ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 100 ไม่จำเป็นปรึกษาคุยกันอีก
ถึงแม้ว่าไท่เฟยสามารถที่จะจัดการได้เอง แต่ทว่าหยุนจิ่วเป็นคนของจวนอ๋อง
เหยียนโมโม่นำตัวหยุนหลิ่วกลับจวนอ๋อง แล้วก็นำตัวนางไปพบไท่เฟยเลย
ตอนนี้ไท่เฟยใจร้อนดุจดั่งไฟ นึกถึงตอนที่พบเจอซูหนานอีแต่ละครั้ง ทำไมรู้สึกว่านางไม่ใช่คนที่จะเป็นคนพูดจาเหลวไหลอย่างนั้นได้
แต่ทำไมถึง….
จะต้องมีคนทำอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ล่ะก็ ที่ทำอย่างนี้กับจวนอ๋อง หรือว่าเรื่องที่ตระกูลซูปีนป่ายขึ้นมาถึงจวนอ๋องได้ เลยเกิดการอิจฉาริษยาอย่างนั้นหรือ
ไท่เฟยคิดจนปวดหัว
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา โมโม่กลับมาแล้ว นางก็ยืดตัวตรง “เป็นอย่างไรบ้าง”
เหยียนโมโม่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม สีหน้าผ่อนคลาย คำนับคารวะนางก่อนแล้วจึงเอ่ย “ไท่เฟยน้ำพระทัยกว้างขวาง เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ทำให้ตกใจเท่านั้นไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ส่วนซูหนานอี คนที่ถูกทิ้งไว้บนถนนคนเดินนั้นไม่ใช่คุณหนูซู”
ไท่เฟยได้ยินอย่างนั้นถึงได้โล่งใจ ในที่สุดเรื่องที่เป็นกังวลก็จะได้หมดไปเสียที
จากนั้นเหยียนโมโม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ ไท่เฟยได้ยินก็ตกใจและดีใจ
ท้ายที่สุด เรื่องพวกนี้ก็กลายเป็นความโกรธอยู่ในอก
“ตอนนี้หยุนหลิ่วอยู่ใด”
เหยีนนโมโม่ตอบ “อยู่ที่ห้องรับรองเพคะ รอให้พระองค์รับสั่ง”
“ให้นางเข้ามา”
เหยียนโมโม่มีท่าทีลังเล จากนั้นก็กระซิบเสียงเบา”ไท่เฟยเพคะ อย่าว่าบ่าวพูดมากเลยนะเพคะ คนในจวนทั้งหมดไม่ว่าบ่าวหรือเจ้านายต่างก็รู้ดีว่าหยุนหลิ่วเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตท่านอ๋องไว้ ตอนนี้คุณหนูซูก็ทราบเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากกำจัดนางไปแล้ว เกรงว่า……”
“กลัวอะไร หรือว่าจวนอ๋องเป่ยลี้ของข้าถูกนางจูงจมูกพาเดินไปทางไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ ” ไท่เฟยเลิกคิ้วขึ้นเป็นปม แววตาแสดงความน่าเกรงขามออกมา “ข้าจะทำอะไรนางไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ”
ตอนนี้ไท่เฟยโกรธโมโหมาก นางเป็นองค์หญิงที่หยิ่งทนงตนอยู่ในวัง หลังจากที่อภิเษกกลายมาเป็นไท่เฟยแล้ว ก็ไม่เคยมีใครทำให้อารมณ์นางขุ่นเคือง
