พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 277 ความหยิ่งกำเริบ
บทที่ 277 ความหยิ่งกำเริบ
“ท่านผู้อำนวยการเสี่ยวหมายความว่า แม้ว่าตอนนี้สามตระกูลใหญ่มีหลักฐานที่เพียงพอที่จะปราบปรามพวกเขาได้ แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะจับต้องพวกเขาเหรอ?”เลขาถาม
“คุณเข้าใจก็พอ ส่วนฝั่งของสามตระกูลใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เราถ่วงไปอีกสองวันค่อยว่ากัน ถ้าพวกเขาไม่ยอมก็ไปหาเซ่ซูเจี๋ย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเรา ยังไงคนต้องจำไว้ เรื่องที่เกี่ยวกับซากุระคลับนั้น ขอให้ลู่เฉินยังไม่ล้มละลาย ขอให้เซ่ซูเจี๋ยไม่ได้ลงคำสั่ง พวกเราก็อย่าไปยุ่งกับพวกเขา”เสี่ยวซัวจุนพูด
“เออ รับทราบแล้วครับ”เลขาพยักหน้า จากนั้นถอยออกไป
หลังจากเลขาออกไปเสร็จ เสี่ยวซัวจุนเลยหมุนเก้าอี้มองไปทางนอกหน้าต่าง
เมื่อเห็นแสงแดดที่ส่องมาจากนอกหน้าตา เสี่ยวซะัวจุนสูบบุหรี่เข้าอีกครั้ง พึมพำขึ้นมา
“สามตระกูลใหญ่เอ๋ย พวกคุณนี่ช่างดูถูกลู่เฉินหรือเกิน ครั้งนี้ตระกูลของพวกคุณอาจต้องประสบกับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่นะเว้ย”
เมื่อเวลาที่เสี่ยวซัวจุนทอดถอนใจอยู่ พวกคนจางเซิงเฉียวยังขวางประตูอยู่หน้าตึกกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย
ไอ้คนแก่พวกนี้ เอาเก้าอี้มาทีละคน นั่งอยู่ตรงหน้าประตูกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย พนักงานของเทคโนโลยีอี้ฉีเข้าไปไม่ได้ และก็ออกไม่ได้ด้วยเช่นกัน
พฤติกรรมที่ขวางทางหน้าบริษัทคนอื่นแบบนี้ มันช่างไร้ยางอายถึงที่สุด แต่คนพวกจางเซิงเฉียวไม่สนใจเลย
“ท่านจาง ท่านหลิว ท่านจั่ว พวกผู้สื่อข่าวมาแล้วครับ”
พอดีในเวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาพูดข้างๆชายชราทั้งสามท่าน ส่วนข้างหลังของเขามีนักข่าวหลายคนเดินตามอยู่
จางเซิงเฉียวทั้งสามคนมองไปดูที่นักข่าววัยหนุ่มหลายคน และพูดว่า”ให้พวกเขาเริ่มเถอะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า และหันไปส่งสายตาสะกิดนักข่าวหลายคนนั้น จากนั้นนักข่าวหลายคนนั้นก็สุ่มพบชายชราคนหนึ่งมาสัมภาษณ์
“คุณท่านคะ ขอถามหน่อยค่ะ พวกคุณมาจากไหน ทำไมถึงมาขวางประตูเทคโนโลยีอี้ฉีล่ะ?”นักข่าวหญิงคนหนึ่งถามคนแก่ที่อยู่ข้างๆ
“พวกเราเป็นสมาชิกของสมาคมหินหยาบ เจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีไปเป็นตัวแทนของสมาคมหินหยาบแห่งเมืองยวี่โจวของเรา เข้าร่วมการแข่งขันเดิมพันบนหินที่เมื่องจงไห่ เขาสามารถได้รับแชมป์อย่างง่ายดาย แต่ในที่สุดเขากลับยอมแพ้เสียก่อน นี่ถือว่าเป็นการขายหน้าเมืองยวี่โจวของเราอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเราจึงอยากให้เขาออกไปให้คำอธิบายแก่พวกเรา ให้คำอธิบายแก่ผู้ชื่นชอบหินหยาบทั้งหมดในเมืองยวี่โจว”ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างเร่าร้อน
