ทันทีที่กลับมาถึงจวนองค์หญิง หยุนชางก็เดินไปที่เรืองของหัวจิ้งเพื่อบอกนางว่าเธอกลับมาแล้ว ทันทีที่เดินเข้าไปในประตู นางก็ได้ยินเสียงสิ่งของแตก "เพล้ง" จากด้านใน
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วคิดว่า "นี่เล่นละครอะไรอีกล่ะ" แล้วนางก็เดินเข้าไป
"องค์หญิงฮุ่ยกั๋วมาแล้วเพคะ" เมื่อสาวใช้ที่ยืนอยู่ที่ประตูเห็นหยุนชางนางก็รีบตะโกนขึ้นเสียงดัง
เสียงข้างในจึงเงียบลง หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและพูดกับสาวใช้ว่า "เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับมาจากวัง เพียงจะมาบอกเสด็จพี่ว่าข้ากลับมาแล้ว เสด็จพี่กำลังทำอะไรอยู่หรือ หากไม่สะดวก ข้าค่อยมาก็แล้วกัน"
เสียงของหัวจิ้งดังมาจากข้างใน "ชางเอ๋อร์ เข้ามาสิ"
ทันทีที่หยุนชางเดินเข้ามาก็เห็นเศษของบนพื้น หยุนชางอึ้งไปและประหลาดใจเล็กน้อย "เสด็จพี่ เป็นอะไรไปเพคะ?"
หัวจิ้งทำเสียงขึ้นจมูกโดยไม่ตอบอะไร เพียงแค่ถามหยุนชางว่า "เจ้าคงมีความสุขที่ได้ไปที่วัง ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?"
หยุนชางมองดูสีหน้าขมวดคิ้วไม่พอใจของหัวจิ้งอย่างระมัดระวังแล้วพูดเสียงเบา "ไม่มีความสุขเลยสักนิด เสด็จพ่ออยากให้ชางเอ๋อร์แต่งงานกับคุณชายหวังจิ้นฮวนอะไรนั่น แค่มองท่าทางเอ้อระเหยลอยชายของเขาแล้วชางเอ๋อร์ไม่ชอบเลยสักนิด โชคดีที่ชางเอ๋อร์นุกได้ว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าเคยทำนายให้ข้าได้ บอกว่าชางเอ๋อร์ไม่ควรแต่งงานก่อนอายุสิบแปด ไม่อย่างนั้นจะเกิดโศกนาฏกรรมนองเลือด พอเสด็จพ่อเห็นลายมือของเจ้าอาวาสอู๋น่าแล้วจึงไม่ได้บังคับชางเอ๋อร์อีก"
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นหัวจิ้งก็ขมวดคิ้ว หวังจิ้นฮวนคนนั้นและจิ้งอ๋องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หากหยุนชางแต่งงานกับหวังจิ้นฮวนอะไรนั่นก็จะมีจิ้งอ๋องเป็นที่พึ่งเพิ่มมาอีก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นผลดีสำหรับนาง เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว หัวจิ้งจึงรีบดึงหยุนชางและกล่าวว่า "หวังจิ้นฮวนนั่นไม่ใช่คนที่จะเป็นตัวเลือกสามีที่ดีเลย ได้ยินมาว่าวันนี้ที่เขายังไม่ได้แต่งภรรยา แต่เขากลับมีอนุมากมาย คนหลายใจเช่นนี้ หากเจ้าแต่งงานด้วยล่ะก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน"
หยุนชางพยักหน้า "ใช่แล้ว แม้ว่าหวังจิ้นฮวนจะช่วยชีวิตข้า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องยกชีวิตให้" หลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหัวจิ้งอย่างระมัดระวัง "เสด็จพี่ ข้าเห็นว่าท่านดูอารมณ์ไม่ดีนัก ใครมาทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือ?"
