พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 289 ตักเตือน
บทที่ 289 ตักเตือน
เซ่ซูเจี๋ยรู้ดีว่าความแค้นของตระกูลจาง ตระกูลจั่วและตระกูลหลิวนั้น ไม่สามารถจบสิ้นได้อย่างง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกนั้น
“คนจากเมืองจงไห่น่ะครับ” ลู่เฉินตอบ
“จงไห่เหรอ? ตอนที่คุณเดินทางไปแข่งขันได้ขัดขาพวกเขาเข้าเหรอคะ?” หลินอี้จุนถาม
ลู่เฉินมองหลานหลินแล้วพยักหน้า
เขาไม่อยากจะพูดไปมากกว่านี้เนื่องจากกลัวหลินอี้จุนจะเข้าใจผิด
“วางใจได้ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง” ลู่เฉินปลอบเธอ
หากว่าไจ้เย้าหวยไม่ได้มาที่ยวี่โจว เขาตั้งใจจะไปยังเมืองจงไห่เพื่อสอบถามเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง
เขาไม่กลัวว่ามือสังหารเรานั้นจะลอบทำร้ายเขา
แต่เขาจะต้องคำนึงถึงคนในครอบครัว!
แม้เขาจะให้บอดี้การ์ดทุกคนรวมทั้งเสี่ยวจิงพกมีดและปืนเอาไว้ตลอดเวลา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะมีความสามารถอย่างครบถ้วน
เมื่อหลานหลินได้ยินคำพูดของลู่เฉินประโยคนั้นก็เข้าใจดีว่าเป็นฝีมือของใคร เธอหยิบมือถือออกมาและส่งข้อความออกไปเพื่อจัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้า
เนื่องจากเรื่องนี้เธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ลู่เฉินเพียงแค่เป็นแพะรับบาปให้เธอเท่านั้น
ตลอดการเดินทางไปร้านอาหารไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา อีกทั้งไม่มีมือสังหารหรือใครเข้ามาขวางไว้แม้แต่คนเดียว ในไม่ช้าพวกเขาก็ถึงร้านหยก 36
หลังรับประทานอาหารเสร็จลู่เฉินไปส่งเซ่ซูเจี๋ยและเจียงฉางชิงกลับไปด้วยตนเอง
ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน เขาได้รับสายจากตู้เฟย
“สืบพบแล้วครับ พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมยวี่โจว” ตู้เฟยรายงาน
“อืม ขอบใจมาก เดี๋ยวผมจะไปพบกับพวกเขาสักหน่อย บอกเลขที่ห้องมาที” ลู่เฉินพยักหน้า หากทั้งสองคนอยู่ในยวี่โจวก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไปยังเมืองจงไห่
หลังวางสายจากตู้เฟย ลู่เฉินก็พูดกับหลินตงว่า “ไปโรงแรมยวี่โจว”
“ครับ” หลินตงพยักหน้าและขับรถไปยังทิศทางที่ลู่เฉินสั่ง
ณ หน้าห้อง Super VIP ของโรงแรมยวี่โจว
“คุณเซี่ย มือปืนที่คุณหามาไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไหร่นะ ทุกคนที่จ้างกลับหนีรอดมาได้เพียงคนเดียว”ไจ้เย้าหวย
พูดออกมา
พวกเขาจ่ายเงินจำนวนมากในการจ้างมือสังหารห้าคนนี้ และแบ่งกลุ่มปฏิบัติงานเป็นสองกลุ่ม แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะถูกจัดการไปสี่คน รอดมาได้เพียงคนเดียว จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?
เงินเรื่องทองนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย สิ่งที่เขาต้องการก็คือชีวิตของลู่เฉิน เขาต้องการที่จะแก้แค้นให้กับลูกชายของเขา
“พวกเขาบอกกับผมว่าทั้งห้าคนนี้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว พวกเราจะต้องเพิ่มค่าแรงอีกยี่สิบล้านหากอยากได้ผู้มีความสามารถมากกว่านี้” เซี่ยซู่เองก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน เขาอยากจะรู้จริงๆว่าทำไมลู่เฉินถึงจัดการยากขนาดนี้ ตอนนั้นถ้าเขาตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนอีก 20 ล้านไปก็คงจัดการทุกสิ่งได้ภายในครั้งเดียว
“หรือว่าพวกเขาส่งคนที่ไม่ใช่มืออาชีพมาให้เรากัน?” ไจ้เย้าหวยถาม
“เพิ่มเงินให้พวกเขาเถอะ เราเองก็ไม่มีช่องทางอื่นแล้ว หากว่าพวกเราไม่มีวิธีการติดต่อนักฆ่ากลุ่มอื่น เราจะไปจัดการมันได้อย่างไร หวังว่าในครั้งนี้พวกเขาจะไม่ทำให้เราผิดหวังอีก” ไจ้เย้าหวยถอนหายใจออกมา
เซี่ยซู่พยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมาและรู้สึกถึงลางไม่ดี
ไจ้เย้าหวยเดินไปที่ประตูห้อง เขาส่องไปยังตาไก่อิเล็กทรอนิกส์นั้น เมื่อเขาเห็นบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วรีบเดินกลับเข้ามา
เซี่ยซู่เดินมากระซิบถาม
ไจ้เย้าหวยชี้ไปที่ตาแมวนั้นเป็นความหมายว่าให้เซี่ยซู่ดูด้วยตนเอง
เซี่ยซู่ขมวดคิ้ว จากนั้นเดินเข้าไปดู สีหน้าเขาซีดลงเช่นกัน
“ลู่เฉินมันรู้ว่าพวกเราส่งมือสังหารไป และมาคิดบัญชีกับพวกเราล่ะสิ” เซี่ยซู่พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ การที่ทั้งสองคนเดินทางมายวี่โจวในครั้งนี้ไม่ได้มีคนคุ้มกันติดตามมาด้วย
ส่วนลู่เฉินก็กำจัดมือปืนของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย การที่จะปลิดชีพพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยหรือ?
