พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 284 ทุกอย่างเสร็จสิ้น
บทที่ 284 ทุกอย่างเสร็จสิ้น
คำพูดของลู่เฉินนี้ ทุกคนที่ยืนอยู่รอบข้างล้วนรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่มองไม่เห็นปกคลุมเขาอยู่
สีหน้าของจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่ไม่น่าดูเป็นที่สุด แม้ว่าเมื่อคืนพวกเขาจะตัดสินใจจัดการลู่เฉินแล้ว แต่ในวันนี้พวกเขาก็หมดแรงที่จะดิ้นรนต่อสู้
คาดไม่ถึงว่าเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับลู่เฉินเข้าจริงๆแล้ว ความสามารถของลู่เฉินเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการ
เจ้าหมอนี่อายุยังน้อย แต่ให้ความรู้สึกเหมือนมีประสบการณ์มากมาย
ที่สำคัญก็คือ เขาดูเหมือนปีศาจที่พร้อมสังหารได้ตลอดเวลา!
“5 วินาที”
เสียงของลู่เฉินดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเขาไร้อารมณ์และเรียบง่าย แต่มีพลังที่ยากที่จะอธิบาย น้ำเสียงนี้ดังเข้าไปถึงเส้นประสาทของจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่
ตึง!
ตึง!
วินาทีนั้นจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่ได้คุกเข่าลงไปต่อหน้าลู่เฉิน พวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดอะไรออกมา มีแต่สีหน้าที่บ่งบอกถึงความอดสูแสดงออกถึงความรู้สึกทั้งสองคนในตอนนี้
ลูกหลานของพวกเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว!
แต่……ศักดิ์ศรีของทั้งสองตระกูลก็ถูกชายผู้นี้เหยียบย่ำเสียจนไม่มีชิ้นดี
บัดนี้สมาชิกตระกูลจางและตระกูลจั่วที่ยืนมองพวกเขาอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจและแววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น!
แต่พวกเขาทำได้แต่เพียงซ่อนตัวอยู่ในความมืด มิอาจทำอะไรได้มากกว่านี้……
ในตอนนี้เวลาเหมือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น
กระทั่งจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่ยังยอมคุกเข่าให้กับลู่เฉิน ที่เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี
นี่มันเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการจริงๆ
เจ้าของบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว เหตุใดถึงทำให้พวกเขาทั้งสามตระกูลคุกเข่าลงได้กัน?
แม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยตาตัวเองอยู่บัดนี้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ
“เขามีอะไรดีกัน? เหตุใดจึงมีวิธีกดดันทั้งสามตระกูล และกระทั่งบังคับให้ผู้นำตระกูลทั้งสามคุกเข่าได้ นี่มันไม่ใช่แค่มีเงินก็ทำได้แน่ๆ!”
“คนมีตังค์อย่างมากก็เป็นแค่เศรษฐีธรรมดา มีภูมิหลังที่ดีถึงจะทำตามอำเภอใจได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำตัวให้มีชื่อเสียง แต่ก็สามารถก่อตั้งเทคโนโลยีอี้ฉีมาได้เป็นเวลานาน มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นใคร หรือเขาจะเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ผู้มาจากเมืองหลวงกัน?”
ในตอนนี้สายตาของทุกคนที่มองลู่เฉินก็เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาจากสมาคมหินอัญมณี เดิมทีพวกเขายังให้คำสาบานว่าลู่เฉินไม่กล้าที่จะทำการใดๆที่ไม่เกรงใจต่อหน้าจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่แน่นอน
แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นเต็มสองตาว่าจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าลู่เฉิน ทำให้พวกเขาตกตะลึงและไม่สามารถจินตนาการได้ถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้
“จื่อเหิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?ไหนคุณบอกว่าถ้านายท่านจางและนายท่านจั่วเดินทางมา สถานการณ์ก็จะพลิกผันไม่ใช่เหรอ? ทำไมทั้งสองท่านนั้นถึงต้องคุกเข่าต่อหน้าเขาด้วย?” เมื่อหยูลี่ตั้งสติได้ก็หันกลับมาถามจื่อเหิงด้วยเสียงอันเบา
เธอเองก็ไม่เชื่อว่าจางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่จะคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคนได้
ลู่เฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาลัยเดียวกับเธอ สี่ปีที่ในรั้วมหาวิทยาลัยลู่เฉินเป็นคนอย่างไรเธอรู้ดีที่สุด
ในตอนนั้นที่เธอตามจีบลู่เฉิน เธอได้สืบหาข้อมูลของเขาอย่างถี่ถ้วน และเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ก่อนหน้านี้เธอจะรู้ว่าลู่เฉินเป็นทายาทเศรษฐี แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะมีความสามารถในการต่อกรกับสามตระกูลอย่างนี้
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้เธอ ช่างงุนงงเหลือเกิน
วินาทีที่จางเซิงเฉียวและจั่วเจิ้งยี่คุกเข่าลงไปนั้น จื่อเหิงก็รู้สึกว่าสมองของเขาว่างเปล่า คำพูดของหยูลี่เมื่อสักครู่เขาไม่ได้ฟังมันเลย
เนื่องจากเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งลู่เฉินจึงสามารถก้าวข้ามกับปัญหาทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย
ในสนามที่ใหญ่โตเพียงนี้แต่กลับเงียบสงบลงทันที เนื่องจากทุกคนคิดว่าลู่เฉินต่างหากที่ควรจะคุกเข่าอยู่ ณ บัดนี้
แต่กลับกัน เขาได้ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย
โดยมีผู้นำทั้งสามตระกูลนั้นคุกเข่าเรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้าเขา
รูปร่างกำยำและสูงสง่าของลู่เฉิน ค่อยๆเดินออกไปจากสนามแห่งนี้ เผยถึงความหยิ่งผยองน่าเกรงขาม
ทุกสายตา ราวกับถูกมนต์สะกด
เขาผู้นี้แหละ คือลูกผู้ชายตัวจริง!!!