หัวจิ้งเหลือบมองหยุนชางและขมวดคิ้ว "เมื่อวานนี้ที่พระรูปนั้นทำนายอักษรให้แม่สามีของข้า วันนี้กลับลือไปทั้งเมืองว่าลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสอู๋น่าทำนายว่าข้ามีดวงกินสามีและยังพูดกันอีกว่าข้าใจดำกับแม่สามี"
"หา? หยุนชางเบิกตากว้างมองไปที่นาง "แต่เมื่อวานนี้มีพวกเราเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คนชั่วร้ายคนไหนกันแน่ที่เป็นคนแพร่ข่าวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เสด็จพี่ พวกเราจะปล่อยมันไปง่ายๆไม่ได้"
หัวจิ้งจ้องมองหยุนชางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "เมื่อครู่ข้าให้คนไปสืบดูแล้ว เป็นพ่อบ้านเองที่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับภรรยาของเขา พอภรรยาของเขาออกไปตลาดในตอนเช้าเข้าก็กระจายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้"
"อย่างนั้นหรือ?" หยุนชางหลุบตาลงเพื่อปกปิดประกายแวววาวในตาของนาง "แล้วเสด็จพี่จะทำอย่างไร?" หยุนชางถามขึ้นอีกครั้ง
"ทำอย่างไรน่ะหรือ?" หัวจิ้งแค่นเสียงเย็นชา "ข่าวลือจะยุติลงที่ผู้ทรงปัญญา* หากข้ารีบออกไปชี้แจงตอนนี้ ไม่แน่ว่าบางทีอาจทำให้ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัดหนักขึ้นไปอีก ข้าได้ส่งคนไปสืบข่าวของสวามีของข้าที่ชายแดนแล้ว หากนำข่าวว่าเขายังอยู่รอดปลอดภัยกลับมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นข่าวลือนี่ก็คงถูกทำให้เงียบไปเอง" (*สำนวนจีน หมายถึง ผู้มีปัญญาจะรู้จักแยกแยะและไม่นำไปนินทาต่อ)
หยุนชางรีบยิ้มอย่างรวดเร็ว "เสด็จพี่กล่าวถูกต้องแล้ว คนพาลเช่นนี้พวกเราอย่าไปหาความด้วยเลย ถึงเวลาพวกเราใช้ข้อเท็จจริงมาพูดกันดีกว่า ทางฝั่งฮูหยินนั้นกลับชอบพระคัมภีร์ที่ชางเอ๋อร์ส่งไป เดี๋ยวช่วงนี้ชางเอ๋อร์จะไปหานางบ่อยๆและพูดสิ่งดีๆเสียหน่อย เมื่อครอบครัวสมัครสมานทุกอย่างจึงจะมีความสุข เพียงแค่ฮูหยินยอมรับท่านพี่ ข่าวลือภายนอกก็ไร้ความหมาย"
หัวจิ้งพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ตอบอะไร นางกุมขมับสีหน้าท่าทางเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนชางจึงรีบพูดว่า "ในเมื่อเสด็จพี่กำลังยุ่ง เช่นนั้นชางเอ๋อร์จะออกไปก่อนก็แล้วกัน"
เมื่อหัวจิ้งได้ยินเสียงฝีเท้าของหยุนชางค่อยๆหายไปจึงคลี่ยิ้มเย็นชา "คิดไม่ถึงเลย ข้าอยู่ในจวนนี้มาตั้งหลายปีแล้วแต่กลับสู้คัมภีร์ห่วยๆที่นางมอบให้ไม่ได้ หยุนชางอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่กลับรู้วิธีซื้อใจคน ต่อไปนางจะไม่ร้ายกาจมากหรือ? คนเช่นนี้เก็บไว้ก็มีแต่จะเป็นผลร้ายต่อข้า จะต้องกำจัดนางโดยเร็วที่สุด หนึ่งวันที่ยังกำจัดนางไม่ได้ ใจข้าก็ยากที่จะสงบ"
ชิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังตอบอย่างรวดเร็วว่า "เพคะ ข้าเข้าใจแล้ว"
เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็ถึงเวลางานเลี้ยงที่หัวจิ้งจัดขึ้น เพื่องานเลี้ยงนี้หัวจิ้งลงแรงกายแรงใจไปอย่างมาก ตามที่นางได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การจัดเตรียมทุกขั้นตอนนางก็ให้หยุนชางได้มีส่วนร่วมทั้งหมด งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นที่หอเฉี่ยงซิน หอเฉี่ยงซินนั้นเป็นเรือนพักตากอากาศ ว่ากันว่าทิวทัศน์สวยงามแต่กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เยี่ยมชม หลายคนต้องการมาชมความงามนี้ อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าหัวจิ้งใช้วิธีการใดจึงสามารถใช้หอเฉี่ยงซินเพื่อจัดงานเลี้ยงนี้ได้ ทำให้หลายคนก็ต่างมาด้วยความคาดหวัง
โดยทั่วไปแล้วงานเลี้ยงนี้จะจัดขึ้นตอนเที่ยง แต่หัวจิ้งกำหนดเวลาไว้เป็นตอนเช้า หยุนชางจึงตื่นแต่เช้าตรู่และตามหัวจิ้งมาที่หอเฉี่ยงซินเพื่อทำการตรวจงานรอบสุดท้าย
เมื่อฟ้าเริ่มสว่างก็มีคนมา หยุนชางส่งคนพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องกลางสวนไผ่ เมื่อรอจนทุกอย่างพร้อมแล้วจึงไปเชิญแขกเข้ามาที่ทะเลสาบกลางหอเฉี่ยงซิน น้ำในทะเลสาบจับเป็นน้ำแข็งและปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆตลอดทั้งปี เมื่ออยู่ในนั้นรู้สึกราวกับอยู่บนแดนสวรรค์ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของหัวจิ้งสำหรับงานเลี้ยงนี้ – ความฝันชั่วชีวิต
แขกทยอยมาถึงทีละคน เสียงดนตรีเบาๆดังขึ้นท่ามกลางสายหมอก เป็นเพลงเหล่าเซียนโบยบิน
"ที่นี่สวยงามมาก…" หยุนชางได้ยินเสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดสายจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพูดกับฉิงยีว่า "ข้าไม่เข้าใจตรรกะของคนเหล่านี้เลย มองอะไรไม่เห็นเลยสักนิด มีอะไรสวยตรงไหนกัน? " ขณะที่กำลังพูดไปก็ได้ยินเสียงดังขึ้นขัด
"อ่า… ที่นี้ที่ไหนกัน? ลั่วชิงเหยียน เจ้ามาอยู่ใกล้ๆข้าหน่อย ข้าจะมองไม่เห็นเจ้าอยู่แล้ว ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย แล้วจะเล่นอะไรได้อย่างไรเนี่ย?"
เป็นหวังจิ้นฮวนนั่นเอง หยุนชางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คนผู้นี้ช่างทำลายบรรยากาศได้เก่งเสียจริง แต่ว่าเมื่อกี้ดูเหมือนเขากำลังเรียก… ลั่วชิงเหยียน? ลั่วชิงเหยียนไม่ใช่ชื่อของจ้องอ๋องหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าจิ้งอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย?
หยุนชางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิ้งอ๋องไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงชมวิวทิวทัศน์เหล่านี้เลยไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงมาได้?
"องค์หญิง ทางนี้เพคะ องค์หญิงหัวจิ้งรอท่านอยู่ที่ศาลากลางน้ำแล้ว" สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหานาง เมื่อเห็นหยุนชางนางก็โล่งใจ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
หยุนชางจึงรู้สึกตัวและพยักหน้า "ดี ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
เมื่อมาถึงศาลากลางน้ำแล้ว แม้แต่หยุนชางก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม เมื่อครู่ราวกับถูกผ้าบางๆบังตาไว้ ตอนนี้นางมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว เพียงแต่มีเฉพาะศาลากลางน้ำนี้เท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจน เมื่อมองไปรอบๆอีกครั้งก็ดูเหมือนมีบางสิ่งกั้นไว้ ด้านนั้นมีหมอกปกคลุมอยู่ ความรู้สึกนี้เหมือนดังตัวนางอยู่ในก้อนเมฆ
