้แจกันหลังประตู ทันใดนั้นอุโมงค์ลับก็ปรากฏขึ้นในห้อง
ดวงตาของซูหนานอีเบิกกว้างขึ้นทันที
เขาเผยอริมฝีปากของตนและก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าข้อมือของนางไว้ "ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าเมื่อห้าปีก่อนข้าได้ซื้อโรงน้ำชาจวี้ซิงเอาไว้ ในตอนนั้นข้าเลือดร้อนน่ะ"
ซูหนานอีเบะปากเบาๆ
จากนั้นก็ตามเขาเข้าไปในอุโมงค์ลับ
ชั่วพริบตา พวกเขาได้เปลี่ยนไปยังอีกห้องหนึ่งแล้ว
ภายในห้องนั้นมีเสื้อผ้าพร้อมครบ เซี่ยหล่านรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นห้องข้างก็ได้ถูกค้นเจอ
"มิมีเวลามัวแต่บอกลาแล้ว ข้าต้องไปก่อน อีกสามวันที่บนภูเขาแดงนอกเมือง ข้าจะรอเจ้าที่วัดเจ้าแม่กวนอิมบนยอดเขา"
เมื่อกล่าวจบ เซี่ยหล่านก็สวมผ้าคลุมผมยกมือขึ้นทำท่าจะเปิดประตู
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู
ฝีเท้านั้นวิ่งเร็วและดูวิตกกังวล
ดวงตาของเซี่ยหล่านก็มืดมนลงทันที
"บ้าจริงเชียว มีกันกี่กลุ่มนะ?"
หากเป็นการโจมตีสองด้านละก็ กว่านางจะได้กลับมาเกิดใหม่กลับต้องตกเป็นเป้าหมายอีกครั้งหรือนี่
"เหนียงจื่อ อยู่ที่ใดกัน?"
ในขณะที่ทั้งสองมิกล้าขยับเขยื้อน ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังเข้าไปในหูของซูหนานอี
ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นทันที
หยุนจิ่ง!
"เซี่ยหล่าน ดูสัญญาณมือของข้าไว้"
ระหว่างที่เซี่ยหล่านกำลังงุนงง ซูหนานอีก็ได้เปิดประตูออกไป
การกระทำของนาง ทำให้เซี่ยหล่านรีบซ่อนตัวไปด้านหลังประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงได้ยินหนานอีกล่าวว่า "จิ่งเอ้อร์ ข้าอยู่ที่นี่"
เขาขมวดคิ้วขึ้น จิ่งเอ้อร์? ผู้ใดกัน? เหตุใดจึงเรียกด้วยชื่อสนิทสนมเช่นนั้น???
เมื่อหยุนจิ่ง ได้ยินเสียงของซูหนานอีดวงตาของดุจดอกท้อของเขาก็เบิกกว้างขึ้น "เหนียงจื่อ!"
จากนั้น ร่างอันเสียงสูงเรียวก็หันกลับมา แต่ขาของเขากลับลื่นจนแทบล้มลงสู่พื้น
หัวใจของซูหนานอีเต้นแรงด้วยความตกใจ
"ระวัง!"
เขาหดขากลับมาและทรงตัวไว้ รีบวิ่งไปหานางอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปด้านในประตูแล้วจึงกล่าวว่า "เหนียงจื่อมิต้องกังวลไป จิ่งเอ้อร์มิเป็นไร!"
จุดสนใจในห้องนี้ถูกซูหนานอีดึงดูดไปจนสิ้น เซี่ยหล่านที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูเห็นสัญญาณของซูหนานอีเขาจึงรีบย่องออกไปอย่างรวดเร็ว
"เหนียงจื่อ จิ่งเอ้อร์คิดถึงเหนียงจื่อมากจริงๆ! คิดถึงเสียจนมิเป็นอันกินอันนอน! เหนียงจื่อคิดถึงจิ่งเอ้อร์หรือไม่?"
ซูหนานอีเหล่มองเซี่ยหล่านซึ่งออกไปจากห้องแล้ว นางจึงพยักหน้าเห็นด้วยว่า "ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน"
หยุนจิ่งดูเหมือนจะรับรู้ถึงนางที่จิตใจมิอยู่กับเนื้อกับตัว จึงทำหน้าบึ้งมิพอใจ "เหนียงจื่อมิได้คิดถึงข้า เหนียงจื่อมิมองข้าด้วยซ้ำ!"
ซูหนานอีหัวเราะหึๆและมองไปที่หยุนจิ่งทันใด และกล่าวอีกครั้งว่า "อืม ข้าก็คิดถึงจิ่งเอ้อร์เช่นกัน"
หยุนจิ่งจึงอารมณ์ดีขึ้นมา "แหะๆ"
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปยังข้างหลังและเห็นเงาดำพุ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว จึงผงะแล้วเอ่ยว่า "หืม? เหนียงจื่อ เมื่อครู่ดูเหมือนจะมีคนอยู่ในห้องนี้?……อื้อ!!!"
หยุนจิ่งเบิกตากว้าง เขายังมิทันจะกล่าวจบ!
ซูหนานอีเขย่งเท้าของนางขึ้น ริมฝีปากแดงของนางก็กดลงไปบนริมฝีปากบางๆของเขาเพื่อมิให้เขาได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก
นางส่งสายตาไปมองเซี่ยหล่านที่ออกไปด้วยความรวดเร็ว ซูหนานอีจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่นางกำลังจะถอนริมฝีปากออก มือใหญ่ข้างหนึ่งก็จับมาที่เอวของนาง และอีกข้างหนึ่งจับที่ด้านหลังศีรษะของนาง
ท่าทางเดียวกันนี้ทำให้ซูหนานอีนึกถึงเรื่องในวันนั้น
วินาทีต่อมา นางรู้สึกว่าตนถูกหยุนจิ่งโอบกอดเอาไว้แน่น ริมฝีปากของชายผู้นั้นกดลงอย่างแรง
คราวนี้เขาพยายามจจะแทรกลิ้นเข้ามาด้านในด้วย
ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นในทันที!