“แจ้งตำรวจก่อน เราจะไม่เปิดประตูจนกว่าทางตำรวจมาถึง” ไจ้เย้าหวยครุ่นคิดแล้วพูดออกมา
“ก็คงทำได้แค่นี้แหละ” เซี่ยซู่ก็พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาตำรวจ
แต่ทันใดนั้นเองทั้งสองก็ได้ยินเสียงดังโครมและประตูก็ถูกเปิดออก
ต่อจากนั้นพวกเขามองเห็นลู่เฉินและหลินตงเดินตรงเข้ามา
“พวกคุณเป็นใคร?มาทำอะไร?” เซี่ยซู่ทำเป็นไม่รู้จักพวกเขา
“ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ ผมคิดว่าพวกคุณรู้จักพวกเราดี คุณก็คือเซี่ยซู่สินะ” ลู่เฉินมองไปยังเซี่ยซู่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทั้งสองคนนี้ไม่พาบอดี้การ์ดมาด้วยแม้แต่คนเดียว ก็ยังกล้ามาฆ่าเขาถึงยวี่โจว เขาไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ……
เซี่ยซู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าตอนนี้อธิบายอะไรไปก็คงไม่เกิดประโยชน์ จึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆว่า “ถูกต้อง ผมคือเซี่ยซู่ ผมขอถามตรงๆว่าลูกสาวของผมทำอะไรขัดใจคุณไม่ทราบ? ทำไมต้องฆ่าเธอด้วย เธอเพิ่งอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น”
“อ๋อ ที่แท้คือหัวหน้าตระกูลเซี่ยนี่เอง! ถ้าอย่างนั้นท่านนี้คงจะเป็นหัวหน้าตระกูลไจ้สินะครับ พวกเรานั่งคุยกันก่อนดีไหม?” ลู่เฉินยิ้มแล้วพูดออกมา
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกัน คุณฆ่าลูกชายของผม คุณคิดว่าเรามีอะไรจะคุยกันได้อย่างนั้นเหรอ?” ไจ้เย้าหวยหัวเราะเหอะๆ ในเมื่อไม่สามารถแกล้งทำต่อไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็พูดกันตามตรง พวกเขาก็เป็นผู้มากประสบการณ์ จะเสียศักดิ์ศรีไม่ได้
ลู่เฉินกลับเดินไปนั่งลงบนโซฟา หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งตัวจุดไฟแล้วถามกลับไปว่า “เช่นนั้นต่อให้ผมพูดว่าลูกหลานของคุณทั้งสองคนไม่ได้เป็นฝีมือผม คุณก็คงไม่เชื่อสินะ”
“ไม่ใช่ฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ?” ไจ้เย้าหวยจ้องมองไปยังลู่เฉิน “คุณเห็นพวกเราเป็นเด็กอายุ 3 ขวบหรือไง? ตอนที่อยู่บนเครื่องบินพวกคุณก็เกิดมีปากเสียงกัน หลังจากลงจากเครื่องบินแล้วก็ยังมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ พอออกมาจากสนามบินลูกชายของผมส่งคนไปรังควานพวกคุณที่โรงแรมเชอราตัน และในคืนนั้นลูกของพวกเราก็ถูกฆ่าปาดคอ!คุณยังบอกว่าไม่ใช่ฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“และจากที่ผมรู้มา แม้ว่าตี๋จวินจะค่อนข้างดื้อรั้นแต่เขาไม่มีศัตรูอื่นที่เมืองจงไห่ ต่อให้มีเรื่องขัดแย้งกันก็เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นที่ต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครล่ะ?” ไจ้เย้าหวยถามด้วยความสงสัย
ลู่เฉินเขี่ยบุหรี่ทิ้งและหยิบรูปภาพรูปหนึ่งวางไว้บนโต๊ะน้ำชาพูดว่า “ผมไม่สนใจว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่ผมบอกว่าไม่ได้ฆ่าสองคนนี้ก็คือไม่ได้ฆ่า ถ้าคุณอยากจะแก้แค้นก็ไปแก้แค้นกับผู้หญิงคนนี้รูปภาพนี้ หากพวกคุณยังมาตามรังควานผมอีก ผมคงต้องตามไปจัดการพวกคุณที่เมืองจงไห่ไม่ได้เหลือสิ้นซาก!”
เมื่อเขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกับหลินตง ปล่อยให้สองคนนั้นนั่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“นี่คือผู้หญิงคนที่มากับเขาไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเธอจะเป็นคนลงมือจริงๆ?”
ไจ้เย้าหวยเองก็คิดไม่ตกจนกระทั่ง เขานึกได้ว่าลู่เฉินอาจต้องการให้หลานหลินเป็นแพะรับบาป และวางแผนให้ตระกูลหลานขัดแย้งกับตระกูลของพวกเขา
“อย่าไปเชื่อเขา ผู้หญิงในรูปนั่นก็คือคนในบ้านตระกูลหลาน เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าลูกชายผม และไม่มีความจำเป็นสักนิดเดียวที่จะฆ่าลูกสาวคุณ อีกทั้งพวกเขาพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคนที่ลูกชายผมไปขัดใจเข้าคือลู่เฉิน พวกเราอย่าไปเสียท่าให้กับเขา” ไจ้เย้าหวยพูดออกมาด้วยความมั่นใจ