"ชางเอ๋อร์ งานจะเริ่มแล้ว ยังไม่รีบมาอีก?" หัวจิ้งกวักมือเรียกหยุนชาง หยุนชางพยักหน้าและเดินไปทางหัวจิ้ง "เสด็จพี่ ที่นี่สวยงามมากจริงๆ เมื่อครู่ข้าอยู่ในสายหมอก ที่นี่ดูรากับว่าไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน แต่สามารถมองเห็นหมอกนั่นได้… "
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ ใช่แล้ว หยุนชางตระหนักได้ทันทีว่าตนเองยืนอยู่ที่นี่ สามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางของคนที่อยู่ในหมอกได้อย่างชัดเจน เพียงแต่หากไม่ใส่ใจก็คงไม่รู้
หัวจิ้งยิ้มเล็กน้อย "นี่จึงเป็นที่ที่มหัศจรรย์ที่สุด เอาล่ะ แขกกำลังจะมาแล้ว เจ้าไปนั่งก่อนเถอะ"
หยุนชางพยักหน้าและนั่งลงด้านล่างที่นั่งหลัก
จากนั้นก็มีคนเดินออกมาจากหมอก ทุกคนต่างทำเสียงอุทานต่อทัศนยภาพอันประหลาดนี้ หัวจิ้งมองไปที่การแสดงออกของพวกเขาและมุมปากของนางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างพอใจ
หยุนชางมองดูฝูงคน ราวกับพวกเขาจะไม่ได้ค้นพบความลับของหมอกนี้ นางขมวดคิ้วมองไปที่หัวจิ้ง แต่กลับเห็นเพียงความภาคภูมิใจในแววตาของนาง ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือ
"ลั่วชิงเหยีบนๆ ดูสิ นี่ที่มองเห็นชัดแล้ว นี่มันเห็นชัดเกินไปแล้วมั้ง? แปลกจริง…" เสียงตะโกนของหวังจิ้นฮวนดังขึ้น หัวจิ้งยืนขึ้นและเดินไปทางพวกเขา "เสด็จอา"
จิ้งอ๋องเพียงพยักหน้าและไม่ตอบอะไร หัวจิ้งไม่ได้ใส่ใจ นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จอาเสด็จมาได้ หัวจิ้งรู้สึกเป็นเกียรติมาก"
"นั่นคือจิ้งอ๋องหรือ?" "ว้าว ข้าสามารถเห็นจิ้งอ๋องในระยะใกล้ขนาดนี้เชียวหรือ?" มีผู้หญิงหลายคนกระซิบกระซาบจากทั่วทุกมุม จิ้งอ๋องเดินอย่างสบายๆไปนั่งลงที่ตำแหน่งตรงข้ามกับหยุนชางและกล่าวว่า "จิ้นฮวนอยากมาดูเสียหน่อย แต่เขาไม่ได้รับเทียบเชิญ ข้าจึงพามาเที่ยวเล่นเสียหน่อย"
หัวจิ้งได้ยินคำพูดนั้นก็ชะงักไป นางยิ้มและกล่าวกับหวังจิ้นฮวนว่า "ข้าสะเพร่าไปเอง ลืมส่งเทียบเชิญให้คุณชายหวังไปเสียได้ ครั้งหน้าข้าต้องส่งเทียบเชิญไปที่จวนของคุณชายหวังด้วยตนเองแน่"
"คุณชายหวังนั่นเป็นผู้ใดกันหรือ? ทำไมจิ้งอ๋องถึงดีกับเขานัก? หรือว่าจิ้งอ๋องเป็นพวกรักร่วมเพศกับคุณชายหวังนั่น?" คำพูดพึมพำกับตัวเองของหญิงที่อยู่ด้านหลังดังเข้าหูของหยุนชาง นางอึ้งไปและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เพียงแต่มองสายตาของจิ้งอ๋องราวกับสายตาของจิ้งอ๋องจะตกลงบนตัวนางจึงไม่กล้าบังอาจเกินไปนัก จึงได้แต่ก้มศีรษะลงและกระตุกรอยยิ้มบางๆ
เสียงเพลงค่อยๆดังขึ้น ทุกคนจึงตื่นขึ้นจากวิวทิวทัศน์อันสวยงาม หาที่นั่งของตนแล้วนั่งลง หลังจากที่ที่นั่งเกือบเต็มแล้ว หัวจิ้งก็ยกมือขึ้นพลางยิ้มและกล่าวว่า "วันนี้เป็นเกียรติจริงๆที่ได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆนี้ให้กับทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับมัน เดิมที่ก็เป็นเพียงงานเลี้ยงแบบสบายๆ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกันได้ตามใจ"