“ไท่เฟยโปรดอย่าทรงกริ้วไป ” เหยียนโมโม่เอ่ยปลอบ พร้อมกับยกชาให้นาง “แน่นอนว่าพระองค์ไม่กลัวนางอยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรเลย คำพูดแต่ละคำของนางล้วนพูดแทนพวกเรา แทนคุณหนูซูนะเพคะ”
ไท่เฟยหรี่ตาลงเล็กน้อย” เล่ห์กลอย่างนี้ยังกล้ามาใช้กับข้า ช่างอ่อนจริงๆ”
“พระองค์รับสั่งถูกแล้วเพคะ” เหยียนโมโม่พยายามพูดเสริม “แต่คนอื่นไม่รู้ ว่าท่านอ๋องใกล้จะอภิเษกแล้ว เดิมทีก็ถูกเพ่งเล็งอยู่แล้ว อ้อใช่แล้วเพคะ บ่าวได้ข่าวว่า คุณหนูรองแห่งตระกูลซูก็มีคนมาสู่ขอแล้ว”
ไท่เฟยรู้สึกแปลกใจ”เด็กผู้หญิงคนนั้นหรือ ที่เกือบจะทำร้ายหยุนจิ่งของข้าคนนั้นหรือ”
“เพคะ ” เหยียนโมโม่พยักหน้า “พระองค์ลองทายดูสิเพคะว่านางจะหมั้นกับผู้ใด ”
ไท่เฟยหัวเราะเยาะออกมา “คนอย่างนางหรือ ไม่จำเป็นต้องพูดมาก แม้แต่เรื่องก่อนหน้านี้ถึงแม้จะปิดข่าวได้บ้างแล้ว แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์มีผู้ใดบ้างไม่รู้ไม่เห็น ข้าได้ข่าวว่านางใช่สิ่งของที่เป็นสินสอดเมื่อครั้งที่แล้ว สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนเอานางอีกหรือ ”
เหยียนโมโม่ปิดปากหัวเราะ”ใช่เพคะ พระองค์รับสั่งถูกแล้ว แต่เรื่องนี้แปลกมากเพคะ หากดูตามชื่อเสียงของนางที่ตอนนี้เสื่อมเสียป่นปี้มาก …แต่ก็ยังมีบุตรชายของลูกภรรยารองของท่านแม่ทัพไปสู่ขอถึงจวน”
หรือว่าสู่ขอให้นางไปเป็นอนุของบุตรชายที่เป็นลูกภรรยารองของแม่ทัพหลี่”
“ไม่ได้แต่งไปเป็นอนุนะเพคะ แต่เป็นบุตรชายภรรยาเอกของตระกูลหลี่ น้องชายแท้ๆ ของกุ้ยเฟย และกั๋วจิ้วเหย่ในตอนนี้ ซึ่งให้แต่งมาเป็นภรรยาเอกเพคะ”
ไท่เฟยถึงกับตกใจเบิกตากว้าง “จริงหรือ”
“จริงเพคะ ” เหยียนโมโม่พยักหน้า “ระหว่างทางกลับมา เห็นคนของตระกูลหลี่นำสินสอดมุ่งหน้าไปทางจวนตระกูลซูแล้วเพคะ ได้ยินว่าวันที่หกเดือนหน้าก็จะจัดงานแต่งงาน และยังเป็นฤกษ์ที่สำนักหอดูดาวหลวงเป็นคนดูฤกษ์มงคลให้เพคะ”
“บ้าไปแล้ว” ไท่เฟยรู้สึกไม่เข้าใจ”คนตระกูลหลี่บ้าไปแล้วหรือ”
เหยียนโมโม่เอ่ยเสียงเบา”ดังนั้น และไม่อยากพูดถึงเรื่องของท่านอ๋องอีก”
เห็นสีหน้าของไท่เฟยดูผ่อนคลาย เหยียนโมโม่ก็เอ่ยเสริมอีกว่า”หยุนหลิ่วอยู่ในจวนอ๋องตอนนี้ก็อยู่ในสายตาของพระองค์ รอให้เสร็จเรื่องอภิเษก คุณหนูซูแต่งเข้ามา ท่านอ๋องของเราก็มีความสุข ทุกอย่างก็ถือเป็นเรื่องดีมิใช่หรือเพคะ ขอเพียงไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกอีก”
“ยิ่งกว่านั้น คุณหนูซูก็ได้พูดแล้ว เพียงแค่บ่าวนำตัวคนกลับมาด้วยดี ไม่ได้มีท่าทีไม่เต็มใจหรือไม่พอใจแต่อย่างใด”
ไท่เฟย”จริงหรือ นางพูดอย่างนี้จริงหรือ”