วินาทีนี้สายตาของหญิงสาวนับไม่ถ้วนมองไปที่เขาและใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
เฉินจื่อหรานที่ยืนมองลู่เฉินอยู่ไกลๆ แววตาของเธอไม่สามารถปิดบังความรักและชื่นชมเขาได้
หลานหลิงก็พบว่าดวงตาของเธอนั้นพร่ามัว
“ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างนี้ มีเพียงฉันคุณหนูบ้านตระกูลหลานถึงจะเหมาะสม หลินอี้จุนไม่มีสิทธิ์ครอบครอง!”
เมื่อหลานหลิงได้สติกลับคืนมา แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“จื่อหราน ฉันมีธุระนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะ” หลานหลิงพูดออกมา
“อืม” จื่อหรานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอมองดูสายตาของหลานหลิงที่เพิ่งจากไป ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ฉันคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย?เธอก็ชอบลู่เฉินเหมือนกันเหรอ? เธอไม่รู้หรือไงว่าเขามีครอบครัวแล้ว” เฉินจื่อหรานคิดด้วยความประหลาดใจ
บอดี้การ์ดช่วยเปิดทางให้กับลู่เฉิน ในที่สุดเขาก็เดินทางออกมาจากสนามนั้นได้ หลินตงได้ติดเครื่องรถรอรับเขาอยู่ที่ทางออก
“คุณชายครับ ไปที่ไหนดี?” หลินตงเอ่ยถาม
“ซากุระคลับ” ลู่เฉินเอนกายลงบนเบาะที่นั่งแล้วหลับตาพักผ่อน
ปัญหากับสามตระกูลใหญ่นั้นจบสิ้นแล้ว แต่บัญชีของเขาและโจวซุนเฟยยังไม่จบ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโจวซุนเฟยจับตัวฉีฉีไปจึงเกิดเหตุการณ์ต่างๆตามมา จะให้เขาปล่อยโจวซุนเฟยไปอย่างนี้คงไม่ได้!
แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาสามารถแก้ไขปัญหาที่เสี่ยวเบชิงคอยกดดันเขาเอาไว้เสมอมา ซึ่งผลงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ยิ่งสำหรับเขา
“ครับ” หลินตงตอบรับแล้วเลี้ยวรถไปยังเส้นทางสู่ซากุระคลับ
กระทั่งรถของลู่เฉินจากไป ผู้คนในสนามนั้นก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
วันนี้ลู่เฉินทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก มากเสียจนพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
ท้ายที่สุดจางเซิงเฉียวและอีกสองคนก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินจากไป ด้วยความไม่เต็มใจ
หลังจากวันนี้ทุกคนคงเข้าใจตรงกันว่ายุคสมัยของเทคโนโลยีอี้ฉีกำลังมาถึงแล้ว
และยุคที่ทั้งสี่ตระกูลใหญ่จะถูกกดดันอำนาจก็มาถึงแล้วเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งหลายแปลกใจนั่นก็คือ ในครั้งที่แล้ว กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยได้ควบคุมอำนาจของทั้งสี่ตระกูลมาถึง 10 ปี
แล้วในครั้งนี้ล่ะ? เทคโนโลยีอี้ฉีจะควบคุมพวกเขาอีกกี่ปี?
“พวกเธอสังเกตเห็นไหมว่าสี่ครอบครัวใหญ่นี้น่าสงสารจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ถูกควบคุมจาก กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย จนทาง กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยุบตัวลงถึงได้มีอิสระ ตอนนี้กลับมีเทคโนโลยีอี้ฉีเข้ามาอีก ทั้งสี่ตระกูลใหญ่นี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าสี่ตระกูลใหญ่อีกหรือเปล่า?”