หยุนชางรู้สึกเพียงว่ามีสายตาหนึ้งจ้องมองนางอยู่ นางเงยหน้าขึ้นมองตามสายตานั้นไปและก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย โม่จิ้งหราน เมื่อเห็นเขา หยุนชางก็นึกถึงสิ่งที่หัวจิ้งกำชับนางไว้ได้ว่าในงานเลี้ยงวันนี้ให้นางต้อนรับเขาแทนหัวจิ้งให้ดี เมื่อคิดเช่นนี้ มุมปากของนางก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม น่าสนุกจริง ดูเหมือนว่าละครสนุกๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
"ทัศนียภาพที่หอเฉี่ยงซินนั้นงดงามเหลือเกิน ดังนั้นงานเลี้ยงในวันนี้ ไม่ประลองปัญญาและก็ไม่ประลองยุทธ์ พวกเราไปเดินเล่นรอบๆหอเฉี่ยงซินกันเถอะ แต่คนเก่งทั้งหลายมารวมตัวกันนั้นเป็นโอกาสที่ไม่ง่ายเลย โดยธรรมชาติจึงควรประลองกันเสียหน่อย ในหอเฉี่ยงซินแห่งนี้มีคำใบ้ซ่อนอยู่ ในขณะที่ทุกท่านกำลังชมวิวสวยๆก็ให้มองหาคำใบ้นั้นด้วย ใครหาเจอมากที่สุดและสามารถไขปริศนานั้นได้ อีกสักครู่ข้าจะมีรางวัลให้… ครั้งที่แล้วของรางวัลของเราคือร้านอาหารในเมืองหลวง ครั้งนี้ของรางวัลของเราย่อมไม่น้อยไปกว่าคราวที่แล้วแน่นอน ข้าจะรอชมความสามารถของทุกท่าน" หัวจิ้งเอนกายลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
ร้านอาหาร? ช่างใจกว้างจริงๆ ทิวทัศน์ที่สวยงามและยังมีสาวงาม หากมีความสามารถยังสามารถชนะเอารางวัลใหญ่กลับไปได้อีก ไม่น่าแปลกใจเลยที่งานเลี้ยงเล็กๆขององค์หญิงหัวจิ้งนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมาก
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวและกระตือรือร้นที่จะลองดู หัวจิ้งมองดูปฏิกิริยาของทุกคนและประกายภูมิใจก็แวบเข้ามาในดวงตาของนาง นางยิ้มพลางกล่าวว่า "นอกจากนี้ยังมีของอร่อยอยู่รอบๆทะเลสาบให้ทุกท่านได้เพลิดเพลิน ตอนนี้ขอให้ทุกท่านเริ่มได้ หัวจิ้งจะอยู่ที่นี่ตั้งตารอผลลัพธ์ของทุกท่าน"
"ลั่วชิงเหยียนๆ มีของอร่อย เร็วเข้า รีบตามข้ามา…" หวังจิ้นฮวนได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายและรีบคว้ามือของจิ้งอ๋องแล้วหายเข้าไปในหมอก
จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อชมวิวและค้นหาคำปริศนา เหลือเพียงหัวจิ้ง หยุนชางและโม่จิ้งหราน
"คุณชายโม่ วันนี้หัวจิ้งยุ่งมากจริงๆ หากข้าดูแลไม่ทั่วถึงนักก็ต้องขออภัยท่านด้วย เพื่อเป็นการขอโทษ ให้น้องสาวของข้าพาท่านไปเดินชมเถอะ" หัวจิ้งยืนขึ้นและเดินไปหยุดอยู่ที่ด้าหน้าโม่จิ้งหราน
"องค์หญิงเกรงใจเกินไปแล้ว" โม่จิ้งหรานยิ้ม หันกลับมามองหยุนชาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หากไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านั้นในชาติก่อน หยุนชางคงถูกความอ่อนโยนของเขาหลอกลวงไปแล้ว แต่ทว่าในชาตินี้ หากนางเชื่อในภาพลวงตาเช่นนี้อีก นางคงใช้ชีวิตไปอย่างลืมตัวแน่
"ชางเอ๋อร์ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณชายโม่เถอะ" หัวจิ้งหันไปกล่าวกับหยุนชาง