“เพคะ บ่าวมิกล้าโกหกปิดบังไท่เฟยหรอกเพคะ คุณหนูซูได้ยินว่าหยุนหลิ่วได้ช่วยชีวิตท่านอ๋อง บอกว่า ไม่ว่าผู้มีพระคุณอย่างไรกับท่านอ๋อง ไม่อยากคิดให้มากความ”
ไท่เฟยถอนลมหายใจออกมายาวๆ และ รู้สึกดีกับซูหนานอีขึ้นมามาก”นางช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริงๆ ”
ไท่เฟยกับเหยียนโมโม่มองสบตากัน แล้วเกินออกไปดูข้างนอก หยุนหลิ่วที่ตอนนี้สลบไปแล้ว สีหน้าซีดเผือด หน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับตากฝนมา เปียกไปทั้งหน้าและผม นางหน้าคิ้วขมวด กัดฟันแน่นดูท่าทางเจ็บปวดอย่างที่สุด
พอไท่เฟยเห็นนางเป็นอย่างนั้น ก็อดที่จะคิดถึงตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนจิ่งในตอนนั้น ก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา “ยังมัวอึ้งอยู่ทำไม รีบพานางกลับไปพักสิ! แล้วรีบเรียกหมอมา!”
หยุนหลิ่วถูกพากลับมายังจวน และไท่เฟยรับสั่งให้คนไปเรียกหยุนจิ่ง นางมิอาจเข้าใจถึงการกระทำของจวนท่านแม่ทัพหลี่ได้
หากคุณหนูรองแห่งตระกูลซูแต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพหลี่ ถ้าอย่างนั้นจิ่งเอ้อร์ของนางกับกั๋วจิ้วเหย่ก็จะต้องเป็นเครือญาติกัน เรื่องที่นำมาโยงเกี่ยวข้องกันอย่างนี้ ทำให้นางรู้สึกเป็นกังวล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหน นางจะต้องเรียกหยุนจิ่งกลับมา แล้วเอ่ยกำชับสักหน่อย
หยุนจิ่งที่พึ่งถึงจวนและเห็นเสี่ยวเฮยบินกลับมาเกาะที่ไหล่ จากนั้นเสี่ยวเฮยก็หมอบลง
เขาก็เข้าไปคารวะไทเฟย จากนั้นไท่เฟยก็จูงเขามาแล้วมองซ้ายมองขว และพบว่าวันนี้ยังได้พาเสี่ยวเฮยกลับมาอีกด้วย ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
หยุนจิ่งก็พูดเรื่องเสี่ยวเฮยอย่างอารมณ์ดี มองดูเขาที่ตาแวววาวยาวเล่าเรื่อง ที่ดูมีความสุข ไท่เฟยก็รู้สึกเอ็นดู
“เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไรเป็นหรือ ไม่พอพระทัยเสี่ยวเฮยหรือ”
” ชอบ ” ไท่เฟยยิ้ม แล้วใช้นิ้วลูบหัวเสี่ยวเฮย “จิ่งเอ้อร์ชอบ แม่ก็ชอบด้วย”
“เสด็จแม่ ท่านเรียกข้ากลับมามีเรื่องอะไรหรือ”
ไท่เฟยจูงเขามานั่ง “จิ่งเอ้อร์ วันนี้ก็ออกไปเที่ยวกับคุณหนูซูหรือ”
“พะ่ยะ่ค่ะ ” หยุนจิ่งพยักหน้า “เสด็จแม่ ข้าชอบไปเที่ยวกับเหนี่ยงจื่อ”
“ดีๆ ” ไท่เฟยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “แม่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ ว่าคุณหนูรองแห่งตระกูลซูมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ว่าที่สามีนางคือ…….”