“เป็นอย่างนี้นี่เอง นั้นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีคนนี้มันช่างโหดร้ายหรือเกิน สมควรที่จะมาขอโทษต่อหน้ามวลชนนะ”นักข่าวหญิงพูดอย่างจริงจัง
คนพวกวังเหว่ยและเสี่ยวซู่ถิงที่อยู่ข้างๆพอเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนจนน่าเกลียดขึ้นมา
“หน้่ด้านหรือเกิน ไอ้แก่หลายคนนี้ไร้ยางอายอย่างหาที่สุดมิได้!”เสี่ยวซู่ถิงพูดอย่างโกรธขรึม
เธอคาดไม่ถึงว่าสามตระกูลใหญ่ยังต้องเชิญนักข่าวมารายงานเรื่องนี้ด้วย ช่างไร้ยางอายหรือเกิน
“ฉันก็คาดไม่ถึงว่าสามตระกูลใหญ่จะเป็นแบบนี้”วังเหว่ยก็ขมวดคิ้วและพูด
ถ้าเรื่องนี้ถูกนักข่าวรายงานออกไป จะต้องใส่ร้ายลู่เฉินอย่างเต็มที่แน่นอน
“เอ๊ะ ประธานวัง พวกเขาบอกว่าคุณชายลู่เป็นตัวแทนของสมาคมหินหยาบไปเข้าร่วมการแข่งเดิมพันบนหิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ ทำไมพวกเราถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนล่ะ?”จู่ๆเสี่ยวซู่ถิงก็ถามขึ้นมา
“ฉันก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่คุณชายลู่ก็มีความคิดที่จะพัฒนาช่องทางหินหยาบอยู่แล้ว เขาอาจคิดจะไปทำการโฆษณาให้ช่องทางหินหยาบมั้ง”วังเหว่ยเดาขึ้นมา
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณชายลู่ทำผิดพลาดแล้ว ความสนใจของเขาควรจะอยู่ที่เทคโนโลยีอี้ฉีถึงถูก เพราะตอนนี้เทคโนโลยีอี้ฉีกำลังอยู่ในการก่อสร้างที่สำคัญที่สุด ฉันไม่ควรที่จะไปทำเรื่องอื่นในเวลานี้นะ”เสี่ยวซู่ถิงบ่นขึ้นมา
“เออ ฉันก็เป็นห่วงว่าวิกฤตครั้งนี้จะสามารถรอดไปได้หรือเปล่า”ระหว่างคิ้วของวังเหว่ยเต็ไปด้วยความห่วงใย ครั้งนี้สามตระกูลใหญ่ก่อเรื่องขึ้นมาอย่างกระทันหัน พวกเขาก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน แถมเขายังสงสัยว่า ลู่เฉินจะสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้หรือเปล่า
“พวกเขาแต่บอกว่าอยากจะให้คุณชายลู่มากล่าวคำขอโทษ น่าจะไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คุณคิดนะ”เสี่ยวซู่ถิงขมวดคิ้วและพูด
วังเหว่ยมองไปที่เสี่ยวซู่ถิง แอบพูดอยู่ในใจว่าแม้ว่าความสามารถในการบริหารของเสี่ยวซู่ถิงแข็งแกร่งอยู่ แต่ยังไงอายุก็น้อยไป ถ้าหากครั้งนี้ลู่เฉินก้มหน้าให้สามตระกูลใหญ่ นั้นทีหลังเทคโนโลยีอี้ฉีก็ไม่มีอากาสนำหน้าสามตระกูลใหญ่แล้ว
เขาเชื่อว่าสามตระกูลใหญ่ก็เห็นถึงจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้เลยต้องให้ลู่เฉินกล่าวขอโทษพวกเขาต่อหน้ามวลชน
“ฐานะของลู่เฉินก็ถูกเปิดเผยโดยพวกเขา คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเขาเปิดเผยฐานะของคุณชายลู่ออกมาในเวลานี้เพื่ออะไร?”วังเหว่ยถามกลับ
เสี่ยวซู่ถิงเข้าใจขึ้นมาแล้ว เดิมทีเธอก็เป็นคนที่ฉลาดมากอยู่แล้ว พอถูกวังเหว่ยเตือนมาแบบนี้ เธอก็รู้จุดประสงค์ของ 3 ตะกูลใหญ่แล้ว