หยุนชางพยักหน้า ก้มศีรษะลงราวกับเขินอาย เดินเบาๆไปอยู่ด้านหน้าของโม่จิ้งหรานและกล่าวว่า "คุณชายโม่ เชิญทางนี้"
โม่จิ้งหรานรีบตามนางไป
หัวจิ้งมองดูร่างของหยุนชางและโม่จิ้งหรานที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอย่างช้าๆ เมื่อหันไปมองอีกก็เห็นร่างของคนสองคนปรากฏขึ้นในหมอก มือของโม่จิ้งหรานซ่อนอยู่ข้างหลังและดูเหมือนว่าจะสั่นเล็กน้อย หยุนชางก้มศีรษะลงอยู่ตลอดเวลาราวกับกำลังเขินอาย
หัวจิ้งยกมุมปากของนางขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า "หนิงหยุนชาง ข้าอยากเห็นนักว่าคราวนี้เจ้าจะรอดจากเงื้อมมือของข้าไปได้อย่างไร""
"องค์หญิง… ข้าชื่อโม่จิ้งหราน ไม่ทราบว่าท่านยังจำหม่อมฉันได้หรือไม่?" เสียงของโม่จิ้งหรานดังขึ้นที่ด้านหลังของหยุนชางเบาๆ ทั้งยังมีแววลองเชิง
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ปกปิดประกายเศร้าในดวงตาของนาง "จำได้ ทำไมจึงจะจำไม่ได้ล่ะ" หลังจากหยุดไปชั่วคราว หยุนชางก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า "เจ้าบรรเลงเพลงให้ข้าในพิธีบรรลุนิติภาวะ แม้ว่าข้าจะลืมไปแล้วว่ามันคือเพลงอะไร แต่ก็จะได้ว่าไพเราะมาก"
"องค์หญิงชอบไหม? หากองค์หญิงชอบ ต่อไปหม่อมฉันจะเปล่าขลุ่ยให้ท่านฟังบ่อยๆ" เสียงของโม่จิ้งหรานดูตื่นเต้นเล็กน้อย
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงชี้ไปที่ต้นไม้ข้างๆ แล้วพูดว่า "อ๊ะ คุณชายโม่ มีคำใบ้อยู่ที่นี่ด้วย?"
"หืม? อะไรนะ?" โม่จิ้งหรานดูเหมือนจะตอบสนองไม่ทันและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในขณะที่เขาถามคำถามนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า "อ้อ คำใบ้…"
โม่จิ้งหรานยื่นมือออกไปและกำลังจะหยิบมันขึ้นมา แต่เห็นมือหนึ่งยื่นมาคว้าแผ่นหนังคำใบ้ไปอย่างรวดเร็วจากด้านบน "เฮ้ ลั่วชิงเหยียน เจ้าดูสิ บนนี้มีคำใบ้อยู่ด้วย? เอาคำใบ้ห่อไว้บนส้มที่ข้าชอบที่สุด ยุ่งยากจริง เอ้า ข้าให้"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง หยุนชางรีบยิ้มอย่างรวดเร็วและพูดว่า "เสด็จอา…"
จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อยและคลี่แผ่นหนังในมือออก "พบแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่ถาม ควรเป็นคำว่า "อธิษฐาน" ใช่หรือไม่ คุณชายโม่?"
โม่จิ้งหรานผงะไปและรีบพูดอย่างรวดเร็ว "ใช่แล้วๆ อธิษฐาน ท่านอ๋องช่างมีพรสวรรค์จริง หม่อมฉันรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก"
จิ้งอ๋องไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่มองหยุนชางอย่างเรียบเฉยและเดินผ่านหยุนชางไปโดยไม่ใส่ใจ
"เกือบจะหยิบได้แล้วเชียว คำใบ้เมื่อครู่ไม่ยากเลย" โม่จิ้งหรานดูหงุดหงิดเล็กน้อย เขาถอนหายใจและหันกลับมามองหยุนชางด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิง เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันเข้ามาได้เห็นคำใบ้ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หม่อมฉันจำได้ว่ามันอยู่ที่ไหน องค์หญิงลองไปดูกับหม่อมฉันหน่อยเถอะ"
MANGA DISCUSSION