“เสด็จแม่ จิ่งเอ้อร์ทราบพ่ะย่ะค่ะ เป็นคนของท่านแม่ทัพใหญ่ ” หยุนจิ่งเม้มปาก “จิ่งเอ้อร์ไม่ชอบเขาคนนั้น เหนียงจื่อก็ไม่ชอบ แต่เหนียงจื่อบอกว่า มีเรื่องบางเรื่องที่จะคิดแค่ชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ บางทีก็ต้องรู้จักอดทน”
ไท่เฟยรู้สึกตกใจแต่ไม่พูดอะไรออกมา หยุนจิ่งมองนาง “ทำไมหรือ เสด็จแม่ ข้าพูดผิดอะไรไปหรือ”
“ถูกแล้ว จิ่งเอ้อร์พูดถูกแล้ว ” ไท่เฟยโอบกอดเขา “เด็กดี แม่ดีใจมาก”
เหยียนโมโม่แหวกม่านเข้ามา หยุนจิ่งก็หันไปมองนางพร้อมกับอวดเสี่ยวเฮยไปด้วย เหยียนโมโม่นำขนมชั้นเข้ามา หยุนจิ่งก็ดังนั้นวิ่งเข้าไปนั่งกิน
ไท่เฟยใช้ผ้าเช็ดหน้ากดไว้ตรงหัวตา “`ซูหนานอีไม่เลวจริงๆ ต้องขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง เจ้าไปเอาเพชรสีชมพูออกมาหน่อย แล้วนำไปให้ซูหนานอีเถอะ”
“ไท่เฟย นะ นั่นเป็น…….ของท่าน”
“เพราะว่ามีของสำคัญอย่างนี้ถึงจะมีค่า วันนี้คนของจวนแม่ทัพส่งสินสอดไปที่แล้วมิใช่หรือ ว่าที่พระชายาของจวนพวกเรา จะด้อยหน้าได้อย่างไร”
“เพคะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
ซูหนานอีที่เวลานี้ยังไม่ได้หลับจวน นางกลัวหยุนจิ่งเป็นห่วง บอกให้หยุนจิ่งกลับจวนแล้ว ก็ปล่อยให้เสี่ยวเฮยบินกลับไป
และนางก็ไปนั่งอยู่ที่บ้านตระกูลหู ดูยาสมุนไพรที่อยู่ในเรือน
“ท่านหมอหูเทวดา ท่านตกแต่งที่นี่ได้ไม่เลว”
ท่านหมอหูเทวดาโบกมือไปมา “อย่าได้เรียกอย่างนั้นเลย ต่อหน้าคนอื่นก็พอได้ แต่ต่อหน้าคุณหนู ข้ามิกล้าเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาหรอก”
ซูหนานอีพลิกสมุนไพรไปมา ” สีสวยไม่เลว ท่านผู้เฒ่า ช่วงนี้ท่านกับศิษย์น้องของท่านได้เจอกันหรือไม่”
“เมื่อสองวันก่อนเขามาที่นี่ ก็คือลงมาจากเขาได้สองวัน ทำไมหรือ”
พอท่านหมอหูเทวดาลงมาจากเขาก็ได้ยินเซี่ยหร่านบอกแล้ว เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับหลิวว่านเพ่ยมาก
“ศิษย์น้องผู้นี้ ท่านไม่เจอหน้านานแล้วหรือ”
“ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว ก็น่าจะยี่สิบกว่าปีได้แล้วกระมัง ทำไมหรือ ”
ซูหนานอียิ้ม “ท่านยังดูไม่แก่เลย อีกอย่าง หมอยิ่งแก่ยิ่งมีคุณค่า”
หมอหูเทวดาหัวเราะดังออกมา ซูหนานอีเลยถามขึ้นลอยๆ “ศิษย์น้องผู้นี้ของท่านรู้วิชาหมัดมวยหรือไม่”
“วิชาหมัดมวยหรือ ไม่หรอก” หมอหูเทวดาตอบอย่างไม่ต้องคิด “ตอนนั้นที่พวกเราเป็นศิษย์ร่ำเรียนด้วยกัน สุขภาพเขาก็ไม่ค่อยจะดี ยังต้องให้อาจารย์ของข้ารักษาเขาถึงสองปีอาการถึงค่อยๆ ดีขึ้น ตัวเขาน่าจะเรียนวิชาหมัดมวยไม่ได้หรอก”
ซูหนานอีเลิกคิ้ว เรียนไม่ได้อย่างนั้นหรือ