พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 285 ตระกูลวังยอมอ่อนข้อ
บทที่ 285 ตระกูลวังยอมอ่อนข้อ
หลังจากที่ลู่เฉินเดินทางมาถึงซากุระคลับ เขาก็ได้ลงไปยังห้องใต้ดินเพื่อหาโจวซุนเฟย
โจวซุนเฟยถูกขังอยู่ที่ห้องใต้ดินนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว บัดนี้เนื้อตัวเขาไม่ได้สะอาดสะอ้านและมีสง่าเหมือนแต่ก่อน
ใบหน้าของเขามีหนวดเครายาวออกมา สีหน้าไม่ดีนัก มองออกว่าหลายวันมานี้ตู้เฟยไม่ได้ปฏิบัติกับเขาอย่างดีสักเท่าไหร่
“ลู่เฉิน แม่งจะเอายังไงกันแน่วะแกถึงจะยอมปล่อยตัวฉันไปสักที!” เมื่อเห็นลู่เฉินเข้ามา โจวซุนเฟยก็กระโจนมาทางเขา
เขาถูกกักตัวไว้เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว อยู่ที่นี่กินดื่มไม่ดี พักผ่อนไม่ได้ อีกทั้งยังถูกซ้อมตลอดเวลา ที่เขาไม่เสียสติไปก็นับว่าจิตใจแข็งแกร่งมากแล้ว
“รนหาที่ตายเหรอวะ!” เมื่อหลินตงเห็นโจวซุนเฟยกระโจนเข้ามาหาลู่เฉินเช่นนั้น เขาก็ต่อยเข้าไปเต็มเปาที่หน้าโจวซุนเฟย
ตึง!
โจวซุนเฟยจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาต่อสู้กับเขา เพียงแค่ถูกหลินตงต่อยเข้า เขาก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา
“ทำไม! ก็แค่ถูกขังอาทิตย์เดียวรับไม่ได้แล้วเหรอ!” ลู่เฉินนั่งลงไปและมองดูโจวซุนเฟยด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“แกจะปล่อยฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ทำยังไงฉันถึงจะออกไปได้!” เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามเก็บกลั้นความรู้สึกโกรธเอาไว้แล้วต้องมองไปที่ลู่เฉิน
“หนึ่งพันล้าน แลกกับแขนและชีวิตของลูกน้องทั้งหลายคนของแกนั่น อีกทั้งต่อไปนี้ช่องทางการนำเข้าหินอัญมณีของบ้านตระกูลโจวก็จะต้องผ่านทางผมเท่านั้น” ลู่เฉินพูด
เดิมทีลู่เฉินต้องการตัดแขนของเขาทิ้งไปเสีย แต่ทุกเรื่องดำเนินได้มาถึงวันนี้เขาเองก็มีส่วนในการช่วยเหลืออยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงให้โอกาสโจวซุนเฟยสักครั้ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามบ้านตระกูลโจวจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไป
“ทำไมแกอยากได้เงินขนาดนั้นไม่ไปปล้นธนาคารเอาล่ะ!!!” โจวซุนเฟยพูดอย่างโมโห การที่เขาถูกลู่เฉินกักตัวเป็นเวลากว่าสัปดาห์นี้ เขาไม่เรียกร้องค่าเสียหายก็นับว่าดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะกล้าทำแบบนี้กับเขา
“ฉันให้เวลาแกแค่วันเดียว ถ้าภายในพรุ่งนี้เวลานี้ แกหรือบ้านตระกูลโจวไม่สามารถทำตามคำขอของฉันได้ ฉันก็คงจะต้องตัดแขนแกทิ้งซะ!”