ขณะนี้ เมื่อเห็นว่านักข่าวสัมภาษณ์กันเกือบเสร็จแล้ว จางเซิงเฉียวเลยลุกขึ้นและเดินมาทางวังเหว่ยและเสี่ยวซู่ถิง
“พวกแกสองคนล้วนเป็นผู้บริหารของเทคโนโลยีอี้ฉีใช่ไหม รีบให้ลู่เฉินไอ้เหี้ยนั้นออกมาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นวันนี้พวกแกก็อย่าคิดจะได้ทำงานเลย”จางเซิงเฉียวพูดอย่างหยิ่ง
“พวกแกก็เห็นแล้วเนาะ นักข่าวล้วนมาสัมภาษณ์แล้ว ถ้าเจ้านายพวกแกยังไม่ออกมาขอโทษ ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้เลย คืนนี้ สื่อทุกแหล่งก็จะประกาศข่าวที่เลวร้ายของเขาออกมาหมด ลองดูเถอะนะพอถึงเวลานั้นยังมีใครกล้าร่วมมือกับบริษัทพวกแกอีก”หลิวชิหมิงก็พูดขึ้นมา
พวกเขาถือว่าหยิ่งกำเริบมากๆ แต่พวกผู้จัดการของเทคโนโลยีอี้ฉีไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไร
เพราะพวกเขาล้วนรู้ว่าชายชราสองคนนี้ไม่เพียงแค่คนแก่ธรรมดา เป็นผู้นำของสามตระกูลใหญ่ด้วย อย่าไปพูดถึงคนธรรมดาอย่างพวกเราเลย แม้กระทั่งทั้งยวี่โจว ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนกล้าไปยั่วยุเขาหรอก
เสี่ยวซู่ถิงหายใจเข้าลึกๆ และเดินขึ้นไปพูดว่า”เจ้านายพวกเราช่วงนี้ไม่ได้อยู่ไหนยวี่โจว เขาก็มีหลายวันที่ไม่ได้มาบริษัทแล้ว ถ้าพวกคุณมีอะไรจะบอกกับเขา สามารถบอกกับฉันก่อน รอให้เขากลับมาก่อนฉันค่อยบอกให้เขาฟัง”
“ไม่อยู่ในยวี่โจว?”หลิวชิหมิงมองไปที่เสี่ยวซู่ถิง และหัวเราะเยาะว่า”ฉันแค่ไม่กล้ามาพบกับพวกเราเฉยๆ ถ้าแกไม่เชื่อก็โทรไปถามเขาว่า ทำไมไม่กล้าออกมาพบกับพวกเรา”
จางเซิงเฉียวสังเกตเสี่ยวซู่ถิงอย่างละเอียด เสี่ยวซู่ถิงไม่เพียงแค่มีออร่าที่สมบูรณ์แบบ ยังเป็นสาวสวยที่มีลำดับอยู่ต้นๆด้วย ชายชราจางเลยอดไม่ได้ที่จะมองอีกสักหลายตา
“แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับพวกเรา?”จางเซิงเฉียวมองไปที่เสี่ยวซู่ถิงอย่างเยาะเย้ย มิได้ซ่อนความลบหลู่ดูหมิ่นแม้แต่นิด
เสี่ยวซู่ถิงรู้สึกรังเกียจสายตาของจางเซิงเฉียว แต่เธอยังคงอดทนไว้และพูดว่า”ฉันเป็นประธานของเทคโนโลยีอี้ฉี เรื่องหลายอย่างในบริษัทฉันล้วนสามารถตัดสินใจได้”
จางเซิงเฉียวหัวเราะเยาะออกมา”ประธานเหรอ ก็เป็นแค่ลูกจ้างแค่นั้นเอง เขาออกเงินเดือนต่อปีให้แกเท่าไหร่?หนึ่งล้าน?หรือสองล้าน?มาเป็นผู้ช่วยของฉันเถอะ ฉันจะออกเงินเดือนต่อปีให้แกห้าล้าน”
เสี่ยวซู่ถิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและผพูดว่า”เจ้านายพวกเราเงินเดือนต่อปีให้ฉันเป็นเงินหนึ่งร้อยล้านบอกโบนัสอีก”
แม้ว่าเธอไม่ได้เยาะเย้บจางเซิงเฉียวอย่างชัดเจน แต่ทุกคนล้วนสามารถฟังออกกว่าเธอตั้งใจที่จะทำให้จางเซิงเฉียวหน้าแตก
สีหน้าของจางเซิงเฉียวน่าเกลียดขึ้นมาจริงๆอย่างที่คิด ชี้ไปที่เสี่ยวซู่ถิง คิดจะระบายความโกรธออกมา
แต่ก็คือในเวลานี้ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเขารับสายแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จู่ๆก็กลายเป็นว่าโมโหถึงขั้นสุดๆ