ลู่เฉินพูดจบก็เดินออกไปจากที่นั่น หลินตงยื่นโทรศัพท์ของโจวซุนเฟยคืนให้แก่เขา
เขามองดูลู่เฉินและหลินตงจากไปจนลับตา จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง
เมื่อเขาเปิดเครื่องขึ้นก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับนับไม่ถ้วน ล้วนเป็นสายจากทางบ้านที่พ่อและแม่ของเขาโทรมา
เขาโทรกลับไปหาพ่อ จากนั้นก็เล่าถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ให้พ่อของเขาฟัง อีกทั้งข้อกำหนดที่ลู่เฉินพูดมาเมื่อสักครู่
“วางใจได้ พ่อจะไปเจรจากับลู่เฉินเดี๋ยวนี้ และในวันนี้พวกเราจะพาตัวลูกกลับมาให้ได้” โจวซวิ่นฉายปลอบประโลมลูกชายของตน
“พ่อครับ พ่ออย่าไปรับปากกับมันนะ ไอ้หมอนั่นมันก็แค่ตั้งใจจะขู่พวกเราเท่านั้น ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกล้าทำจริงๆ! พ่ออย่าลืมแจ้งตำรวจนะ ถ้าตำรวจมาที่นี่มันคงไม่กล้าลงมือกับผมแน่” โจวซุนเฟยพูด
“จุนเฟย ไอ้หมอนั่นมันเป็นปีศาจชัดๆ ทางที่ดีลูกอย่าไปหาเรื่องกับเขา ลูกไม่รู้อะไร เมื่อสักครู่ตระกูลจางตระกูลจั่วและตระกูลหลิวแห่งยวี่โจว ผู้นำตระกูลทั้ง 3 คนนั้นได้คุกเข่าลงขอร้องต่อหน้าผู้คนมากมายที่สวนสาธารณะ แม้แต่ทั้งตระกูลยังต้องยอมคุกเข่าให้เขา พวกเราไม่ได้มีอำนาจในต่างถิ่นมากมายขนาดนั้น เราไม่ควรไปต่อสู้กับเขา” โจวซวิ่นฉายพูดอย่างขมขื่น
“อะไรนะพ่อ! จะเป็นไปได้ยังไงกัน!” โจวซุนเฟยตกตะลึงไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาได้ยิน
ก่อนหน้านี้อาทิตย์หนึ่งจั่วชิงเฉิงและเขาได้วางแผนการกำจัดลู่เฉิน และหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ พ่อของเขาได้บอกกับเขาว่าเมื่อสักครู่ลู่เฉินบีบบังคับให้ผู้นำทั้งสามตระกูลใหญ่คุกเข่าลงต่อหน้า
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!!
“เอาล่ะ พ่อจะรีบไปหาลู่เฉิน แกโทรไปหาแม่ของแกก่อนแล้วกัน”
โจวซวิ่นฉายวางโทรศัพท์ลง เนื่องจากเรื่องที่โจวซุนเฟยหาเรื่องลู่เฉินที่ยวี่โจวนั้นเขาได้อนุญาตก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ลู่เฉินเรียกค่าไถ่จำนวนหนึ่งพันล้าน เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้
ส่วนเรื่องต่อจากนี้จะต้องนำเข้าวัตถุดิบจากลู่เฉินเท่านั้น เขาเองก็ยอมรับมันเช่นกัน เนื่องจากตอนนี้ธุรกิจหินอัญมณีอยู่ในมือของลู่เฉิน เดิมทีพวกเขาก็ต้องให้ความเคารพในกติกาอยู่แล้ว
ขั้นตอนการเจรจาผ่านไปเรียบง่ายเกินความคาดหมาย หากรู้ว่าโจวซวิ่นฉายจะพูดง่ายถึงเพียงนี้ ลู่เฉินคงจะคิดหาวิธีจัดการกับเขามากกว่านี้สักหน่อย
หลังจากลงนามสัญญาแล้ว โจวซวิ่นฉายก็โอนเงินให้กับลู่เฉินแล้วพาตัวลูกชายของเขาอีกทั้งลูกน้องที่ติดตามมาด้วยออกไปจากซากุระคลับ
“หลายวันมานี้พวกคุณทำงานหนักมาก ขอบใจมากจริงๆนะ ไปเถอะวันนี้ผมเลี้ยงร้านหยก 36 เหมือนเดิม!” ลู่เฉินพูดกับทุกคน
เรื่องราววุ่นวายทุกอย่างนับว่าจัดการได้โดยสมบูรณ์ ลูกน้องของตู้เฟยทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ลู่เฉินไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ต้องการพักผ่อนด้วย
เมื่อได้ยินลู่เฉินพูดว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารที่ร้านหยก 36 ทุกคนก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น
ครั้งที่แล้วพวกเขาได้กินอาหารในร้านหยก 36 แต่ละโต๊ะค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000หยวน พวกเขาหลายๆคนในชีวิตนี้ก็คงไม่สามารถไปกินได้
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ลู่เฉินก็ไปเยี่ยมเสี่ยวจิงที่โรงพยาบาล เสี่ยวจิงอาการดีขึ้นมาก แล้วก่อนหน้านี้สองวันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ลู่เฉินต้องการให้เขาพักผ่อนมากกว่านี้ จึงให้เขานอนโรงพยาบาลต่ออีกสองวันเพื่อดูอาการ
“ลูกพี่ลู่ครับ มาแล้วเหรอ” เมื่อลู่เฉินเดินเข้ามาก็พบว่าเสี่ยวจิงกำลังกุมมือของพยาบาลเอาไว้และพูดคุยกับเธอ พยาบาลสาวสวยคนนั้นก็ไม่ได้ดึงมือออกจากมือเขา
เดิมทีเมื่อลู่เฉินเห็นภาพนั้นก็ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนทั้งสอง แต่คิดไม่ถึงว่าสายตาของเสี่ยวจิงจะว่องไวเพียงนั้นและพบว่าเขาเดินเข้ามา
เสี่ยวจิงคลายมือของพยาบาลสาวสวยคนนั้นและมองดูลู่เฉินด้วยท่าทางเขินอาย
ส่วนพยาบาลสาวสวยเมื่อมองเห็นรอยยิ้มบนหน้าของลู่เฉินเธอก็วิ่งออกไปทันที
“แหมเจ้าหนู จีบสาวเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” ลู่เฉินหัวเราะ
เสี่ยวจิงได้แต่ยิ้มอย่างเขินอายและไม่รู้จะพูดอะไร
เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เฉิน เขาจำเป็นจะต้องรักษาภาพพจน์ไว้บ้าง
“ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ!” ลู่เฉินถาม
“ก็ยังไม่ถึงไหนเลยครับ เสี่ยวฮุ่ยเพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกับผมเมื่อกี้เอง!” เสี่ยวจิงตอบ
“อืม หลังออกจากโรงพยาบาลอย่าลืมนัดกับเธอบ่อยๆล่ะ ผมให้คุณลางานได้ 1 อาทิตย์” ลู่เฉินพยักหน้า เขาเองมีประสบการณ์มาก่อนและรู้ดีว่าตอนที่เพิ่งจะจีบกันใหม่ๆนั้นต้องใช้เวลามากเลยทีเดียว
อีกทั้งปัญหาต่างๆในตอนนี้ก็จัดการไปได้พอสมควรแล้ว ตัวเขาได้ประกาศหาบอดี้การ์ดจำนวนมาก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไป
ลู่เฉินได้เชิญทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายให้เสี่ยวจิงอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งแพทย์กล่าวว่าไม่พบปัญหาใดๆแล้วเขาจึงอนุญาตให้เสี่ยวจิงออกจากโรงพยาบาลได้
หลังออกจากโรงพยาบาล ลู่เฉินก็พาเสี่ยวจิงกลับไปที่บ้านของตน จากนั้นลงมือทำอาหารให้เขากินด้วยตัวเอง
วันต่อมา หลินอี้จุนไปทำงานตามปกติ หลายวันมานี้เธอถูกทำให้ตกใจไม่น้อย เดิมทีลู่เฉินอยากให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านอีกสัก 2-3 วัน แต่หลินอี้จุนไม่อยากอยู่ที่บ้านต่อไปแล้ว
เธอบอกว่าแม้ลู่เฉินจะเก่งสักเพียงใด แต่ถ้าเธอไม่พยายามพัฒนาตัวเองต่อจากนี้ เธอกับลู่เฉินก็จะห่างกันไปเรื่อยๆ
ลู่เฉินทำได้แต่เพียงยิ้ม เขาจะพูดอะไรได้อีก!
เสี่ยวจิงที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวาน แม้ว่าเขาอยากทำงานในวันนี้ทันที แต่ลู่เฉินก็ให้เขาพักผ่อนอีกสัก 3-4 วัน
หลังจากไปส่งฉีฉีที่โรงเรียนแล้ว ลู่เฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
เขามองดูที่เบอร์โทรศัพท์นั้นและเห็นว่าเป็นเบอร์จากยวี่โจวจึงได้กดรับสาย
เมื่อเขาได้ยินเสียงนั้นสายตาก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์